ทำอย่างไร เมื่อ ต้องช่วยผู้ประสบเหตุมอเตอร์ไซด์ล้ม


สติ สำคัญ กว่า สตางค์ 555

บทเรียนชีวิต เมื่อเจอ อุบัติเหตุ MCA

ภก.ศุภรักษ์ ศุภเอม

 

ณ เวลาประมาณ เกือบ สองทุ่ม วันที่ 21 พย. 52 ขณะ ผมนั่งอยู่ปั๊มน้ำมัน ปตท.เขื่อนอุบลรัตน์ มีเด็กปั๊มมาบอกว่า หมอๆ รถมอไซด์ล้มอยู่ทางโค้ง ตามรถโรงพยาบาลหน่อย โทรไป รพ.อุบลรัตน์ก็ เจอกับระบบอัติโนมัติ ผมก็เลยขี่มอไซด์ออกไปดู กว่าจะหาเจอ เล่นเอาเหนื่อย เพราะแถวนั้นมันมืดมาก กว่าจะหาผู้ประสบเหตุ เจอก็ขี่มอไซด์วนอยู่หลายรอบ ไปเจอผู้ชายวัยหนุ่มฉกรรจ์ นอนนิ่ง จมกองเลือดอยู่ แต่แขนขายังขยับไปมาช้า ผมจับชีพจรคนไข้ที่คอ พบว่าชีพจรเต้นแรงดีมาก ผมได้บอกไทยมุงท่านอื่นว่าช่วยเปิดไฟหน้ารถด้วยเพราะมันมืดมาก เกรงว่าจะถูกรถอื่นชนพวกเราได้ เพราะนี่เป็นทางโค้งน่ากลัวมากๆ ไม่มีใครยอมเปิดไฟรถ ยกเว้นสาวน้อยพร้อมสุนัขน่ารักคนหนึ่ง ถามผู้หวังดีที่คอยส่องไฟฉาย ว่า คนไข้สลบไหม คำตอบคือไม่ครับ การที่คนไข้ไม่สลบ ถือว่าเป็นสิ่งดี เพราะแสดงว่า สมองไม่กระทบกระเทือนมาก คงเป็นเพราะคนไข้ใส่หมวกกันน็อค แม้ว่าตอนนี้ หมวกจะหลุดออกจากหัวแล้วก็ตาม

 

ผมสังเกตเห็นว่า เลือดที่ออก นั้นออกมาทางจมูกและปากของคนไข้ คนไข้คงเจ็บไม่น้อยเลย ผมถามว่าคนไข้ ชื่ออะไร คนไข้ไม่ยอมตอบ ได้แต่นอนนิ่ง ไม่นาน ตำรวจจราจรก็มา ช่วยส่องไฟ ผมบอกทุกคนอย่าพึ่งไปเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเพราะ อาจเกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยได้ ไม่นานรถตำรวจก็มาอีกคัน พร้อมรถพยาบาลตามมาติดๆ พี่วิวัฒน์ พนักงานขับรถถามเภสัชเอกมาทำอะไรแถวนี้ ผมเลยตอบว่าผมมาเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านดงครับ ต่อมา พนักงานขับรถร่างเล็ก พร้อมEMS สาวหุ่นบึก ได้ลงมาช่วยขนย้ายผู้ป่วย อย่างถูกวิธี พอสาวสวย เจ้าหน้าที่ EMS ของโรงพยาบาลถาม คนไข้ดันยอมตอบ พูดคุยด้วย (หนอย ทีผมถามคนไข้กับนอนนิ่ง) พนักงานขับรถพร้อม EMS สาว ก็ยกคนไข้ ขึ้นรถอย่างง่ายดาย จนตำรวจ ทึ่ง ว่าผู้หญิงก็ยกคนไข้ได้สบายเลยเหรอ ผมตอบไปว่า เจ้าหน้าที่ EMS ของเราทุกคนร่างกายฟิต เปรี๊ยะ ครับ ไม่งั้น สอบไม่ผ่าน EMS ไม่นานรถโรงพยาบาลก้จากไป ตำรวจเลยถามผม คุณหมอจะไปไหนครับ ผมบอก จะไปเยี่ยมคนไข้เบาหวานที่บ้านทานตะวันต่อครับ

 

เรื่องนี้ สอนอะไรผมครับ

  1. ต้องถามตำแหน่ง จุดเกิดอุบัติเหตุให้แน่ชัด

  2. โทรแจ้งโรงพยาบาลทันที อย่าช้า

  3. ให้สัญญาณไฟ เครื่องกีดขวางเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำ

  4. ตรวจดู อาการผู้ป่วยเบื้องต้น

  5. ระวังไทยมุง อีสานมุง

  6. อย่าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยถ้าทำไม่เป็น

  7. รอรถโรงพยาบาลและตำรวจพร้อมให้ข้อมูล

หมายเลขบันทึก: 315204เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2009 08:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

มาเยี่ยมคนไทบ้านเดียวกัน ได้ความรู้ในการพบเจออุบัติเหตุฉุกเฉินว่าจะปฏิบัติอย่างไร ดีเยี่ยมมากเลยคะ พี่สุเคยเจออุบัติเหตุ คนนอนสลบอยู่ข้างทางคะ กลัวรถคนอื่นมาเหยียบซ้ำคะ ก็เลยโบกรถที่วิ่งมา  มาช่วยอุ้มขึ้นรถพี่สุด้วย พี่สุจะพาไปส่งโรงพยาบาลเอง  ปรากฏว่าคนเจ็บก็อ้วนน้ำหนักก็เยอะ  ก็ช่วยกันยก หามขึ้นรถ  โดยจะบอกว่าปฏิบัติไม่ถูกวิธีก็ได้ เป็นการซ้ำเติม กระดูกกระเดี้ยวเขา หรือประสาทของเขาขาดจากกันก็ได้

ทุกวันนี้เขายังเดินหรือช่วยเหลือตนเองไม่ได้เลย พี่สุทราบข่าวจากคนอื่น พี่สุก็มานั่งคิด เราไม่ใช่หมอ หรือพนักงงานที่ผ่านการฝึกช่วยเหลือคนเนื่องจากอุบัติเหตุ ไปยกเขาขึ้นรถ แบบไม่ถูกวิธีการ ก็เสียหายได้ พี่สุก็ยังช่วยต่อมาอีกหลายๆคน แต่คิดหนัก

การช่วยเหลือไม่ถูกวิธี แทนที่เขาจะดี เขากลับอำมพาต พี่สุก็คิดอยู่ ในตอนช่วย แต่ถ้าไม่ช่วย เขาอาจถูกรถตามหลังมาเหยียบซ้ำแน่ๆ มันมืดมาก พี่สุขับรถคนเดียว ยังเสี่ยงไปช่วยเขาอีก ก็ไม่อยากให้เขาเสียชีวิตเพราะความใจดำของเราคะ

มีคนบอกพี่สุว่า ทีหลังอย่าไปช่วยเขา  เพราะไปช่วยแล้ว บางทีตำรวจว่าเรา เป็นคนชนเขาเอง จับเราเข้าคุกอีก ให้ เปิดไฟไว้เหมือนที่หมอแนะนำนั่นแหละ แต่พี่สุอยู่โดดเดียวไทยมุงก็ไม่มี ก็ต้องตัดสินใจช่วยเขาคะ ไม่เช่นนั้นพี่สุก็กลัวคนมาจี้ หรือแกล้งอุบัติเหตุ

ไปดูงูจงอางบ้านโคกสง่าซักทีแล้วยัง อย่าใกล้เกลือกินด่างนะคะ ไปดูพี่น้อง GTK มางานแต่งงานน้องดย์ที่อุดร พี่สุไปรับมาพักด้วย เลยพาเที่ยวคะ ครูคิมรู้จักครูคิมไหมคะ

http://gotoknow.org/blog/lelaxy/315184  ไม่ปล่อยโอกาสให้ลอยนวล เมื่อดิฉันได้พบ ครูคิม น้องนัท  พร้อมน้องมนัสนันท์ พาเที่ยวบ้านโคกสง่า น้ำพองดูงูจงอางคะ

ขอบคุณ พี่สุที่มาเยี่ยมชมและให้กำลังใจครับ

เสียดาย ไม่ได้ไปงานแต่งเดย์

เพราะ

ยังไม่รู้จักใคร

ติดงานและยากจน 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท