คงไม่สายเกินไป หากจะส่งข้อความนี้ให้ทุกๆ คนได้อ่าน อยากให้ทุกคนได้อ่าน และตระหนักถึงความสำคัญของ “ ผู้หญิง ” คนนั้น
เรื่องเล่าของผู้หญิงคนหนึ่ง ในขณะที่.... เธอก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป เรียน เที่ยว นอน กิน ดึก ๆ เธอก็โทรคุยกับแฟนของเธอ ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของเธอ และเธอก็เชื่อว่าใครๆ เค้าก็ทำแบบนี้กัน
' จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยัง '
' กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิดถึงเค้ามั้ยเนี่ย '
' ตัวเองวางก่อนดิ ก่อนดิ '
ประโยคต่าง ๆ ที่เธอได้คัดสรรเตรียมพร้อมมาต่าง ๆ ก่อนโทร และเธอยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับการคุยโทรศัพท์ กิจวัตรอีกอย่างหนึ่งของเธอ ก็คือ แม่ของเธอมักชอบโทรหาเธอทุกวัน
' ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง '
' เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย '
' วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง '
' อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ '
โธ่ ! คำถามเดิมๆ เธอก็ตอบไปแบบเดิมๆ แม่เธอก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาเป็นประจำ
เธอกับแม่น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะทำยังไง จนกระทั่งวันนั้น เธอก็คุยโทรศัพท์กับแฟนตามปกติ
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกเธอว่ามีสายซ้อน เธอมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า 'Home' ' โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย ' เธอไม่สลับสายยังคงคุยกับแฟนของเธอต่อไป เพราะเธอรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยคงเป็นประโยคเดิม ๆ
' และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่เธอจะมีโอกาสฟังเสียงของแม่ '
หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของเธอโทรมาบอกว่า เมื่อคืนนี้บ้านเธอมีโจรเข้าไปขโมยของ และแม่ของเธอขัดขืน และได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง แม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ญาติของเธอเล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น และเบอร์โทรออกล่าสุดของแม่โทรหา ไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจ หรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา ' เธอ '
สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่เลือกที่จะทำ คือ โทรศัพท์หาเธอ เพื่อโทรจะบอก.....
วินาทีนั้นน้ำตาของเธอไหลอาบแก้ม พูดอะไรไม่ออก มือและตัวของเธอสั่น
วันนั้นเธอเลือกที่จะคุยกับแฟน ดีกว่าที่จะคุยกับแม่
ผู้หญิงคนเดียวในโลก ที่คุยกับเธอเป็นคนแรกในชีวิต ผู้หญิงคนเดียวที่เธอสามารถที่จะคุยได้ทุกเวลา โดยที่เธอไม่ต้องเตรียมบทพูดใด ๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือไม่ ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใด ๆ คนเดียวในโลก ที่โทรมาหาเธอเพียงแค่ฟังเธอพูดประโยคเดิม ๆ คนเดียวในโลก ที่ไม่ว่าโทรศัพท์จะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหา และ คนเดียวในโลก ที่เลือกคุยกับเราในวินาทีสุดท้ายในชีวิต
ในบางครั้งประโยคที่ว่า ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว มันก็ไม่เป็นความจริง 'เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว ' อาจเป็นเพราะเวรกรรมของเธอ หลังจากนั้นไม่นานแฟนเธอที่ใช้เวลาคุยด้วยวันละหลายๆ ชั่วโมงก็ทิ้งเธอไป
วันนี้เธอเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น หลายๆ อย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการกระทำของเราเอง
' เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป '
ทุกวันนี้เธอนั่งมองโทรศัพท์ รอที่จะตอบคำถามเดิมๆ ให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว ' ในเมื่อเรามีความรักอันเต็มเปี่ยมจากครอบครัว แล้วทำไมต้องไปขอเศษเสี้ยวความรักจากใคร '
เขียนได้ดี...ประทับใจมากครับ...และไม่สายเกินไป...ขอบคุณ FREEDOM
the image at: unfinishedchristian.wordpress.com/.../
ในปัจจุบันนี้ จะมีคนอย่างนี้มากมายค่ะไม่ว่าวัยรุ่นหรือวัยไหน ถึงแม้ไม่ได้พูดโทรศัพท์อยู่ด้วยกัน ก็รำคาญพ่อแม่ ไม่ว่าวัยไหนๆ เช่นกัน
ถ้าอายุประมาณ 15 ปีแล้ว หรือผู้ใหญ่ก็ตามไม่ให้ความสำคัญพ่อแม่เท่าที่ควรหรือจนกว่าจะมีลูกเองถึงจะคิดถึงพ่อแม่มากขึ้น นี่คือเรื่องจริงในยุคนี้
เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป .....
ทุกวันนี้ ทุกวินาทีของชีวิต เราก็กำลังสูญเสียสิ่งสำคัญไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว คือ เวลา
การใช้เวลาทุกวินาทีให้เกิดประโยชน์สูงสุดมันยากมาก เพราะคนเราส่วนใหญ่จะเวลาทั้งหมดไปกับตัวเอง กับสิ่งยั่วยุในสังคม
...แต่ เรา ได้ ลืม ใคร บาง คน ที่ อยู่ ข้าง กาย เรา ไป... คือ จิตวิญญาณของเราไง
ลองหันกลับมาทบทวนบทบาทตัวเอง แม้ทุกคนจะได้รับบทบาทชีวิตไม่เหมือนกัน แต่เราสามารถสร้างให้มันมีค่าเหมือนกันได้
การรับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและทำให้มีความสุขที่สุด...คือ...การได้เป็นผู้ให้อย่างไม่มีขีดจำกัดของชีวิต
สาธุนะคุณโยม เป็นข้อคิดที่ดี เป็นคติเตือนเราได้ เจริญพร
ให้ข้อคิดดี คนที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ทุกคนเป็นห่วงลูก แต่ลูกในปัจจุบันด้วยความรักที่คุณพ่อคุณแม่ให้มาตั้งแต่เล็กเมื่อโตขึ้นก็เอาแต่ใจตัวเอง หาว่าคุณพ่อคุณแม่จุกจิกจึงทำให้เข้ารำคาญ จึงขอฝากให้ลูกทุกคนและคนที่มีคนเป็นห่วงได้เข้าใจ
ซึ้งกว่าของเราอีก ( มีเมลติดต่อมั่ย)
ขอบคุณครับ.....
ซึ้งมาก ซึ่งในความเป็นจริงของสังคมปัจจุบันนี้ก็เป็นอย่างนี้แหละ เราจะปลูกฝังอย่างไรให้เด็กในปัจจุบันมีความกตัญญู น่าเศร้า