บางสิ่งที่เราอาจละเลยไปแล้ว


เวลาเรายืมอะไรใครไม่ว่าจะเป็นเงินทอง สิ่งของต่างๆ เมื่อใช้เสร็จแล้วหรือเมื่อพร้อมแล้วก็ต้องรีบคืนเขาทันที

วันนี้อากาศเป็นไงบ้างครับ หนาวร้อนเหมือนผู้เขียนหรือเปล่า ไม่รู้เป็นอะไรรู้สึกหนาวๆร้อน เหมือนจะไม่สบายเลย ครับ อิอิ… (พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรกนะโบราณเขาว่า) แต่อากาศที่ขอนแก่นก็ไม่หนาวเท่าไหร่นะครับ แต่พายุใหญ่มักจะมาเมื่อแดดร่มลมสงบ อิอิ...

วันนี้ก็เช่นเคยครับมีอะไรดีมาเล่าให้ทุกท่านฟังกัน ไม่รู้ว่าจะโดนใจหรือเปล่า แต่ถีงอย่างไรก็อดทนฟังกันหน่อยก็แล้วกันครับ ดีไม่ดียังไงก็ค่อยว่ากันอีกที เพราะผู้เขียนได้ประสบกับสิ่งดีๆครับ ก็เลยอยากจะมาเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับมารยาทเล็กๆน้อย ที่บ้างท่านหรือแม้แต่ผู้เขียนเองก็ละเลยมันไปแล้ว จนมีผู้ที่เตือนสติให้สิ่งนั้นได้กลับมาอีกครั้ง เอาล่ะครับก็จะขอเล่าถึงเลยแล้วกัน (มีคนบอกว่าอยากฟังแล้วเล่าเถอะ อิอิ...)

เรื่องก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ คือผู้เขียนก็ได้ไปขอยืมเงิน เพราะช่วงนั้นทางบ้านขัดสนเรื่องนี้พอดี และท่านก็ใจดีมากๆ  ท่านก็ถามว่าเท่าไหร่ แล้วก็เขียนใบเบิกให้ ผู้เขียนก็นำไปเบิกเสร็จ ก็นำมาใช้จ่ายค่าลงทะเบียนเรียนครับ (ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ก็แค่ยืมเงินเฉยๆ ยังครับ มันอยู่ตรงนี้ ห้ามกระพริบตานะ อิอิ...)

พอทุนของผู้เขียนมา ก็ต้องเอาคืนใช่ไหมครับ แต่ไม่ครับ รอไปอีกประมาณเกือบเดือน ถึงไปหาจะขอเบิกเงินทุนในส่วนค่าจ้างนักศึกษาครับ โดยที่ไม่ได้พูดถึงเงินส่วนที่จะคืนเลย เอาแล้วครับงานเข้า ท่านก็บอกว่า อย่างนี้มันไม่ใช่แล้ว เธอต้องคืนส่วนที่ยืมก่อน ที่จะนำไปใช้ส่วนอื่น เพราะเวลาเรายืมอะไรใครไม่ว่าจะเป็นเงินทอง สิ่งของต่างๆ เมื่อใช้เสร็จแล้วหรือเมื่อพร้อมแล้วก็ต้องรีบคืนเขาทันที

ไม่ต้องให้เขาเอ๋ยปากทวงหรอก มันเป็นมารยาทที่เราควรพึงปฏิบัติให้เป็นนิสัย และติดตัวไปกับเราด้วย ผมปฏิบัติอย่างนี้เป็นสิ่งที่ดีก็เลยอยากบอกต่อให้รู้และปฏิบัติตาม เรียก ได้ว่า "มีหนี้ก็ต้องรีบใช้ มีบุญคุณก็ต้องยิ่งทดแทน"

ผู้ที่หวังดีอย่างนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ คือ อาจารย์ที่ปรึกษาผู้เขียนเอง การมาเรียนปริญญาโทไม่ใช่จะได้แค่เนื้อหาความรู้ทางวิชาการไปอย่างเดียว แต่ก็ต้องรู้เรื่องมารยาทพวกนี้ด้วย บางทีเราอาจจะมองไม่เห็นความสำคัญหรือละเลยกันไป แต่นี้แหละจะเป็นตัวบอกให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นคนอย่างไร เพราะคนอื่นเป็นกระจกส่องตัวเราได้ดีที่สุด 

เมื่อมานั่งคิดทบทวนที่ อาจารย์สุทธิพงศ์ อุริยะพงศ์สรรค์ ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของผู้เขียนเองได้ติเตียนบอกกล่าวมา ทำให้ผู้เขียนเห็นความสำคัญของมารยาท และเข้าใจมันขึ้นไปอีกเยอะเลยครับ เมื่อเราไปยืมอะไรใครที่ไหนก็ตาม เมื่อใช้เสร็จแล้วก็ต้องรีบคืนทันทีอย่าให้เขาต้องทวงถาม

ก็ขอนำไปปฏิบัติ และนำมาเผยแพร่ให้คนทุกท่านได้ทราบด้วยครับ และต้องขอขอบคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่อุตสาห์สอนลิง ให้เป็นคนกับเขาซะที อิอิ...

หมายเลขบันทึก: 318974เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2009 20:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 11:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะ

*** บัณฑิตย่อมฝึกฝนตนเอง

*** โชคดีนะคะ

ขอบคุณครับ คุณกิติยา เตชะวรรณวุฒิ

 ถูกต้องแล้วครับ ถ้าาอย่างนั้นจะเรียกว่า บัณฑิตได้อย่างไร อิอิ...

ถ้าไม่ฝึกฝนตัวเอง ให้แกร่งกล้าทั้งความรู้ทางวิชาการ และวิชาชีวิต ครับ

เก่งทางโลกและทางธรรม

มาให้กำลังใจนะคะ

สวัสดีค่ะ

ชื่นชมคุณเทพค่ะที่นำเรื่องนี้มาเล่า... เพราะส่วนมาก คนมักไม่อยากเล่าส่วนที่ตนถูกตำหนิติเตียน...

อาจารย์ท่านเป็น "ครู" ที่ใจดีมากค่ะ ทั้งสอนสั่งให้ความรู้ แล้วยังให้ทุนยืมจ่ายก่อนได้ด้วย....

ชาวอโศก (มักเรียกกันว่า สันติอโศก) จะเรียกการตำหนิ ชี้ข้อบกพร่องกันนี้ว่า "ชี้ขุมทรัพย์" ค่ะ

คุณเทพได้พบ ขุมทรัพย์ แล้ว... ดีใจด้วยค่ะ

(^___^)

ขอบคุณ คุณ♥paula ♥ที่ปรึกษาตัวน้อย✿

ที่แวะมาให้กำลังใจครับ

มีความรู้แล้วก็ต้องมีคุณธรรมด้วย

เรียกว่า ความรู้คู่คุณธรรม ครับ

 สวัสดีครับ คนไม่มีราก

ที่แวะมาเยี่ยม แถมด้วยคำชมด้วย อิอิ...

เป็นขุมทรัพย์ที่ติดตัวไปตลอด ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มพูนครับ

ขอบคุณมากครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท