02 ลาออก


2 ลาออก

          นายพลตำรวจโทสุกัณฑ์ รัตนโกวิท นั่งหน้าเครียด มือกุมขมับ ภายใต้เก้าอี้นวมตัวโปรด

          “มันเกิดอะไรขึ้นหนักหนาวะสิทธิ์? แกทำงานทีไรมีเรื่องทุกที”

          ไม่มีคำอธิบายใดๆ จากผู้ใต้บังคับบัญชา

          “ท่านผบ. ตำหนิการทำงานของเราอย่างมาก หาว่าไม่มีความรับผิดชอบ ปฏิบัติหน้าที่หละหลวม ปล่อยให้คนร้ายเข้ามาภายในงาน...แกจะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไง?”

          ผู้ใต้บังคับบัญชาก้มหน้านิ่ง

          “ยิ่งงานนี้ผู้ใหญ่ไว้ใจเราเข้ามาจัดการ เราดันพลาด ปล่อยให้ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาในงาน”

          ผู้อำนวยการแห่งหน่วยสืบสวนฯ ระเบิดใส่ลูกน้องฝีมือดี

          “นี่ยังโชคดี ที่มิสเตอร์แม๊คเคลย์แค่บาดเจ็บเล็กน้อย หากเจ็บหนักหรือเสียชีวิต รับรองว่าความสัมพันธ์ของเรากับอังกฤษเป็นเรื่องใหญ่แน่!!!”

          ผู้บังคับบัญชามองหน้าลูกน้องก่อนเอ่ยช้าๆ หนักแน่น

          “ผู้ใหญ่สั่งพักงานแกอย่างไม่มีกำหนด...”

          “หา!!...อะไรนะครับหัวหน้า”

          ลูกน้องมือดีเบิกตาโต จ้องผู้บังคับบัญชาซึ่งนั่งหน้าเครียด นึกไม่ถึงกับผลลัพธ์ที่ออกมา

          “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ถึงกับพักงานเชียวหรือครับ?”

          “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแล้วนะโว้ย...ดีนะ...ที่ผู้ใหญ่สั่งพักงานแกอย่างไม่มีกำหนด”

          “เรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นเหตุสุดวิสัยนะครับหัวหน้า ผมพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ไม่เชื่อก็ไปถามมิสเตอร์แม็คเคลย์ก็ได้ ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง? แล้วคนบริสุทธิ์ที่ต้องตายในงานล่ะครับ? ใครจะรับผิดชอบ?”

          มือปราบหนุ่มย้อมถามเสียงเครียด

          เป็นคำถามที่ทำเอาผู้อำนวยการหน้าชาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะให้คำตอบลูกน้องยังไง

          “คนที่ตายส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทยเกือบทั้งนั้น ครอบครัวของเขาจะทำยังไงครับ? อยากให้หัวหน้าเรียนถามผู้ใหญ่ให้ด้วย ใครที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่รู้หรอครับว่ามันรวดเร็วขนาดไหน เห็นเวลาเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น เวลาจับคนร้ายได้ คนที่ออกมาแถลงข่าวก็คือหัวๆ ที่นั่งในห้องแอร์คอยสั่งๆๆ นั่นแหละ...แต่ไอ้คนทำงานกลับไม่ได้หน้า ไม่ได้ออกอากาศ พวกท่านนั่งกันหน้าสลอน แถลงข่าวเอาผลงาน จะเอ่ยชื่อทีมงานก็ไม่เคยมี บอกแค่ว่าทุกอย่างเรามีการวางแผนมาอย่างดีแล้ว แต่พอเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น จับคนร้ายไม่ได้ ไม่เห็นพวกท่านจะรับผิดชอบ กลับบอกว่า เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาหละหลวมบ้างล่ะ  ไม่เห็นมีใครรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งเลย แต่กลับมาลงที่คนทำงานจริง หาว่าทำงานห่วย ไม่ได้เรื่อง สั่งพักงานบ้าง ให้ออกบ้างล่ะ รับชอบน่ะขอเถอะ แต่รับผิดก็โยนให้ลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชา มันสร้างกำลังใจดีนะครับหัวหน้า... ในเมื่อท่านสั่งพักงาน ก็เท่ากับว่าผมทำงานไม่เป็นที่ถูกใจ ดังนั้น...ผมขอลาออกดีกว่าครับ สบายใจกว่าเยอะ”

          มือปราบตงฉิน ตัดพ้อต่อว่าด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ระบายความอัดอั้นในการทำงานของงตำรวจไทย ที่เป็นแบบนี้มาช้านาน แววตาปราศจากความรู้สึกใดๆ หยิบบัตรประจำตัวพร้อมอาวุธประจำกาย วางบนโต๊ะท่านผู้อำนวยการ

          “เฮ้ย...พักงาน ไม่ได้หมายความว่าแกถูกไล่ออกนะโว้ย”

          ท่านนายพลมองหน้า เมื่อได้รับคำตอบที่คาดไม่ถึงของลูกน้องฝีมือดี

          “มันก็คล้ายๆ กันล่ะครับหัวหน้า สั่งพักงานก็เหมือนกับไม่ได้ทำงาน และเรื่องที่เกิดขึ้นผมก็กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ขนาดหน่วยของเราเป็นหน่วยพิเศษ ก็ยังมาเกี่ยวข้องแบบไม่รู้เรื่องอีก ผมก็คงต้องแสดงความรับผิดชอบ หัวหน้าคงเข้าใจนะครับ”

          ท่านนายพลนิ่งเงียบ สบตาลูกน้อง ยากที่จะบอกความรู้สึกใดๆ

          “เอายังงั้นก็ได้ว่ะ ฉันก็พูดลำบากโว้ย ในเมื่อทำงานในประเทศนี้ ก็ต้องยอมรับในเรื่องของระบอบอำมาตย์ล่ะวะไอ้สิทธิ์ ฉันเข้าใจแกว่ะ แต่ฉันไม่อนุมัติให้แกลาออก อยากให้แกไปพักเฉยๆ ทำใจให้สบายหน่อยโว้ย อย่าลืมว่าหน่วยของเราเป็นหน่วยพิเศษ ยังไงมันก็ต้องมีทางออกบ้างล่ะ ส่วนบัตรประจำตัวกับปืนของแก ฉันจะเก็บเอาไว้ก่อน ฉันยังไม่อยากเสียมือดีอย่างแกไป พร้อมเมื่อไหร่ ค่อยกลับมาทำงานตามเดิม ฉันจะแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบเอง ว่าฉันให้แกลาพักร้อน ซึ่งมันก็คงดีกว่าถูกสั่งพักงาน”

          “ขอบคุณครับหัวหน้า”

          ลูกน้องมือดี ทำความเคารพผู้บังคับบัญชา อย่างเข้มแข็ง

          “สิทธิ์!! ฉันขอเตือนไว้อย่าง แกจะทำอะไรขอให้ทำด้วยความรอบคอบ ระวังไว้ว่าความใจร้อนของแก อาจนำภัยมาสู่ตัวเอง ประเทศของเราเจ้าพ่อมันเยอะนัก เกิดแกไปเหยียบตาปลาใครเข้า คงลำบากว่ะ ถึงเวลานั้น ฉันก็คงช่วยอะไรแกไม่ได้”

          ท่านผู้อำนวยการฯ สั่งเป็นคำรับสุดท้าย ก่อนว่าที่นายตำรวจหนุ่ม จะก้าวพ้นห้องทำงานอันหรูหรา

------------------------------------

          สองล้อสปอร์ต 6 สูบ เคลื่อนที่ออกจากหน่วยสืบสวนฯ อย่างรวดเร็ว มือปราบนักบิดบังคับพาหนะคู่ชีพอย่างคล่องแคล่ว จุดมุ่งหมายคือคฤหาสน์หรูหราในเขตจังหวัดปทุมธานี...

          บ่ายแก่ๆ แสงแดดแผดกล้า มือปราบนักบิดเคลื่อนสปอร์ตสองล้อด้วยความเร็วต่ำ มาหยุดดยังหน้าบ้านหลังใหญ่รั้วเป็นหินอ่อนขนาดไม่สูงนัก ป้ายหินอ่อนที่กำแพงมีตัวหนังสือสีทองเขียนไว้ว่า ‘บ้านสุวนาถราชธน’

          มือปราบเลื่อนกระจกหมวกนิรภัยขึ้น ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อเม็ดโตๆ กดแตรรถเรียกคนภายใน

          เสี้ยวเวลาไม่ถึงนาที ชายสูงอายุ รีบกุลีกุจอมาเปิดประตูกล่าวต้อนรับแขกยามบ่าย

          ชายหนุ่มขอบคุณผู้เปิดประตู บังคับยานยนต์คู่ชีพเข้าภายในอย่างช้าๆ ผ่านสวนสวยเนื้อที่กว้าง ไม้ดอก ไม้ยืนต้น ขึ้นครึ้มสลับกับเสาหินทรงโรมันสีขาวที่ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปปั้นสาวยุโรปสมัยโบราณ มือข้างหนึ่งชูคบเพลิง ซึ่งในนั้นบรรจุด้วยหลอดไฟแบบประหยัด ตั้งห่างเป็นระยะๆ ทั้งสองข้างทาง ช่วยให้ร่มเงาและความสวยงาม ก่อนถึงตัวบ้านอันใหญ่โตหรูหรา

          มือปราบบังคับรถหยุดบริเวณน้ำพุหน้าประตูไม้สัก ถอดหมวกออกแขวนกับกระจกมองงหลัง

          “เป็นไงมาไงวะ? ไอ้สิทธิ์ หายหน้าไปนานเลยนะโว้ย”

          เจ้าของบ้านโผล่ออกมาทักทายอย่างเป็นกันเอง

          “ก็ยุ่งๆ อยู่เหมือนกัน ว่าแต่แกเถอะ เป็นไงมั่ง? เห็นว่าได้เลื่อนเป็นหัวหน้าแล้วนี่หว่า ไม่ส่งข่าวกันเลยนะ”

          อาคันตุกะหนุ่มกล่าวทักทายด้วยสีหน้ายุ่งๆ เจ้าของบ้านแค่นหัวเราะแห้งๆ ก่อนเชิญชวนเข้าบ้าน

          “เข้าบ้านก่อนเถอะวะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน อากาศข้างนอกร้อนจะตาย”

          นายร้อยตำรวจเอกฤทธี สุวนาถราชธน ชายหนุ่มอายุ 29 ปี รูปร่างสูง มัดกล้ามพองาม เป็นเพื่อนสนิทของสิทธิ์ธนู ตั้งแต่สมัยชั้นประถม จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยปราบปรามปริมณฑล[1]

ผู้กองหนุ่มเชื้อเชิญเพื่อนสนิท นั่งโซฟาหนังแท้อย่างดี ภายในห้องรับแขกที่โอ่โถงและเย็นฉ่ำ พร้อมกำชับแม่บ้านให้ดูแลเรื่องอาหารให้เรียบร้อย ก่อนจะเริ่มบทสนทนา

          “เมื่อไหร่จะหาแฟนสักทีวะ? บ้านก็ออกใหญ่โตอยู่คนเดียวไม่เหงาหรือไง?

          ผู้มาเยือนยิงคำถามเจาะใจ

          “อย่าให้พูดเลยวะ...งานอย่างพวกเรา แกก็รู้...ยุ่งจะตายชัก จะเอาเวลาที่ไหนไปหาเมียล่ะวะ? แล้วยิ่งตอนนี้ฉันเพิ่งได้เป็นหัวหน้า ความรับผิดชอบยิ่งมากกว่าเดิมอีก”

          เพื่อนสนิทเล่าความในใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนเอ่ยแซว

          “ดังใหญ่แล้วนะโว้ย หนังสือพิมพ์พาดหัวโตเบ้อเร่อ”

          มือปราบมองหน้ายิ้มน้อยๆ ก่อนพูดลอยๆ

          “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ตอนนี้ฉันขอหัวหน้าลาออกแล้วว่ะ”

          ผู้มาเยือนหยุดหายใจ แม่บ้านนำน้ำออกมาต้อนรับแขก  สิทธิ์ธนูยกแก้วขึ้นจิบ

          “เรื่องแค่นี้แกไม่เห็นต้องลาออกเลยนี่วะ?”

          “ถ้าไม่ลาออกก็ถูกสั่งพักงาน มันมีค่าเท่ากันแหละ สู้ลาออกเองจะดีกว่า จะได้ไม่เสียประวัติ”

          “ก็จริงของแก ว่าแต่เหตุการณ์มันเป็นยังไง? เห็นในหนังสือพิมพ์บรรยายอย่างกับเห็นด้วยตา”

          มือปราบตงฉินหัวเราะในลำคอ ก่อนเล่าให้ผู้กองผู้ฟัง

          “แกก็รู้นี่หว่า นักข่าวโม้เก่งขนาดไหน? เรื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก แค่มันบุกเข้ามาแบบเงียบๆ หากไม่มีใครสังเกตพิรุธมันได้ล่ะก็ เรียบร้อยไปนาน ฉันอาจจะไม่ได้มานั่งพูดกับแกก็ได้...ที่แค้นคือ มันรวดเร็ว จนฉันเองตั้งตัวแทบไม่ติด ที่สำคัญ...ใครจะไปคิดว่ามันจะเล่นระเบิด ไม่ใช่แค่ลูกเดียวนะโว้ย แต่มันล่อซะสองลูก แล้วอย่างนี้ใครจะไปรอดวะ เผลอแป๊บเดียว มันโผล่เข้ามายิงมิสเตอร์แม๊คเคลย์ระยะเผาขน โชคดีที่ฉันไหวตัวทัน ไม่งั้นมิสเตอร์แม็คเคลย์คงได้ไปสวรรค์แล้ว...”

          “เอาล่ะๆ ไอ้สิทธิ์ แกอย่าคิดมากเลยวะ ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องมันจะเป็นยังไง คงต้องปล่อยเลยตามเลย”

          ผู้กองขัดขึ้นก่อนเพื่อนสนิทจะพูดจบ

          “ฉันไม่ปล่อยไอ้เดนนรกนั่นไว้แน่ๆ ยังไงก็ตามมันต้องชดใช้ แกช่วยสืบให้หน่อยได้ไหมวะ? ว่ามันเป็นใคร?

          ผู้กองหนุ่มอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไง

          “ให้ลูกน้องแกช่วยจัดการก็ได้ แกมีลูกน้องเก่งๆ เยอะนี่ ถือว่างานนี้แกช่วยผู้เคราะห์ร้ายก็แล้วกัน”

          เจอไม้นี้เข้า ผู้กองฤทธีเลยจำเป็นต้องรับปาก

          “ก็ได้ๆ แต่งานนี้ไม่รับรองว่าจะสืบหาได้แน่นอนนะโว้ย ห่า!! เจอกันทีไร มีเรื่องต้องขอร้องทุกทีซิวะ”

          ผู้กองบ่นด้วยความน้อยใจ ใบหน้ายู่ยี่ สิทธิ์ธนูขำในท่าทางของเพื่อนรัก

          “แล้วเรื่องรถที่ระเบิดเมื่อวันก่อน ฝีมือแกด้วยหรือเปล่าวะ?”

          ผู้กองถามต่อทันที เพื่อนคู่หูยิ้มน้อยๆ พยักหน้าตอบ

          “ฉันคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแก เรื่องห่ามๆ แบบนี้ มีแต่แกเท่านั้นที่ทำได้”

          “รู้แล้วจะถามทำไมวะ?”

          “ก็เพื่อให้มันชัดขึ้น ไม่มีมือที่สาม เพราะเดี๋ยวนี้ ข่าวมือที่สามกำลังฮิตว่ะ”

          ชี้มาทางเพื่อนรัก หัวเราะอารมณ์ดี

          “ข่าวเขาว่า นายเป็นเหมือนพวกฮีโร่ หรืออะไรประมาณนั้นน่ะ เล่นแต่งชุดเท่ๆ ควบไวท์ฮอร์ค ทำตัวเหมือนฮีโร่เข้าไปทุกทีแล้วนะโว้ย”

          คนถูกชมยิ้มชอบใจ

          “ช่างมันเถอะ!! ขี้โม้กันทั้งนั้น ฉันล่ะเกลียดพวกนักข่าวเหลือเกิน ชอบสร้างข่าวเว่อร์ๆ...ว่าแต่แกมีเรื่องอะไรมันๆ ให้ฉันทำบ้างไหม?”

          ผู้กองนั่งนิ่ง ก่อนเอ่ยหน้าแห้งๆ

          “อย่าดีกว่าว่ะสิทธิ์...เดี๋ยวเรื่องทางฉันได้วุ่นวายกันใหญ่”

          ผู้กองหนุ่มรีบโบกมือห้าม สิทธิ์ธนูจ้องหน้า แววตาดุดัน ต่อว่าต่อขานยกใหญ่

          “แกหาว่าฉันเป็นตัววุ่นวายเหรอวะ?...อุตส่าห์หนีร้อนมาพึ่งเย็น เสือกเห็นเป็นเรื่องวุ่นวาย”

          ผู้กองฤทธี รีบอธิบายความ ก่อนที่เพื่อนรักจะโมโหยิ่งขึ้น

          “ไม่ได้หมายความตามที่พูดโว้ย!!...ฉันหมายความว่า แกเป็นคนที่ทำงานแบบถึงลูกถึงคน ทำงานเกินเป้า หน่วยของฉันไม่เหมาะกับแกหรอกว่ะ ไว้มีงานเสี่ยงๆ ประเภทไล่ล่าเมื่อไหร่? รับรองฉันจะบอกแกเป็นคนแรก”

          “เออ...แล้วไปโว้ย”

          มือปราบนักบิดมองหน้า ส่วนผู้กองลอบถอนหายใจ ยิ้มกรุ้มกริ่มกับไหวพริบตัวเอง

 ------------------------------------

          ห้องใต้ดินขนาดใหญ่ลึกลงไปหลายร้อยเมตรใจกลางเมือง ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีอันทันสมัย โดยคณะวิศวกรมือดีจากนานาประเทศ ที่ร่วมกันเนรมิตห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ให้มีความวิจิตรบรรจง

          ผนังทั้งสี่ด้านมีไฟนีออนติดเป็นแนวยาวต่อเนื่องรอบห้อง กลายเป็นเส้นสีขาวส่องสว่างตัดกับความมืดของห้องลับ สปอร์ตไลท์บนเพดานสว่างวาบ ปรากฏร่างสูงใหญ่ภายใต้หน้ากากกับชุดคลุมกำมะหยี่สีดำ นั่งบนบัลลังก์โลหะเงินขนาดใหญ่ บนพื้นยกสูง กลุ่มชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่า 50 คน ในชุดแต่งกายสีดำทะมัดทะแมง ยืนเป็นแถวตอนอย่างมีระเบียบเบื้องหน้า

          “พวกเราคงรู้ข่าวการตายของมิสเตอร์แม็คเคลย์แล้วนะ”

          “ครับท่าน พวกเราติดตามมาโดยตลอดตั้งแต่รู้ว่ามันจะเดินทางมาที่นี่”

          ชายหนุ่มหน้าแถวสวมแว่นสายตาแบบไร้กรอบ รูปร่างสูงใหญ่กว่าคนอื่นๆ ท่าทางเป็นหัวหน้า ตอบด้วยเสียงหนักแน่น

          “ต้องขอบคุณไอ้มือสังหารนั่นจริงๆ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลา จัดการเอง”

          นายท่านของพวกมันเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจ

          “เวหา! ให้คนของเราออกค้นหาไอ้มือสังหารให้เร็วที่สุด ฉันต้องการมันมาทำงานกับองค์การของเรา หากมีมันอยู่ทุกอย่างคงจะราบรื่นขึ้นแน่ หึ...หึ...หึ”

          “ได้ครับท่าน”

          เวหา ลูกน้องหัวแถว น้อมรับคำสั่ง หันไปทวนคำสั่งกับสมุนที่เหลือ

          “พวกแกได้ยินกันแล้วใช่ไหม? นำตัวไอ้มือสังหารมาให้ได้ ท่านประธานต้องการตัวมันมาเป็นพวกของเรา”

          สมุนร่วมห้าสิบรับคำแทบจะพร้อมกัน จากนั้นจึงแยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ตามได้รับมอบหมาย

          “เวหา! งานนี้ฉันต้องการตัวมันเป็นๆ ฉันไม่อยากให้พวกแกใช้กำลังกับไอ้หมอนี่ ท่าทางฝีมือมันพอตัว ขืนสู้กันพวกเราอาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ”

          “แน่นอนครับท่าน ผมขอรับรองว่าเราต้องได้ตัวมันมาแน่!!”

          ท่านประธานหัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนเดินลงจากบัลลังก์สีเงินขนาดใหญ่

          “แล้วเรื่องโครงการของเราล่ะ ไปถึงไหนแล้ว?”

          เวหา ขยับแว่นเล็กน้อย ไม่ตอบคำถามแต่กลับเดินนำหน้าท่านประธานไปยังประตูลับขนาดเล็ก กดปุ่มเล็กๆ บริเวณผนัง ประตูค่อยๆ เลื่อนออกจากกันอย่างช้าๆ แสงนีออนสว่างเป็นทางยาวบันไดทอดลงไปสู่เบื้องล่าง เวหาผายมือเชิญท่านประธาน

          ภายในห้องกระจกใสขนาดใหญ่ นักวิทยาศาสตร์ในชุดกาวน์สีขาวพร้อมผ้าปิดปากสี่ห้าคนกำลังขะมักเขม้นกับการทดลอง สายไฟระโยงระยาง ขวดแก้วรูปทรงแปลกตา วางเกะกะเต็มโต๊ะ

          “กระจกที่เราเห็นอยู่นี้เป็นกระจกใสด้านเดียว ข้างในไม่สามารถมองทะลุออกมาได้ ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ของเรากำลังเตรียมแผนการไมโครทู (Micro 2) อีกไม่กี่วันก็จะเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”

          เวหา อธิบายเป็นฉากๆ ท่านประธานพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงรับทราบ

          “ดีมาก...พวกเขาไม่กระด้างกระเดื่องอะไรนะ?”

          “แน่นอนครับท่าน”

          “นายคงรู้ดีอยู่แล้วใช่ไหม? ว่าคนที่ทรยศองค์การของเรา จะเป็นยังไง?”

          ภาพแห่งความป่าเถื่อนสุดที่จะพรรณนา ปรากฏในสมองของสมุนหนุ่ม

          เป็นภาพแห่งทรมานผู้ที่คิดหนีหรือต่อต้านองค์การด้วยวิธีพิสดาร สุดแสนจะโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ ก่อนจะค่อยๆ ปลิดชีวิต ภาพต่างๆ ที่เคยเห็น ปรากฏขึ้นภาพแล้วภาพเล่า กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น เพราะจิตใจตะเลิดไปไกล ก่อนจะรับคำด้วยเสียงสั่นพร่า

 --------------------------------------


[1] หน่วยปราบปรามปริมณฑล เป็นหน่วยปราบปรามเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้น เพื่อประสานการทำงานของท้องที่รอบๆ กรุงเทพให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น หน่วยงานพิเศษที่จัดตั้งขึ้นใหม่ แบ่งได้ดังนี้ คือ หน่วยปราบปรามเขตเหนือ หน่วยปราบปรามเขตใต้ หน่วยปราบปรามตะวันออก หน่วยปราบปรามตะวันตก

หมายเลขบันทึก: 320861เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2009 02:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 11:25 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท