" อำนาจอันยิ่งใหญ่ มากับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง" จากภาพยนตร์เรื่อง " Spiderman" ทำให้นึกถึงว่าทุกสิ่งในโลกมักจะต้องมาคู่กัน ประกอบกัน หรือขัดแย้งกันเพื่อความสมดุลหรืออาจทำให้ปวดหัวว่าจะเลือกอย่างไรถึงจะเหมาะที่สุด คำที่ใกล้เคียงทำนองนี้เช่น ได้อย่างเสียอย่าง , Give and Take เป็นสิ่งเตือนว่าเวลาจะทำอะไรต้องดูให้รอบด้าน อย่ามองแต่จะได้อย่างเดียว
ในการพัฒนาระบบราชการในอดีตจนถึงปัจจุบันมีความพยายามหลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้มาตรฐาน( PSO, PMQA ) , การจัดการคนไม่มีประสิทธิภาพออก(5%) , การมีนโยบาย Good governance แต่ต้องยอมรับว่าการพัฒนาเป็นไอย่างเชื่องช้าเมื่อเทียบกับระบบของเอกชน
ในความตั้งใจที่มุ่งเน้นให้มีประสิทธิภาพดีโดยพยายามใช้กระบวนการที่ทำในภาคเอกชนมาใส่ให้ภาครัฐนั้นอาจหวังผลเลิศเกินไปเพราะเราลืมอะไรบางอย่างที่ภาครัฐไม่เหมือนเอกชน
หนึ่งในสิ่งเหล่านั้นก็คือ " ความรู้สึกเป็นเจ้าอย่างแท้จริงของหัวหน้าหน่วยงานหรือทีมบริหาร " เมื่อไม่รู้สึกเป็นเจ้าของสิ่งที่ตามมาก็คือ การปล่อยประละเลย ลูบหน้าปะจมูก ไม่เอาจริงเอาจัง ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไรออกมาก็มาตกม้าตายเรื่องไม่ค่อยมีคนทำอย่างจริงจัง
ทำไมจึงรู้สึกไม่ได้เป็นเจ้าของล่ะ น่าจะมีเหตุผลดังนี้
1. คุณและโทษไม่ได้ตกโดยตรงแก่หัวหน้าหน่วยและทีมงาน ไม่ว่ากิจการดีเลวอย่างไร ก็ยังพออยู่ได้ ทำดีมากก็ได้แค่รางวัลเล็กน้อยที่ไม่สมน้ำสมเนื้อ
2. กฎระเบียบต่างๆไม่ได้คิดเอง ล้วนแต่ส่งมาจากเจ้าของตัวจริงคือ รัฐบาล(กระทรวง, กพ. สำนักงบประมาณ) ไม่ดี ไม่เหมาะก็แก้ไม่ได้ ทำตามอย่างเดียว
3 .เจ้าของกิจการตัวจริง(ส่วนกลาง)ก็ดูแลไม่ทั่วถึง แต่ก็ยังหวงอำนาจเอาไว้ ทำให้การดำเนินงานล่าช้า ตัวอย่างเช่น การซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่เพียง 1 เครื่องก็ต้องส่งเรื่องเข้าสำนักเทคโนโลยีของ สธ. ซึ่งจริงๆแล้วทาง สธ. ก็ไม่น่าจะรู้ถึงความจำเป็นถึงการซื้อว่ามากน้อยแค่ไหน แต่ก็ยังอยากมีอำนาจในการอนุมัติ
ทำอย่างไรถึงจะรู้สึกเป็นเจ้าของ ?
แน่นอนว่าคงเป็นเจ้าของจริงๆไม่ได้เนื่องเป็นสมบัติของประชาชนโดยรวม แต่อย่างน้อยก็คงต้องสร้างระบบ (งานนี้ไม่ได้โทษคนรับราชการ แต่โทษว่าระบบทำให้คนต้องเป็นไป อันนี้ไม่นับรวมถึงคนที่ดีมากๆขั้นเทพนะครับ คนกลุ่มนี้ระบบแย่แค่ไหนเขาก็ฝืนทำดีได้ ต้องนับถือครับ แต่มันมีน้อยครับ ) ระบบที่น่าจะทำได้ขอเสนอ
1 . การกระจายอำนาจ ไม่จำเป็นต้องลงท้องถิ่นเสมอไป กระจายวิธีไหนก็ได้แล้วแต่หน่วยใด ทำอะไร แต่ต้องให้รู้สึกว่ามีความเป็นเจ้าของให้ได้
2 . ความโปร่งใส นี่คือคู่ของกระจายอำนาจ อย่างที่บอกว่ามันต้องมาเป็นคู่ เพราะถ้ากระจายอำนาจอย่างเดียวก็อาจจะรวมหัวรับประทานกันเพลินเลย ตัวที่น่าจะมีผลมากเรื่องควบคุมความโปร่งใสก็คงต้องจัดให้มีระบบที่คนจะโวยวายได้ง่ายเวลามีใครทำผิดครับ ต่างประเทศเขาใช้วิธีนี้ได้ผลดี
เชื่อว่านอกจากการพยายามพร่ำสอนให้ทุกคนเป็นคนดีแล้ว การสร้างระบบที่มาบีบบังคับให้ทุกคนอยู่ในกรอบแห่งความดี ก็น่าจะมีส่วนอย่างมากในสังคมปัจจุบันที่ยังไม่ใช่ยุคพระศรีอารย์
เหมือนในระบบกฎหมายที่ว่า " ความจริงเป็นอย่างไรไม่สำคัญ มันสำคัญที่หลักฐาน " ( จากภาพยนตร์ Law Abiding Citizen) ก็คือ "คนจะมีจิตใจดีหรือไม่ดีไม่สำคัญ แต่สำคัญที่ต้องมีระบบบังคับให้เขาทำดีให้ได้"
คราวนี้ดูเหมือนเขียนได้ยาวนะพี่........ไปดูอะไรมาน่ะ
องค์กรภาครัฐ ที่มีคนมาทำงานในองค์กรภาครัฐ เป้าหมายสูงสุดของคนทำงานผม ฟันธงเองว่า ลำดับสำคัญที่สุดจากมากสุดไปน้อยสุด (อยากรู้จริงต้องทำโพล์สำรวจความคิดเห็น ครับ) คือ
1. ต้องการทำงานเพื่อมีคนเงินใช้ มีความมั่นคงว่ามีงานทำ ไม่ตกงาน ( มองตนเองเป็นหลัก ไม่มองส่วนรวมว่ารพ.ว่าทำให้เรามีสุข)
2. เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ฐานะดีขึ้น มีหน้ามีตา มีความสุขสบาย ฯลฯ ( เข้าข้างตนเองอีกแล้ว ไม่มองคนส่วนใหญ่มองแต่ตนเอง)
3. หาหนทางสู่ความก้าวหน้าในตำแหน่งที่ตนเองต้องการ ถ้าไม่อยากอยู่ก็ย้ายไปที่อื่น หรือหางานใหม่ไปเรื่อยๆ (จึงมีคนแปลกๆมาอยู่เรื่อยๆไป ( หาคนที่เป็นหลักไม่ค่อยมี มาแลว้ไป มาแล้วก็ผ่านไป เป็นหนทางสู่ดวงดาว ฯลฯ)
4. อาจเป็นเหตุบังเอิญได้มา หรือ จำใจมา จึงไม่ค่อยรู้สึกรักองค์กร ไม่อยากเป็นเจ้าของ( Sence of belonging)
5. ไม่อยากอยู่เฉยๆ หางานทำ จะได้ไม่เตะฝุ่นฯลฯ
ดังน้นผมเองคิดว่า " เป็นปัญหาโลกแตก ที่ผู้นำ ต้องมี ภาวะผู้นำขนานใหญ่"ต้องทำให้ได้ อีกกี่ปีก็ไม่รู้ว่าจะได้อย่างไร เป็นแบบเอกชนชะที คงต้อง รอพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย ... แต่สิ่งที่ไม่แน่นอน ก็คือความแน่นอนก็ได้ แห่งแรกของไทย อยู่ที่ รพ.มโนรมย์ถ้ามีผู้นำที่มีภาวะผู้นำแบบนี้ ครับ จาก....นศ...พยาบาลเวชปฏิบัติ...รุ่น 6 .ฝึกที่ รพ.มโนรมย์ ครับ