ส่วนที่ 3 มูลนิธิ มาตรา 110 ถึง มาตรา 136


ส่วนที่ 3 มูลนิธิ มาตรา 110 ถึง มาตรา 136

ส่วนที่ 3 มูลนิธิ มาตรา 110 ถึง มาตรา 136

ส่วนที่ 3 มูลนิธิ

 มาตรา 110  มูลนิธิได้แก่ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้โดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการกุศล สาธารณะการศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษาหรือเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างอื่นโดยมิได้มุ่งหาผลประโยชน์มาแบ่ง ปันกันและได้จดทะเบียนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้

การจัดการทรัพย์สินของมูลนิธิต้องมิใช่เป็นการหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลใดนอกจากเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธินั้นเอง

 มาตรา 111  มูลนิธิต้องมีข้อบังคับและต้องมีคณะกรรมการของมูลนิธิประกอบด้วยบุคคลอย่าง น้อยสามคนเป็นผู้ดำเนินกิจการของมูลนิธิตามกฎหมายและข้อบังคับของมูลนิธิ

มาตรา 112   ข้อบังคับของมูลนิธิอย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้
(1) ชื่อมูลนิธิ
(2) วัตถุประสงค์ของมูลนิธิ
(3) ที่ตั้งสำนักงานใหญ่และที่ตั้งสำนักงานสาขาทั้งปวง
(4) ทรัพย์สินของมูลนิธิขณะจัดตั้ง
(5) ข้อกำหนดเกี่ยวกับคณะกรรมการของมูลนิธิได้แก่จำนวนกรรมการ การตั้งกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการ การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ และการประชุมของคณะกรรมการ
(6) ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการมูลนิธิ การจัดการทรัพย์สิน และบัญชีของมูลนิธิ

 มาตรา 113   มูลนิธิต้องใช้ชื่อซึ่งมีคำว่า "มูลนิธิ" ประกอบกับชื่อของมูลนิธิ

 มาตรา 114   การขอจดทะเบียนมูลนิธินั้นให้ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อนาย ทะเบียนแห่งท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ของ มูลนิธิจะตั้งขึ้นในคำขออย่างน้อยต้องระบุเจ้าของทรัพย์สินและ รายการทรัพย์สินที่จะจัดสรรสำหรับมูลนิธิ รายชื่อที่อยู่และอาชีพของผู้จะเป็นกรรมการของมูลนิธิทุกคนพร้อมกับแนบข้อ บังคับของมูลนิธิมากับคำขอด้วย

 มาตรา 115   เมื่อนายทะเบียนได้รับคำขอแล้วเห็นว่าคำขอนั้น ถูกต้องตามมาตรา 114 และข้อบังคับถูกต้องตามมาตรา 112 และวัตถุประสงค์เป็นไปตาม มาตรา 110 และไม่ขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่เป็นภยันตรายต่อความ สงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐและรายการซึ่งจดแจ้งในคำขอหรือข้อ บังคับสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิและผู้จะเป็นกรรมการของมูลนิธินั้น มีฐานะและความประพฤติเหมาะสมในการ ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญ แสดงการจดทะเบียนให้แก่มูลนิธินั้นและประกาศการจัดตั้งมูลนิธิในราชกิจจา นุเบกษา

ถ้านายทะเบียนเห็นว่าคำขอหรือข้อบังคับไม่ถูกต้องตาม มาตรา 114 หรือมาตรา 112 หรือรายการซึ่งจดแจ้งในคำขอหรือข้อบังคับไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ มูลนิธิหรือผู้จะเป็นกรรมการของมูลนิธิมีฐานะหรือความประพฤติไม่เหมาะสมใน การดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิให้มีคำสั่งให้ผู้ขอจดทะเบียนแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง เมื่อแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงถูกต้องแล้วให้รับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการ จดทะเบียนให้แก่มูลนิธินั้น

ถ้านายทะเบียนเห็นว่าไม่อาจรับจดทะเบียนได้ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของมูลนิธิไม่เป็นไปตามมาตรา 110 หรือขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบ สุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐหรือผู้ขอจดทะเบียนไม่แก้ไขหรือเปลี่ยน แปลงให้ถูกต้องภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำสั่งของนายทะเบียน ให้นายทะเบียนมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนและแจ้งคำสั่งพร้อมด้วยเหตุผลที่ไม่ รับจดทะเบียนให้ผู้ขอจดทะเบียนทราบโดยมิชักช้า

ผู้ขอจดทะเบียนมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนนั้นต่อรัฐมนตรีว่า การกระทรวงมหาดไทยโดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่ วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งไม่รับจดทะเบียน

ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยวินิจฉัยอุทธรณ์และแจ้งคำวินิจฉัยให้ผู้ อุทธรณ์ทราบภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่นายทะเบียนได้รับหนังสืออุทธรณ์คำ วินิจฉัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เป็นที่สุด

 มาตรา 116    ก่อนที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนมูลนิธิ ผู้ขอจัดตั้ง มูลนิธิมีสิทธิขอถอนการจัดตั้งมูลนิธิได้โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อนายทะเบียน สิทธิที่จะขอถอนการจัดตั้งมูลนิธินี้ไม่ตกทอดไปยังทายาท

ในกรณีที่มีผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิหลายคนถ้าผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิคนหนึ่งคนใด ใช้สิทธิถอนการจัดตั้งมูลนิธิ ให้คำขอจัดตั้งมูลนิธินั้นเป็นอันระงับไป

 

 

มาตรา 117    ในกรณีที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิถึงแก่ความตายก่อนนายทะเบียนรับจดทะเบียน มูลนิธิ ถ้าผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมยกเลิกการจัดตั้งมูลนิธิที่ขอจัดตั้งไว้ให้คำขอ จัดตั้งมูลนิธิที่ผู้ตายได้ยื่นไว้ต่อนายทะเบียนยังคงใช้ได้ต่อไปและให้ ทายาทหรือผู้จัดการมรดกหรือผู้ซึ่งผู้ตายมอบหมายดำเนินการในฐานะเป็นผู้ขอ จัดตั้งมูลนิธิต่อไปถ้าบุคคลดังกล่าวไม่ดำเนินการภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิถึงแก่ความตายบุคคลผู้มีส่วนได้เสียหรือ พนักงานอัยการจะดำเนินการในฐานะเป็นผู้ขอจัดตั้งมูลนิธินั้นต่อไปก็ได้

ในกรณีที่ไม่สามารถจัดตั้งมูลนิธิขึ้นได้ตามวัตถุประสงค์ที่ผู้ตายกำหนด ไว้ถ้าหากไม่มีพินัยกรรมของผู้ตายสั่งการในเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างอื่นให้นำ ความในมาตรา 1679 วรรคสองมาใช้บังคับโดยอนุโลม ถ้าไม่สามารถดำเนินการตามมาตรา 1679 วรรคสองหรือมูลนิธิจัดตั้งขึ้นไม่ได้ตามมาตรา 115 ให้ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้ตกเป็นมรดกของผู้ตาย

  มาตรา 118    ในกรณีที่มีข้อกำหนดพินัยกรรมให้ก่อตั้งมูลนิธิตาม มาตรา 1676 ให้บุคคลซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องจัดตั้งมูลนิธิตามมาตรา 1677 วรรคหนึ่ง วรรคหนึ่ง ดำเนินการตาม มาตรา 114 และตามบทบัญญัติแห่งมาตรานี้

ถ้าบุคคลซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องจัดตั้งมูลนิธิตามวรรคหนึ่งมิได้ขอจด ทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่บุคคลดังกล่าวได้ รู้หรือควรรู้ข้อกำหนดพินัยกรรมให้ก่อตั้งมูลนิธิ บุคคลผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดหรือพนักงานอัยการจะเป็นผู้ขอจด ทะเบียนมูลนิธิก็ได้

ถ้าผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนมูลนิธิไม่ดำเนินการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงให้ถูก ต้องตามคำสั่งของนายทะเบียนตามมาตรา 115 จนเป็นเหตุให้นายทะเบียนไม่รับจดทะเบียนมูลนิธิเพราะเหตุดังกล่าวบุคคล ผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดหรือพนักงานอัยการจะเป็นผู้ขอจดทะเบียนมูลนิธิ นั้นอีกก็ได้

ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิตามมาตรานี้จะขอถอนการ ก่อตั้งมูลนิธิตาม มาตรา 116 ไม่ได้

ในกรณีที่มีผู้คัดค้านต่อนายทะเบียนว่าพินัยกรรมนั้นมิได้กำหนดให้ก่อ ตั้งเป็นมูลนิธิให้นายทะเบียนแจ้งให้ผู้คัดค้านไปร้องต่อศาลภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนและให้นาย ทะเบียนรอการพิจารณาการจดทะเบียนไว้ก่อนเพื่อดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำ สั่งของศาล ถ้าผู้คัดค้านไม่ยื่นคำร้องต่อศาลภายในเวลาที่กำหนดให้นายทะเบียนพิจารณาการ จดทะเบียนมูลนิธินั้นต่อไป

 

