ภูเก็ต


เมื่อสังคมเคลื่อนตัวไป โดยเฉพาะสังคมทุนนิยม ที่มุ่งแสวงหาความมั่งคั่ง มั่งมีเป็นเป้าหมาย การบริโภคก็ตามมาเพราะสังคมนี้วัดความสำเร็จของการมีชีวิตอยู่ด้วย ทรัพย์สมบัติ การใช้ชีวิตและการก้าวขึ้นสู่ที่สูงทางโลกธรรม

อะไรอะไรก็เกิดขึ้นมาอย่างที่เราไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น แม้ว่าเราจะมองไม่เห็นว่าจะแปลกเลย แต่ก็แปลกไปจากอีกวิถีหนึ่ง

คนโบราณคงตกกะใจที่สมัยนี้ซื้อน้ำดื่มกันขวดละ สิบกว่าบาท และจะแพงขึ้นไปอีก ท่านเจ้าขุนสมัยสุโขทัย( เอ..บรรดาศักดิ์นี้มีหรือยังในสมัยโน้น..อิอิ) คงเป็นลมตายเมื่อทราบว่าคนสมัยนี้กินเหล้าขวดละห้าหมื่น กิน พระกระโดดกำแพงหม้อละหลายหมื่น   กินแล้วมันจะเหาะเหินเดินอากาศได้หรือยังไง...

แต่มันก็มีอยู่จริง และไอ้ที่พิสดาร พันลึก ยังมีอีกมากที่เราไม่รู้จัก 

เอาเรื่องราวเหล่านี้ไปเล่าให้ลุงแสน นายใจ ป้าเหลื่อมที่ดงหลวง คงคิดว่าผมโกหกเป็นแน่  เพราะ ขายมันปีหนึ่งๆได้เงินหมื่นก็ ดีใจคุยข้ามปีแล้ว..

เมื่อวานคนข้างกายมาเล่าให้ฟังว่า เพื่อนรุ่นน้องร่วมสำนักงาน เขามีพี่สาวแต่งงานกับวิศวกรฝรั่งและมาสร้างบ้านอยู่ที่ภูเก็ต สามีก็บินไปทำงานหลายเดือนก็กลับมา นอนเล่น พักผ่อน ออกกำลังกายโดยเฉพาะกอล์ฟชอบเป็นชีวิตจิตใจ

สามีจะไปไหนมาไหน ก็ใช้แต่บริการของบริษัทจัดการ แม้แต่ซื้อตั๋วมาชม “มา มา มิ ยา” ของ ABBA เมื่อเร็วๆนี้ ทั้งๆที่ น้องสาวภรรยาก็สามารถซื้อตั๋วให้ได้ก็ไม่เอา จะเดินทางไปเที่ยวที่ไหนในเมืองไทยก็ต้องวางแผนถี่ยิบ จะไปอย่างไร เมื่อไหร่ จะพักที่ไหน ตรงไหน เวลาเท่าไหร่ ฯลฯ ทุกอย่างต้องเปะ และใช้บริษัทจัดการให้ทั้งหมด

ไม่ใช่เฉพาะ พี่สาวของน้องคนนี้เท่านั้น ครอบครัวฝรั่งอื่นๆก็เหมือนกัน แม้คุณนายจะไปช๊อปปิ้งตามห้างต่างๆ ก็ไม่ขับรถไปเอง มีบริษัทจัดบริการมารับ พาไปซื้อของ ตัดผม เข้าสปา ไปว่ายน้ำ ตีกอล์ฟ ฯลฯ แล้วมาส่งบ้าน

สมัยที่ผมอยู่เชียงใหม่ ต่างก็เล่าลือกันว่า บ้านสวยๆรอบตัวเมือง และเลยเข้าไปในโป่งแยง อ.แม่ริมนั้น คือบ้านหลังที่สอง ที่สามของเศรษฐีกรุงเทพฯ ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ที่ภูเก็ตก็เช่นกัน เป็นบ้านหลังที่สองที่สามของเศรษฐีฝรั่งมาสร้างไว้  และเกิดบริษัทจัดการ เขาเล่าว่า บริษัทเหล่านี้มาจากฟิลิปปินส์ และสั่งเข้าสาวแม่บ้านมาจากฟิลิปปินส์ด้วยเพราะเธอเหล่านั้นดีกว่าสาวไทยตรงที่พูดอังกฤษได้...

  • เกิดคนต่างชาติมาตั้งบริษัททำธุรกิจให้บริการเหล่านี้
  • เกิดนำเข้าแรงงานจากฟิลิปปินส์
  • การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สร้างค่านิยมใหม่ๆเกิดขึ้นให้กับคนไทย สังคมไทย
  • เกิดอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ก็ท่านอัยการ หมอเจ๊ และท่านอื่นๆก็บันทึกอยู่บ่อยๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง

 

แม้เด็กที่บ้าน ซึ่งเคยมาเป็นคนดูแลคุณแม่ที่นอนบนเตียงมา 7 ปี เมื่อสิ้นท่านแล้ว เด็กก็เรียนจบนิติศาสตร์พอดี เราก็ให้อาศัยบ้านขอนแก่นอยู่ สักพักหนึ่งเธอก็บอกอยากมาหางานทำที่กรุงเทพฯ  ไม่กี่เดือนเธอก็บอก ไม่ไหว เจ้าของบ้านแดงจ๋า...พูดจารับไม่ได้ เลยลาออกมาอยู่ภูเก็ตนี่แหละ 

พ่อแม่เธอไม่มีเงินส่งเรียนครับ เธอต้องหาเงินเรียนเอง เธอเรียนจบนิติศาสตร์ที่ขอนแก่นได้ก็เพราะมารับจ้างดูแลแม่ผมนี่แหละ นี่เธอตั้งใจจะทำงานที่ภูเก็ตสักพักก็จะไปเรียนเนติฯต่อ 

แต่ภาษาอังกฤษเธอไม่ได้เลย... จะสู้ฟิลิปปินส์ได้รื้อ... งานที่เธอทำก็อยู่อีกกลุ่มหนึ่ง ที่ค่าจ้างต่ำ แต่เธอก็สู้.... ได้แต่เอาใจช่วยเธอครับ

อิอิ อยู่ขอนแก่นมาเขียนเรื่องภูเก็ต ข้อเท็จจริงอย่างไร ท่านอัยการ น้องหมอตาเติมแต่งด้วยเน้อ.....

หมายเลขบันทึก: 318467เขียนเมื่อ 6 ธันวาคม 2009 14:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 10:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

ไขอบคุณพี่บางทรายที่เขียนเล่าเรื่องราวให้รับทราบ

พี่บางทรายครับ ไม่ใช่เฉพาะแม่บ้านนะครับที่เป็นชาวต่างประเทศเช่นฟิลิปปินส์ ในเมืองใหญ่ๆๆเช่นกรุงเทพฯ หาดใหญ่ ภูเก็ต ครูสอนภาษาอังกฤษก็เป็นฟิลิปปินส์ครับ ล่าสุดพบที่กรุงเทพฯเป็นโรงเรียนสองภาษาของรัฐบาล มีแต่ชาวฟิลิปินส์ รอฟังท่านอัยการและพี่หมอตาเล่าดีกว่าว่าทางภูเก็ตเป็นอย่างไร ขอบคุณพี่บางทรายมากครับ...

ผมมีหนังสือเล่มหนึ่ง อยากส่งให้เพื่อน "บางทราย" ทางไปรษณีย์ จะส่งไปที่ไหนดีครับ

'เชษฐ

เห็นน้องๆเขาดิ้นรนเพื่อหาเงินเรียนหนังสือแล้วก็ สนับสนุนเขาเท่าที่จะทำได้ ครับ เด็กคนนี้นิสัยดี อยู่ที่บ้านมาไม่ีต่ำกว่า 5 ปีครับ พ่อแม่เธอยกให้เป็นลูกสาวเราไปเลย ว่างั้น..

จ๊ากสสส น้องขจิต

นี่พม่า เขมร ลาว บุกไทยเรื่องแรงงาน  ยังมีฟิลิปปินส์อีกหรือนี่  หากใครรวบรวมตัวเลขน่าจะมากโขอยู่นะครับ

ฟิลิปปินส์ก็เป็นแรงงานระดับสูงหน่อย  เพราะการศึกษาดีกว่า พม่าแม้จะพูดอังกฤษได้ แต่ความรู้อาจจะด้อยกว่านะครับ  ไม่รู้เดาเอา ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยครับ

ขอบคุณมากครับ เชษฏ เพื่อน ผมส่งที่อยู่มาทางเมล์แล้วครับ

พระมหาแล ขำสุข(อาสโย)

เคยได้ยินมาว่ามจร.ก็มีชาวฟิลิปปินส์มสอนภาษาอังกฤษ

กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ ฟิลิปปินส์เขาใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการคู่กับกาตาล๊อค ประชาชนเขาจึงมีภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐานได้ ก็การได้เปรียบในแง่หนึ่งนะครับ เมื่อสังคมเราก้าวเข้าสู่การขยายตัวของทุน ความจำเป็นของภาษาก็อยู่ในอันดับต้นๆไปแล้วครับพระคุณเจ้า

มาทักทายด้วยความคิดถึงค่ะ

ขอบคุณครับคุณครูอรวรรณ ระลึกถึงเช่นกันครับ

ท่านบางทรายเล่าเรื่องภูเก็ตเลยแวะมา

ติดใจอยู่น้อยเดียว....ตรงที่ #เจ้าของบ้านแดงจ๋า...#

นึกแล้วสงสารเด็ก มีความตั้งใจเรียนจนจบ หาอาชีพทำโดยไม่เลือก ขอให้เป็นงานสุจริต

ถ้ามีมนต์ จะทำให้คนไทยตาบอดสีน่าจะดี

ชาวฝนแปดแดดสี่ ครับ เธอเล่าให้ฟังครับซึ่งผมก็ไม่ได้ซักถึงรายละเอียด ผมสันนิฐานว่าเธอคงฟังในสิ่งที่ระคายหู แล้วสำนึกเธอคงแก้ไขโดยใช้วิธีก้ไม่ฟังซะ คือ ลาออกไปหางานใหม่ดีกว่าน่ะครับ แต่จริงๆการไม่มีสีนั้นดีที่สุดครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท