หมอฝน พญ.สกาวเดือน นำแสงกุล แห่ง รพ.ครบุรี ส่งข้อความผ่าน e-mail มาเล่าเรื่องราวการทำงานให้รู้ ดิฉันเห็นว่าเป็นเรื่องที่ให้ข้อคิดในการทำงานที่ดี อีกทั้งทีมที่หมอฝนไปทำงานให้คือทีมของจังหวัดนครนายกก็เป็นทีมที่น่าสนใจ เมื่อปี ๒๕๕๑ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครนายกส่งบุคลากรเข้าร่วมประชุมในงานมหกรรม KM เบาหวานของเราจำนวนหลายสิบคน ปีนี้ยังทำงานต่อเนื่อง จึงน่าจับตามองและติดตามผลงานต่อไป
วัลลา ตันตโยทัย
สวัสดีค่ะ ทุกคน
เมื่อวันที่ ๘-๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๒ ฝนและทีมงานได้มีโอกาสจัดกิจกรรมให้กับทีมงานดูแลผู้ป่วยเบาหวานของจังหวัดนครนายก โดยวันที่ ๘ ธันวาคม เป็นกิจกรรมเสริมสร้างพลังใจ วันที่ ๙-๑๑ ธันวาคม เป็นกิจกรรมค่ายเบาหวาน โดยมีจุดประสงค์เพื่อสอนเรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเบาหวาน และมีผู้ป่วย ๕ คน มาเป็นอาจารย์ ให้ทีมเจ้าหน้าที่ได้ดูแลและเรียนรู้ และผู้ป่วยก็ได้เรียนรู้จักตนเองและเบาหวานเช่นกัน
สิ่งที่ได้เห็นคือเจ้าหน้าที่มีศักยภาพ มีความสามารถในการเรียนรู้ เป็นแนวคิดที่ดีของพี่ปุ๋มและพี่หน่อง ในการให้จัดกิจกรรมเสริมสร้างพลังใจก่อน
พลังใจ .....กำลังใจ เป็นสิ่งที่มีอยู่กับทุกคน แต่มักจะมีการเพิ่มๆ ลดๆ เป็นธรรมดา หากเราไม่ได้ฝึกฝน เรียนรู้ มีสติ ที่จะเข้าใจตัวเรา ใจของเรา และที่ขาดไม่ได้คือกัลยาณมิตรที่จะช่วยเหลือเติมเต็มพลังใจ กำลังใจให้กันและกัน
น่าคิดว่าคนเราทุกคนควรทำงาน แต่การทำงานในปัจจุบันนำไปสู่การบั่นทอนกำลังใจเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นความเร่งรีบ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๑ ปี ทั้งๆ ที่ตัวองค์กรต้องการเวลา ๒-๓ ปี ในการพัฒนา ส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่รีบให้เสร็จ เมื่อเสร็จก็ได้รับการประเมินว่าดี แล้วด้วยความเหนื่อยของการเร่งรีบ ก็ทำให้วางงานนั้นลงเสีย แล้วเมื่อถูกเร่งมาก็เริ่มใหม่ หมุนเป็นวงล้อ แต่สิ่งที่สูญเสียไปคือ พลังใจในการทำงาน เพราะคุณค่าที่แท้จริงของงานได้จางหายไปเรื่อย ๆ
หลังจากกิจกรรมเสริมสร้างพลังใจ เราสามารถมองเห็นใจของผู้คนที่ได้รับการเติมเต็มซึ่งกันและกัน เมื่อมาเรียนรู้การดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ด้วยความสนุกสนาน ได้เรียนรู้มากมาย อยากกลับไปทำต่อ อยากเอาไปช่วยผู้ป่วย ฝันต่างๆ ได้ก่อเกิดขึ้น ฝันที่สวยงาม เป็นพลังใจอย่างหนึ่งเช่นกัน ...แต่สิ่งที่ต้องรู้คือ มองกลับสู่บริบทของแต่ละที่ แต่ละโรงพยาบาล แต่ละ CUP ..... ส่งผลให้การทำ "ฝันที่ให้เป็นจริง" มีความยากง่ายในแต่ละแห่ง ทำอย่างไรจะไม่ท้อ ......ถ้าหนทางนั้นห่างไกล....หนทางนั้นมีคนอื่นเป็นปัจจัยร่วม......
คงต้องบอกว่า .... การฝันให้พอเหมาะ ....ฝันให้ต่อเนื่ง .....ฝันให้ระยะยาว .....พึงพอใจกับเรื่องเล็กๆ และเรื่องใหญ่ ๆ ทุกเรื่อง ....การทำให้คนคนหนึ่งมีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่พอๆ กับการได้รับรางวัลจากการประกวดผลงาน หรือการได้คำชมเชยจากหัวหน้า หรือได้สองขั้น .......และอย่าลืม เข้าใจบริบทแห่งองค์กรของตน .....ค้นหากัลยาณมิตร.... ทีมสหวิชาชีพ ที่เป็นกัลยาณมิตรกัน ทุกข์ด้วยกัน สุขด้วยกัน ได้ความดีความชอบด้วยกัน (จัดการอหังการในความเก่งของตนให้ได้)
สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ที่จะค้นพบศักยภาพในตนเองและคนอื่นๆ และพร้อมเดินไปด้วยกัน เพื่อให้ความดีงามได้ก่อเกิดบนโลกใบนี้
ด้วยรัก
ฝน
สวัสดีค่ะ"อาจารย์วัลลา"
อ่านจดหมายฉบับนี้(ของหมอฝน)แล้วรู้สึกอยากทำงาน
ทำงานกับคนหมู่มาก โดยเฉพาะกับคนป่วย
คงต้องขอพลัง..กำลังใจ..มาเติมเต็มให้กันและกันอย่างยิ่งค่ะ
มีกำลังใจขึ้นเยอะ เลยค่ะ อาจารย์วัลลา
อยากจะทำงานให้ดีที่สุด เพื่อคนไข้
รู้สึกดีทุกครั้งที่คนไข้อาการดีขึ้น
นี่แหละคือความสุขของคนทำงานอย่างพวกเราๆ
จริงๆแล้ว ไม่ใช่การมีเงิน OT มากๆ
แต่...เป็นการทำให้คุณภาพชีวิตของคนไข้ดีขึ้น
..เราเองรู้สึกว่ามึคุณค่ามากขึ้นค่ะ
ขอบคุณหมอเจ๊ และคุณเอก จตุพร ขอให้พรดีๆ ทั้งหลายที่ท่านได้รับ จงเป็นจริงตลอดไปนะคะ