มาตรา 119    ในกรณีที่มีข้อกำหนดพินัยกรรมให้จัดตั้งมูลนิธิ ถ้าพินัยกรรมที่ทำไว้มิได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับรายการตาม มาตรา 112 (1)(3)(5) หรือ (6) ให้ผู้ยื่นคำขอตามมาตรา 118 กำหนดรายการดังกล่าวได้ ถ้าผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดคัดค้านให้นายทะเบียนมีคำสั่งตามที่เห็น สมควรแล้วแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอและผู้คัดค้านทราบพร้อมทั้งแจ้งด้วยว่าหากผู้ ยื่นคำขอหรือผู้คัดค้านไม่พอใจในคำสั่งดังกล่าวก็ให้ไปร้องคัดค้านต่อศาลภาย ในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนและให้นายทะเบียนรอการ พิจารณาจดทะเบียนไว้ก่อนเพื่อดำเนินการตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล แต่ถ้าไม่มีการร้อง คัดค้านต่อศาลภายในเวลาที่กำหนดให้นายทะเบียนพิจารณาจดทะเบียนมูลนิธิตามที่ ได้มีคำสั่งไว้นั้นต่อไป

 มาตรา 120    ในกรณีที่มีบุคคลหลายรายยื่นคำขอจดทะเบียนมูลนิธิตามพินัยกรรมของเจ้ามรดก รายเดียวกัน ถ้าคำขอนั้นมีข้อขัดแย้งกันให้นายทะเบียนเรียกผู้ยื่นคำขอมาตกลงกันและถ้า ผู้ยื่นคำขอ ไม่มาตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำหนดให้นาย ทะเบียนมีคำสั่งตามที่เห็นสมควรและให้นำความในมาตรา 119 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

 มาตรา 121    เมื่อได้จดทะเบียนมูลนิธิแล้วถ้าผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิ มีชีวิตอยู่ให้ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้เพื่อการนั้นตกเป็นของมูลนิธิตั้งแต่ วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนมูลนิธิเป็นต้นไป

ในกรณีที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธิถึงแก่ความตายก่อนนายทะเบียนรับจดทะเบียน มูลนิธิเมื่อได้จดทะเบียนมูลนิธิแล้วให้ทรัพย์สินที่จัดสรรไว้เพื่อการนั้น ตกเป็นของมูลนิธิ ตั้งแต่เวลาที่ผู้ขอจัดตั้งมูลนิธินั้นถึงแก่ความตาย

 

มาตรา 122    มูลนิธิที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล

 มาตรา 123    คณะกรรมการของมูลนิธิเป็นผู้แทนของมูลนิธิในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก

 มาตรา 124    บรรดากิจการที่คณะกรรมการของมูลนิธิได้กระทำไปแม้จะปรากฏในภายหลังว่ามีข้อ บกพร่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งหรือคุณสมบัติของกรรมการของมูลนิธิกิจการนั้น ย่อมมีผลสมบูรณ์

 มาตรา 125    การแต่งตั้งกรรมการของมูลนิธิขึ้นใหม่ทั้งชุดหรือการเปลี่ยนแปลงกรรมการของ มูลนิธิ ให้กระทำตามข้อบังคับของมูลนิธิและมูลนิธิต้องนำไปจดทะเบียนภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่มีการแต่งตั้งหรือเปลี่ยนแปลงกรรมการของมูลนิธิ

ถ้านายทะเบียนเห็นว่ากรรมการของมูลนิธิตามวรรคหนึ่งผู้ใดมีฐานะหรือความ ประพฤติไม่เหมาะสมในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธินายทะเบียนจะไม่ รับจดทะเบียนกรรมการของมูลนิธิผู้นั้นก็ได้ในกรณีที่นายทะเบียนไม่รับจด ทะเบียนกรรมการของมูลนิธินายทะเบียนต้องแจ้งเหตุผลที่ไม่รับจดทะเบียนให้ มูลนิธิทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ยื่นคำขอจดทะเบียนและให้นำความในมาตรา 115 วรรคสี่ และวรรคห้ามาใช้บังคับโดยอนุโลม

ในกรณีที่กรรมการของมูลนิธิพ้นจากตำแหน่งและไม่มีกรรมการของมูลนิธิเหลือ อยู่หรือกรรมการของมูลนิธิที่เหลืออยู่ไม่สามารถดำเนินการตามหน้าที่ได้ ถ้าข้อบังคับของมูลนิธิมิได้กำหนดการปฏิบัติหน้าที่ไว้เป็นอย่างอื่นให้ กรรมการของมูลนิธิที่พ้นจากตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่กรรมการของมูลนิธิต่อไปจน กว่านายทะเบียนจะได้แจ้งการรับจดทะเบียนกรรมการของมูลนิธิที่ตั้งใหม่

กรรมการของมูลนิธิที่พ้นจากตำแหน่ง เพราะถูกถอดถอนโดยคำสั่งศาลตามมาตรา 129 จะปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคสามไม่ได้

 

มาตรา 126    ภายใต้บังคับมาตรา 127 ให้คณะกรรมการของมูลนิธิเป็นผู้มีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของมูลนิธิ แต่ถ้าข้อบังคับของมูลนิธิได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมไว้ การแก้ไข เพิ่มเติมต้องเป็นไปตามที่ข้อบังคับกำหนดและให้มูลนิธินำข้อบังคับที่แก้ไข เพิ่มเติมนั้นไปจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คณะ กรรมการของมูลนิธิได้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของ มูลนิธิและให้นำความในมาตรา 115 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

 มาตรา 127    การแก้ไขเพิ่มเติมรายการในข้อบังคับของมูลนิธิตามมาตรา 112 (2) จะกระทำได้แต่เฉพาะในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เพื่อให้สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิหรือ
(2) พฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไปเป็นเหตุให้วัตถุประสงค์ของ
มูลนิธิ นั้นมีประโยชน์น้อยหรือไม่อาจดำเนินการให้สมประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของ มูลนิธินั้นได้ และวัตถุประสงค์ของมูลนิธิที่แก้ไข เพิ่มเติมนั้นใกล้ชิดกับวัตถุประสงค์เดิมของมูลนิธิ

 มาตรา 128    ให้นายทะเบียนมีอำนาจตรวจตราและควบคุมดูแล การดำเนินกิจการของมูลนิธิให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับของมูลนิธิเพื่อ การนี้ให้นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งนายทะเบียนมอบหมายเป็น หนังสือมีอำนาจ
(1) มีคำสั่งเป็นหนังสือให้กรรมการพนักงาน ลูกจ้างหรือตัวแทนของมูลนิธิชี้แจงแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกิจการของ มูลนิธิหรือเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบถาม หรือให้ส่งหรือแสดงสมุดบัญชีและเอกสารต่างๆ ของมูลนิธิเพื่อตรวจสอบ
(2) เข้าไปในสำนักงานของมูลนิธิในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกเพื่อตรวจสอบกิจการของมูลนิธิ

ในการปฏิบัติการตามวรรคหนึ่งถ้าเป็นนายทะเบียนให้แสดงบัตร ประจำตัวและถ้าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้แสดงบัตรประจำตัว และหนังสือมอบหมายของนายทะเบียนต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง

 มาตรา 129    ในกรณีที่กรรมการของมูลนิธิผู้ใดดำเนินกิจการของมูลนิธิผิดพลาดเสื่อมเสีย ต่อมูลนิธิ หรือดำเนินกิจการฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อบังคับของมูลนิธิหรือกลายเป็นผู้มีฐานะ หรือความประพฤติ ไม่เหมาะสมในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ นายทะเบียน พนักงานอัยการ หรือผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งถอดถอนกรรมการ ของมูลนิธิผู้นั้นได้

ในกรณีที่การกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำของคณะกรรมการของมูลนิธิหรือ ปรากฏว่าคณะกรรมการของมูลนิธิไม่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิโดยไม่ มีเหตุอันสมควร นายทะเบียน พนักงานอัยการหรือผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่ง ถอดถอนกรรมการของมูลนิธิทั้งคณะได้

ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งถอดถอนกรรมการของมูลนิธิหรือคณะกรรมการของมูลนิธิ ตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ศาลจะแต่งตั้งบุคคลอื่นเป็นกรรมการของมูลนิธิหรือคณะกรรมการของมูลนิธิแทน กรรมการของมูลนิธิหรือคณะกรรมการของมูลนิธิที่ศาลถอดถอนก็ได้ เมื่อศาลมีคำสั่งแต่งตั้งบุคคลใดเป็นกรรมการของมูลนิธิแล้วให้นายทะเบียน ดำเนินการจดทะเบียนไปตามนั้น

 มาตรา 130    มูลนิธิย่อมเลิกด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดดังต่อไปนี้
(1) เมื่อมีเหตุตามที่กำหนดในข้อบังคับ
(2) ถ้ามูลนิธิตั้งขึ้นไว้เฉพาะระยะเวลาใดเมื่อสิ้นระยะเวลานั้น
(3) ถ้ามูลนิธิตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดและได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ สำเร็จบริบูรณ์แล้วหรือวัตถุประสงค์นั้นกลายเป็นการพ้นวิสัย
(4) เมื่อมูลนิธินั้นล้มละลาย
(5) เมื่อศาลมีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิตามมาตรา 131

 มาตรา 131   นายทะเบียน พนักงานอัยการหรือผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดอาจร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่ง ให้เลิกมูลนิธิได้ในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้
(1) เมื่อปรากฏว่าวัตถุประสงค์ของมูลนิธิขัดต่อกฎหมาย
(2) เมื่อปรากฏว่ามูลนิธิกระทำการขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือ อาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชนหรือความมั่นคงของรัฐ
(3) เมื่อปรากฏว่ามูลนิธิไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ไม่ว่าเพราะเหตุใดๆหรือหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่สองปีขึ้นไป

 มาตรา 132   เมื่อมูลนิธิมีเหตุต้องเลิกตามมาตรา 130 (1)(2) หรือ (3) แล้วให้คณะกรรมการของมูลนิธิที่อยู่ในตำแหน่งขณะมีการเลิกมูลนิธิแจ้งการ เลิกมูลนิธิต่อนายทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ มีการเลิกมูลนิธิ

ในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้มูลนิธิล้มละลายตามมาตรา 130 (4) หรือมีคำสั่งถึงที่สุดให้เลิกมูลนิธิตาม มาตรา 131 ให้ศาลแจ้งคำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าวให้นายทะเบียนทราบด้วย

ให้นายทะเบียนประกาศการเลิกมูลนิธิในราชกิจจานุเบกษา

 มาตรา 133   ในกรณีที่มีการเลิกมูลนิธิให้มีการชำระบัญชีมูลนิธิและให้นำบทบัญญัติในบรรพ 3 ลักษณะ 22 ว่าด้วยการชำระบัญชี ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัดมาใช้บังคับ แก่การชำระบัญชีมูลนิธิโดยอนุโลม ทั้งนี้ให้ผู้ชำระบัญชีเสนอรายงานการชำระบัญชีต่อนายทะเบียนและให้นาย ทะเบียนเป็นผู้อนุมัติรายงานนั้น

 มาตรา 134   เมื่อได้ชำระบัญชีแล้วให้โอนทรัพย์สินของมูลนิธิให้แก่มูลนิธิหรือนิติบุคคล ที่มีวัตถุประสงค์ตาม มาตรา 110 ซึ่งได้ระบุชื่อไว้ในข้อบังคับของมูลนิธิ ถ้าข้อบังคับของมูลนิธิมิได้ระบุชื่อมูลนิธิ หรือนิติบุคคลดังกล่าวไว้พนักงานอัยการผู้ชำระบัญชี หรือผู้มีส่วนได้เสียคนหนึ่งคนใดอาจร้องขอต่อศาลให้จัดสรรทรัพย์สินนั้นแก่ มูลนิธิหรือนิติบุคคลอื่นที่ปรากฏว่ามีวัตถุประสงค์ใกล้ชิดที่สุดกับ วัตถุประสงค์ของมูลนิธินั้นได้

ถ้ามูลนิธินั้นถูกศาลสั่งให้เลิกตาม มาตรา 131 (1) หรือ (2) หรือการจัดสรรทรัพย์สินตามวรรคหนึ่งไม่อาจกระทำได้ ให้ทรัพย์สิน ของมูลนิธิตกเป็นของแผ่นดิน

 มาตรา 135   ผู้ใดประสงค์จะขอตรวจเอกสารเกี่ยวกับมูลนิธิ ที่นายทะเบียนเก็บรักษาไว้หรือจะขอให้นายทะเบียนคัดสำเนา เอกสารดังกล่าวพร้อมด้วยคำรับรองว่าถูกต้องให้ยื่นคำขอต่อ นายทะเบียน และเมื่อได้เสียค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎ กระทรวงแล้วให้นายทะเบียนปฏิบัติตามคำขอนั้น

 

มาตรา 136   ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการ ตามบทบัญญัติในส่วนนี้และให้มีอำนาจแต่งตั้งนายทะเบียนกับออก กฎกระทรวงเกี่ยวกับ
(1) การยื่นคำขอจดทะเบียนและการรับจดทะเบียน
(2) ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การคัด สำเนาเอกสาร และค่าธรรมเนียมการขอให้นายทะเบียนดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับมูลนิธิ รวมทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว
(3) แบบบัตรประจำตัวของนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่
(4) การดำเนินกิจการของมูลนิธิและการทะเบียนมูลนิธิ
(5) การอื่นใดเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติในส่วนนี้

กฎกระทรวงนั้น เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

 

หมายเลขบันทึก: 315122เขียนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2009 18:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท