สวัสดีค่ะ วันนี้ผู้เขียนมาปฏิบัติงานเวรเช้าที่หน่วยกู้ชีพนครินทร์เนื่องจากหน่วยได้รับมอบหมายให้จัดหน่วยปฐมพยาบาลงานรับเกียร์ของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.00 น. ณ ห้องประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นการแจ้งระยะเวลากระชั้นชิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้เองค่ะ จึงไม่สามารถจัดทีมออกปฏิบัติหน้าที่ได้ ผู้เขียนจึงต้องมาทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพในวันนี้เองค่ะ
7.45 น. รับส่งเวรต่อจากเวรดึก น้องพยาบาล 102 เวรดึก เล่าสถานการณ์ให้ฟังว่า
เกิดเหตุก๊าชแอมโมเนียรั่วที่ โรงน้ำแข็งใกล้โรงเรียนเทศบาลวัดกลาง มีเด็กนักเรียนเข้าค่ายลูกเสือประมาณกว่า 300 คน มีอาการหายใจไม่สะดวก แสบตา แสบจมูก หายใจเร็ว ตกใจ บางส่วนนำส่ง โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ส่วนใหญ่เคลื่อนย้ายจากจุดไปที่สนามกีฬากลาง ยังแสบตา ทีมกู้ชีพได้ประสานงานผู้เกี่ยวข้องขอย้ายเด็กนอนเข้าค่ายต่อที่โรงยิมของโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้บริหารโรงเรียนทั้งสองแห่ง จึงช่วยกันเคลื่อนย้ายต่อไปที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย โดยส่วนใหญ่เหล่านักเรียนที่ไม่มีอาการเดินไป มีบางส่วนขึ้นรถมูลนิธิ และ Ambulance งานนี้ทีมกู้ชีพกู้ภัยทุกทีมในจังหวัดขอนแก่นพร้อมใจกันออกปฏิบัติหน้าที่ มีแพทย์พยาบาลจากทีมกู้ชีพโรงพยาบาลขอนแก่นและทีมกู้ชีพจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ 2 ทีม ออกปฏิบัติหน้าที่ประจำการอยู่ดูแลปฐมพยาบาลผู้ป่วย ณ ที่ตั้งค่ายชั่วคราวโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย (ไปเวลา 01.16 - 03.10 น.)
ขอบคุณภาพจาก
http://www.krobkruakao.com/kkn/?a=news&s=detail&news_id=13010
บทเรียนที่ได้รับ
-
ขอนแก่นมีทีมกู้ชีพ กู้ภัย ในจังหวัดมีความพร้อมออกปฏิบัติงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง
-
ทีมมีเวลาไม่มากในการประเมินสถานการณ์และจัดการความปลอดภัย ในสถานการณ์ฉุกเฉินต้องการผู้นำที่สามารถติดต่อประสานงานผู้บริการส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยกันควบคุมและแก้ไขให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
-
การประสานงาน การตัดสินใจ การสั่งการ เป็นทักษะที่มีความจำเป็นต่อการช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน
-
การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ก๊าซแอมโมเนียรั่วซ้ำซ้อน หลายต่อหลายครั้ง น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่ายเพื่อให้ชุมชนและสิ่งแวดล้อมปลอดภัย
-
ผู้ประกอบการควรมีมาตรการควบคุมดูแล บำรุงรักษาตามมาตรการความปลอดภัยโดยเคร่งครัด
-
ผู้ปฏิบัติควรมีชุดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากก๊าซพิษที่สามารถนำมาใช้ได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์
ผู้เขียนติดตามข่าวจากเว็บ มีหลายแหล่ง Post ข่าวขึ้นเว็บกันเรียบร้อยแล้ว มีรายละเอียดเนื้อข่าวดังนี้
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 13 ธันวาคม 2552 เกิดเหตุก๊าซแอมโมเนียจากโรงงานน้ำแข็ง เอ็มพี ถ.เหล่านาดี เขตเทศบาลเมือง จ.ขอนแก่น รั่ว ทำให้นักเรียนที่กำลังเข้าค่ายลูกเสือที่โรงเรียนเทศบาลวัดกลางที่ด้านหน้าโรงงาน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1- มัธยมศึกษาปีที่ 4 ประมาณ 570 คน เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีความผิดปกติด้านทางเดินหายใจ ต้องนำส่งโรงพยาบาลหลายแห่งในจ.ขอนแก่น จำนวน 50 คน
ส่วนนักเรียนที่เหลือต้องอพยพไปตั้งค่ายลูกเสือที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย ซึ่งห่างจากโรงเรียนเทศบาลวัดกลางประมาณ 300 เมตร สำหรับค่ายลูกเสือดังกล่าวเป็นการเข้าค่ายของระดับ ม.1 - ม.2 โดยมีนักเรียนระดับ ม.3 - ม.4 เป็นพี่เลี้ยง และได้ให้เข้าค่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา โดยจะมีการปิดค่ายในวันที่ 20 ธ.ค. 2552
เบื้องต้นจากการสอบถามพนักงานโรงงานดังกล่าว ทราบว่า ได้เกิดความผิดพลาดจากการผลิตน้ำแข็ง ซึ่งปกติแล้วการทำน้ำแข็งจะต้องมีน้ำ และแก๊ซแอมโมเนียผสมกันในสัดส่วนที่พอเหมาะ
ก่อนเกิดเหตุพบว่า มีการปิดวาวล์น้ำ ทำให้แก๊ซแอมโมเนียเกิดการฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโรงงานน้ำแข็งดังกล่าว ตั้งอยู่ด้านหลังของโรงเรียนเทศบาลวัดกลาง ที่ผ่านมามักจะเกิดปัญหาขึ้นบ่อยครั้ง
ขอบคุณแหล่งข่าว
แอมโมเนีย คือ อะไร
มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสารเคมีตัวนี้กันนะคะ
“แอมโมเนีย” มีสถานะเป็นก๊าซ ไม่มีสี มีกลิ่นฉุนรุนแรงมาก เราอาจจะเคยได้กลิ่นนี้ก็ได้ ที่เราเรียกว่า “เยี่ยวอูฐ” สำหรับดมเวลาเป็นลม แต่ถ้าเป็นก๊าซแอมโมเนียล้วนจะฉุนจนสำลัก บางทีก็ใช้ในลักษณะของสารละลาย เพราะสามารถละลายน้ำได้ดีมาก สารทำความสะอาดในบ้านเรือนอาจเป็นพวกแอมโมเนียผสมแอลกอฮอล เช่น น้ำยาล้างกระจก สำหรับก๊าซจะเป็นสารนำความเย็นบรรจุในแผงท่อโลหะของตู้เย็น หรือเครื่องทำความเย็นของโรงงาน
ปัจจุบันมีการใช้แอมโมเนียอย่างกว้างขวางมาก ตัวสารแอมโมเนียเป็นด่างจึงมีฤทธิ์กัดกร่อนแบบด่างอื่น ๆ เช่นโซดาไฟ ทำให้เกิดการระคายเคือง แสบตา อาจทำให้ตาบอดได้ ก๊าซแอมโมเนียบรรจุในถังอัดก๊าซ เวลาลำเลียงขนส่ง
แอมโมเนียสามารถละลายในน้ำได้ ดังนั้นเมื่อมีการสัมผัสแอมโมเนียที่มีความเข้มข้นสูงๆ เราสามารถใช้น้ำสะอาดจำนวนมากล้างออกเพื่อให้อาการปวดแสบปวดร้อนทุเลาลงได้ ส่วนวิธีการกำจัดแบบง่ายก็คือการเจือจางในน้ำจำนวนมากๆ จนคิดว่ากลิ่นไม่ฉุนไม่เป็นอันตรายแล้วจึงค่อยนำไปทิ้งได้
การสูดเข้าไปแรง ๆ จะทำให้สำลักหายใจไม่ออก เพราะเกิดการบวมน้ำของทางเดินหายใจ มีอาการคลื่นไส้อาเจียร ปวดท้องรุนแรง เจ็บหน้าอก ชักและถึงตายได้ ถ้าสูดเข้าไปไม่มากนัก อาจจะเป็นแค่ปอดบวม เยื่อจมูกและตาอักเสบ เพราะละลายน้ำได้ดีและเกิดความร้อนด้วย สำหรับแอมโมเนียเหลวถ้าถูกผิวหนัง จะกัดผิวหนังด้วยความเย็นจัด
โรคที่เกี่ยวข้อง:
· โรคลมพิษจากการสัมผัส (Contact urticaria)
· โรคหลอดลมสาขาอุดตัน (Bronchiolitis obliterans)
ข้อชี้บ่งและอาการของการได้รับสารแอมโมเนีย
สารนี้ก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อ
-
เยื่อเมือก
-
ระบบทางเดินหายใจส่วนบน
-
ดวงตา
-
ผิวหนัง
-
การสูดดมอาจทำให้เกิดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ อักเสบ การบวมน้ำของ larynxand bronchi, chemical pneumonitis และอาการบวมน้ำที่ปอด
อาการที่เกิดจากการได้รับสารนี้ อาจได้แก่
-
รู้สึกแสบร้อน
-
ไอ
-
หายใจมีเสียง
-
หลอดลมตอนบนอักเสบ
-
หายใจถี่
-
ปวดหัว
-
คลื่นไส้และอาเจียน
วิถีทางที่ได้รับสารแอมโมเนีย
การสัมผัสทางผิวหนัง: ทำให้เกิดแผลไหม้.
การดูดซึมทางผิวหนัง: อาจเป็นอันตรายหากถูกดูดซึมผ่านผิวหนัง.
การสัมผัสทางตา: ทำให้เกิดแผลไหม้.
การสูดดม:
-
สามารถทำให้หายใจไม่ออกได้อย่างเฉียบพลัน
-
เป็นพิษเมื่อสูดดม
-
สารนี้ทำให้เนื้อเยื่อของเยื่อเมือกและบริเวณทางเดินหายใจส่วนบนถูกทำลายอย่างรุนแรงมาก
การกลืนกิน: อาจเป็นอันตรายหากกลืนกิน.
ข้อมูลของอวัยวะเป้าหมาย
-
ปอด
-
ระบบประสาทส่วนกลาง
-
ตับ
-
ไต
มาตรการปฐมพยาบาล
เมื่อสูดดมสารแอมโมเนียเข้าไป
-
ให้ย้ายผู้ป่วยไปที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์
-
ถ้าไม่หายใจ ให้การช่วยหายใจ
-
ถ้าหายใจลำบาก ให้ออกซิเจน
เมื่อสัมผัสสารแอมโมเนีย
-
ให้ล้างผิวหนังทันทีด้วยสบู่และน้ำปริมาณมาก ๆ
เมื่อสารเข้าตา
-
ควรขจัดสิ่งปนเปื้อนจากดวงตาทันทีโดยล้างตาด้วยน้ำปริมาณมากเป็นเวลานาน
-
ต้องแน่ใจว่าได้ล้างตาอย่างเพียงพอ โดยใช้นิ้วมือแยกเปลือกตาออกจากกันระหว่างล้าง
เมื่อกลืนกิน
-
ให้ใช้น้ำบ้วนปากในกรณีที่ผู้ป่วยที่ยังมีสติอยู่
-
ไปพบแพทย์
เราจะช่วยเหลือตนเองได้อย่างไร
ในฐานะประชาชนทั่วไปถ้าจะมีโอกาสประสบอุบัติเหตุจากก๊าซรั่ว ซึ่งเกิดจากการรั่วจากเครื่องทำความเย็น หรือถังก๊าซรั่วระหว่างขนส่ง สำหรับคนที่ทำงานในกิจการที่เกี่ยวข้องเช่นในอุตสาหกรรมที่กล่าวข้างต้น ก็จะมีโอกาสมากหน่อย จึงควรรู้วิธีป้องกันและแก้ไขดังนี้
-
เก็บถังก๊าซไว้ในที่อากาศระบายได้ดี ห่างจากแหล่งติดไฟ ห้ามสูบบุหรี่
-
เมื่อได้กลิ่นเพียงเล็กน้อย ต้องหาทางป้องกันตัวเองก่อนเข้าไปปิดการรั่วไหล
-
และเคลื่อนย้ายไปยังที่โล่ง
-
ในกรณีไฟไหม้ ห้ามใช้น้ำ
-
ถ้ามีผู้ป่วยต้องช่วยให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์เร็วที่สุด
-
ถ้าจำเป็นให้ใช้การช่วยหายใจแบบปากต่อปาก หรือใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจ
-
ถ้าถูกผิวหนังควรชะล้างด้วยนํ้าปริมาณมาก ๆ ทาด้วยพอลลีเอธีลีน ไกลคอล 400 และส่งแพทย์...