ตั้งแต่วันที่น้ำไหลเข้าท่วมโรงเรียนในวันแรกคือวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ พวกเรายังลุยเข้าโรงเรียนเพื่อประกอบกิจกรรมส่งท้ายภาคเรียนถึงวันที่ ๙ ตุลาคม
หลังจากนั้นก็ปิดภาคเรียน แยกย้ายกันไป บ้านใคร บ้านคนนั้น ศิริวรรณเองก็ลงทุนซื้อรองเท้าบูทคู่ที่ยาวที่สุดมาใช้ลุยเข้าโรงเรียนทุกวัน แต่ละวันก็ทำงานได้ไม่มาก เพราะไม่มีห้องน้ำจะใช้ พอดีกับระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ จนบูทมิอาจสู้ได้ ก็เลยย้ายที่ทำงานไปทำที่บ้าน
เปิดเทอมวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ น้ำยังลดไม่หมด เราก็พากันไปทำการเรียนการสอนที่ศาลาวัด สนุกไปอีกแบบ
วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เราพากันย้ายฐานปฏิบัติการสู่โรงเรียน น้ำยังลดไม่หมด แต่อาศัยไม้พาดเป็นทางเดินในบางช่วง จนกระทั่งวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เทศบาลตำบลโรงช้างโดยการบริหารของนายกฯดรุณี บรรจงศุภมิตร มอบหมายให้คุณดำรง(ขอโทษที่ไม่ทราบนามสกุลทราบแต่ว่าเป็นหัวหน้าฝ่ายป้องกันบรรเทาสาธารณภัย)เข้าปฏิบัติการไล่น้ำที่ยังเหลืออยู่ที่ใต้อาคารเรียนออกจนหมดแล้วทำคันดินกว้าง ๒ เมตร สูง ๑.๕๐ เมตร เพื่อป้องกันมิให้น้ำเข้ามาอาละวาดในโรงเรียนได้อีก
แต่ก็ขุดสระเล็กๆ เป็นแก้มลิงในพื้นที่ เผื่อมีน้ำจากฟ้าลงมาจะได้มีที่ไป การปฏิบัติการครั้งนี้ มีรถทั้งรถบรรทุก รถตัก และรถไถเข้ามาให้เด็กได้เพลิดเพลิน รถตักดินมีค่าใช้จ่ายสูงสุด ชั่งโมงละ ๑,๒๐๐ บาท ไม่รวมค่ารถขนย้าย แม้จะไม่มีเงินแต่อยากให้พื้นที่รอบบ่อปลาหลังโรงเรียนฟื้นจากสภาพรกร้าง ก็เลยขอจ้างลุย ๓ ชั่วโมง (ติดไว้ก่อน) จนได้บรรยากาศที่สวยงามพอประมาณ(ต้องพัฒนาอีกเยอะ)
คุณบุญเลิศ กองนึก ผู้ปกครองเด็กเห็นสภาพสนามหน้าโรงเรียนซึ่งเพิ่งโผล่จากน้ำแล้วก็สงสาร บริจาคดินให้ ๓ คันรถ
ในขณะเดียวกัน ทั้งพวกเราก็มิได้งอมืองอเท้า ต่างก็ช่วยกันพัฒนาโรงเรียนเพื่อพลิกฟื้นสภาพหลังน้ำท่วม
ในระหว่างเผชิญความทรุดโทรมจากน้ำท่วม เราก็ได้รับความเมตตาจากคุณฤทธิ์ดำรง ดิศกุล ณ อยุธยา มอบเงินซื้อเครื่องเล่นของเด็กให้อีก ๑๐,๐๐๐.- บาท ของแพงมาก ทั้งขอลดขอแถม ได้มา ๔ ชิ้น เป็นที่ชอบอกชอบใจของเด็กๆ
ไม่ว่าสภาพโรงเรียนจะเป็นอย่างไร พวกเราก็มีความสุขเสมอค่ะ
และเพื่อความสุขของในหลวงของเรา โรงเรียนเราก็มีกิจกรรมไปร่วมกับเทศบาลตำบลโรงช้างด้วยเหมือนกัน โดยความช่วยเหลือจากคุณครูชลธาร นิยม(เสื้อขาว) ครูสอนนาฏศิลป์โรงเรียนมัธยมวัดหัตถสารเกษตร จังหวัดปทุมธานี ทั้งช่วยสอน ช่วยฝึก ช่วยแต่งหน้า แต่งตัว โดยมีครูของเราเป็นผู้ช่วย(นั่งอยู่ด้านซ้ายสุดและขวาสุด)
ที่เห็นในมือเด็กคือซองใส่เงิน เทศบาลให้มาคนละ ๓๐๐ บาท ผู้ปกครองมาเป็นแม่ยกอีกคนละเท่าไหร่ก็เท่านั้น ถามดูแล้วเงินรวมต่ำสุด ๕๐๐ บาท สูงสุด ๑,๒๐๐ บาท แล้วแต่ว่าใครจะมีญาติเยอะกว่ากัน
น้องหมวย(เสื้อแดง) หลานของครูชลธารที่มาช่วยแต่งตัวและเป็นตากล้องให้ด้วย
นี่แหละค่ะ ฟ้าหลังฝน
และแม้จะมีฝนมาอีก
เราก็จะยิ้มสู้... เพื่อรอยยิ้มของเด็กน้อยของโรงเรียนวัดกระโจมทองค่ะ
ขอกราบขอบพระคุณ/ขอบคุณ/ขอบใจ
ไม่ว่าสภาพโรงเรียนจะเป็นอย่างไร พวกเราก็มีความสุขเสมอค่ะ (ตรงนี้ ดีมากครับ)
เป็นกำลังใจให้ครับ
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ..สมกับเป็นแม่พิมพ์ของชาติจริง ๆ ที่โรงเรียนที่ร้อยเอ็ดไม่มีน้ำท่วมค่ะมีที่นี่ทำนาก็ได้ผลดี..แต่พอหน้าแล้งก็แล้งได้ใจเลยค่ะ..เดี๋ยวนี้อากาศกำลังเย็นใกล้จะหนาวแล้วค่ะ..ส่วนสูตรลดน้อหนักเดี๋ยวจะพิมพ์สูตรเข้าไว้ในบล๊อกนะคะรออักนิดหนึ่งค่ะ
สวัสดีค่ะครูศิริวรรณ
...ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ...แถมมีรุ้งกินน้ำสวยพาดผ่านขอบฟ้า
......ขอให้ได้ไปภูเก็ต สมดังปราถนานะคะ
.....โชคดีปีใหม่ค่ะ
มาเยี่ยมยามให้กำลังใจครับ
สวัสดีค่ะ
แวะมาทักทายทำความรู้จัก และสวัสดีปีใหม่ค่ะ
ขอบคุณค่ะน้องเอก
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณพนมไพร
ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาเยี่ยมพร้อมของขวัญปีใหม่ ขอให้ท่านมีแต่ความสุขและสมหวังตลอดไปนะคะ
ศิริวรรณค่ะ