จากอย่างนี้
ขอเป็นอย่างนี้
(สรุปข่าวจาก นสพ.ข่าวสด)
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. นายยลลดา เกริกก้องสวนยศ ประธานเครือข่ายสตรีข้ามเพศแห่งประเทศไทย ได้เข้าเรียกร้องต่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อขอให้กระทรวงศึกษาธิการ สั่งการให้ทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ พิจารณาแก้ไขกฎระเบียบ ข้อบังคับของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการแต่งกายของสตรีข้ามเพศโดยเฉพาะ และให้นิสิต นักศึกษา บัณฑิต และอาจารย์สตรีข้ามเพศ ที่เป็นไปตามการวินิจฉัยและมีใบรับรองทางการแพทย์ แต่งกายให้ตรงกับจิตใจของตนเองได้
เพราะในทางการแพทย์ถือว่าสตรีข้ามเพศ เป็นอาการป่วยและโรคทางจิตเวช ที่เพศร่างกายขัดแย้งกับเพศของจิตไร้สำนึก หรือเรียกว่าโรคเพศสลับ (Trans sexualism) ซึ่งจะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่าเพศร่างกายของตนเองนั้นผิด แตกต่างกับเกย์ ตุ๊ด ที่ยังคงพอใจในอวัยวะเพศชายของตนเอง แต่ชอบแต่งกายเป็นหญิงเท่านั้น ทางการแพทย์ระบุว่า โรคดังกล่าวบำบัดได้ด้วยการแต่งกาย และดำเนินชีวิตเป็นเพศตรงข้ามกับร่างกาย หรือผ่าตัดแปลงเพศ
"ดังนั้น การที่มหาวิทยาลัยบังคับให้สตรีข้ามเพศแต่งกายเป็นชาย จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ...." นายยลลดากล่าว
"ที่ผ่านมาเครือข่ายสตรีข้ามเพศฯ ได้สอบถามไปยังสำนักพระราชวังเกี่ยวกับกรณีของสตรีข้ามเพศ ในการขอเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรด้วยเครื่องแบบสตรี ซึ่งสำนักพระราชวังชี้แจงว่า ไม่เคยลิดรอนสิทธิของประชาชนและไม่มีการเลือกปฏิบัติ รวมทั้งเข้าใจดีถึงขั้นตอนและกระบวนการทางการแพทย์ในการรักษาโรค Transsexualism ที่ผู้ป่วยต้องการแต่งกาย และดำเนินชีวิตเป็นเพศตรงข้ามกับเพศร่างกาย ดังนั้น จึงแจ้งให้เครือข่ายสตรีข้ามเพศฯ ประสานกับทางกระทรวงศึกษาธิการ และมหาวิทยาลัยต่อไป" นายยลลดากล่าว
ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ ประกาศไม่เห็นด้วย ชี้ไม่เหมาะสมหากยอมให้หวั่นอาจมีสาวขอแต่งชายรับปริญญาบ้าง ยันยอมเต็มที่ให้แค่แต่งเครื่องแบบนักศึกษาหญิงมาเรียนได้เท่านั้น ขณะที่ ม.เอกชนและมหาวิทยาลัยราชมงคลก็ไม่เอาด้วยเช่นกัน
(12ธ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต(มสด.) รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต(มสด.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎแห่งประเทศไทย(ทปอ.มรภ.) กล่าวว่า
จากการหารือร่วมกันที่ประชุมไม่เห็นด้วยที่จะให้นักศึกษาข้ามเพศแต่งชุดนิสิตนักศึกษาเป็นหญิงเพื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร เพราะ
1. หากดูความเหมาะสมในการบังคับทูลเรียกชื่อนักศึกษาก่อนที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร มีชื่อเป็นนายแต่แต่งกายเป็นหญิงนั้นเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
2. หากมีการอนุโลมให้นักศึกษาข้ามเพศแต่งชุดนิสิตนักศึกษา เป็นหญิง กลุ่มนศ.ที่กายเป็นหญิง แต่ใจเป็นชาย อาจออกมาเรียกร้องได้เช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้นการเรียกร้องสิทธิต่างๆ ควรอยู่ในขอบเขตแนวทางปฎิบัติ
และที่ผ่านมามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้อนุญาตให้นักศึกษาข้ามเพศแต่งชุดนิสิตนักศึกษาหญิงมาเรียนได้
***ในกรณีนี้คิดว่า
หากนักศึกษาจะมองข้ามเรื่องการแต่งชุดเครื่องแบบสตรีหรือเครื่องแบบบุรุษในพิธีรับปริญญาแล้วไปให้ความสำคัญกับการนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาไปช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ น่าจะเป็นเป้าหมายในชีวิตที่สร้างสรรค์มากกว่า"***
สังคมต้องการกำลังของปัญญาชนช่วยพัฒนา
ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง…
ฉันจึงมาหาความหมาย
ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย.สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว
เพียงหวังจะเฟื่องฟุ้ง………หรือจึงมุ่งมาศึกษา
เพียงเพื่อปริญญา…………เอาตัวรอดเท่านั้นฤๅ
แท้ควรสหายคิด…………..และตั้งจิตร่วมยึดถือ
รับใช้ประชาคือ…………….ปลายทางเราที่เล่าเรียน
น่าเห็นใจความต้องการของเขาครับ แต่ผมยังเห็นความสำคัญของการศึกษาที่มีเป้าหมาย ตามที่ท่านสรุปครับ
เพียงหวังจะเฟื่องฟุ้ง………หรือจึงมุ่งมาศึกษา
เพียงเพื่อปริญญา…………เอาตัวรอดเท่านั้นฤๅ
แท้ควรสหายคิด…………..และตั้งจิตร่วมยึดถือ
รับใช้ประชาคือ…………….ปลายทางเราที่เล่าเรียน
อ่านข่าวแล้ว เริ่มงงกับนักศึกษาสมัยใหม่ครับ เอหรือโลกร้อน ทำให้ผู้ชายเปลี่ยนไป อาจารย์สบายดีนะครับ
สวัสดีค่ะ แวะมาชื่นชมบันทึกดีๆ และมาให้กำลังใจค่ะ..
เมอร์รี่คริสมาสต์ ค่ะ..
สวัสดีค่ะ ผอ.พรชัย
- ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ
- คงอยากจะให้ได้ครบทั้ง 3 เป้าหมาย "ดี เก่ง สุข"
- รับใช้ประชาคือ…………….ปลายทางเราที่เล่าเรียน
สวัสดีค่ะ ครูบันเทิง
- เห็นภาพเมอร์รี่คริสต์มาสแล้วทำให้ลืมข่าวที่อ่านไปเลยค่ะ
- ขอบคุณค่ะ มีความสุขมากๆนะคะ
แวะมาเยี่ยมครับ
แหะ แหะ ของดแสดงความคิดเห็นครับ
คาดว่า (อาจ) จะได้ไปยะลาเร็ววันนี้ครับ
พี่จะเลี้ยงข้าวผมสักมื้อได้ไหมครับ ฮิ ฮิ...
แวะมาสวัสดีปีใหม่ค่ะ
ขอส่งความปรารถนาดีมายังท่านและครอบครัวค่ะ