รายการเกษตรยามเย็น
เรื่อง “ เตือนชาวนาชัยนาทเร่งเฝ้าระวังเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาด”
ออกอากาศวันที่ 21 พฤศจิกายน 2552 เวลา 16.00 - 17.00 น. สถานีวิทยุชุมชนคนหันคา เอฟ.เอ็ม 90.00 MHz
-----------------------
มีชีวิต มีให้ดี ต้องมีชาติ |
ชาติวิลาศนั้นต้องมีศรีศาสนา |
สองนั้นจะดีต้องมีธรรม-ราชา |
เป็นหัวหน้าและตัวอย่างทุกอย่างไป |
ประเทศชาติเหมือนร่างกายให้คิดดู |
ไม่มีกายใจจะอยู่อย่างไรได้ |
ศาสนานั้นเหมือนใจฝ่ายนามกาย |
ไม่มีใจก็เหมือนตายซากก่ายกอง |
มหากษัตริย์เหมือนสติและปัญญา |
ที่บัญชากายและใจให้เป็นสมร |
ร่วมกันไปคล้ายกับงานสหกรณ์ |
ไม่ม้วยมรณ์ไทยเจริญ เกินเปรียบเอยฯ |
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ขอต้อนรับเข้าสู่รายการเกษตรยามเย็น ในระบบ เอฟ.เอ็ม ความถี่ 90.00 เมกะเฮิร์ต พบกันเป็นประจำทุกวันเสาร์ และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16.00 ถึง 17.00 น. โดยประมาณ สำหรับรายการเกษตรยามเย็นในวันนี้ ได้นำบทกลกอนของหลวงพ่อพุทธทาส มาฝาก และจะนำเสนอเรื่อง “เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล” พบกันได้เลยครับ
ปัจจุบันพบการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในหลายพื้นที่ของจังหวัดชัยนาทกว่า 60,000 ไร่ สร้างความเสียหายไปแล้วหลายพันไร่ เร่งออกโรงเตือนเกษตรกรรีบตรวจแปลงนาอย่างสม่ำเสมอ พร้อมแนะวิธีป้องกันและแก้ไข
เนื่องจากขณะนี้ เกิดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลดังกล่าวในหลายพื้นที่ของจังหวัดชัยนาท สร้างความเสียหายให้เกษตรกรไปแล้วหลายพันไร่ ดังนั้น จึงอยากให้เกษตรกรเร่งตรวจแปลงนาให้สม่ำเสมอ หากยังไม่พบการระบาดให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
1.ตรวจนับจำนวนเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและศัตรูธรรมชาติ เช่น แมงมุม มวนเขียวดูดไข่ แตนเบียนต่าง ๆ หากมีศัตรูธรรมชาติคือ แมงมุมหมาป่า และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในอัตรา 1 : 5 ก็ไม่ต้องใช้สารเคมี ถ้าสามารถควบคุมระดับน้ำในแปลงนาได้ ให้ระบายน้ำออกให้แห้งประมาณ 7 – 10 วัน เพื่อปรับสภาพไม่ให้เหมาะสมกับตัวอ่อน
2.ในนาหว่านน้ำตมไม่ควรหว่านข้าวหนาแน่นเกินไป ถ้าปรับเปลี่ยนเป็นนาดำได้จะช่วยลดและป้องกันการระบาดของเพลี้ยกระโดดได้ ส่วนการใส่ปุ๋ยไม่ควรใส่ปุ๋ยไนโตรเจนมากเกินไปเพราะลำต้นอ่อน น้ำมาก เพลี้ยจะชอบดูดกิน
ในการนี้เกษตรอำเภอหันคา ได้ฝากแนวคิดเพื่อการป้องกันกำจัดเพลี้ยกระดดดสีน้ำตาลมาด้วย แต่ก่อนอื่นรับฟังเพลงเพราะสัก 1 เพลงก่อนครับ
(เพลงลูกทุ่ง )
นายวรทัศน์ จันทร์พยอม เกษตรอำเภอหันคา กล่าวว่า แต่ถ้าในแปลงมีการระบาดมากให้ดำเนินการดังต่อไปนี้(เสียงบันทึก)
ใช้กับดักแสงไฟล่อตัวเต็มวัยของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลแล้วนำไปทำลาย
ใช้เชื้อราขาวบิวเวอร์เรีย อัตรา 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมสารจับใบฉีดเวลาเช้าหรือเย็น และควรพ่นให้เชื้อราสัมผัสกับเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลโดยตรง ก็จะสามารถควบคุมได้
การใช้สารสมุนไพร เช่นสารสะเดา หรือยาฉุน
หากแมลงมีปริมาณสูงมากมีความจำเป็นต้องใช้สารฆ่าแมลงให้ปฏิบัติดังนี้
· ใช้สารฆ่าแมลงในระยะที่แมลงเป็นตัวอ่อน เช่น ไดโนทีฟูเรน ( สตาร์เกิล ) หรือ บูโพรเฟซิน ( แอปพลอด ) หรือ อีโทเฟนพรอกซ์ (ทรีบอน)
· ไม่ใช้สารกลุ่มไพรีทรอยด์สังเคราะห์ เช่น ไซเพอร์มิทริน ไซฮาโลทริน เดลต้ามิทรินและสารเอ็นโดซัลแฟน พาราไธออน เมทธิล เมทามิโดฟอส และโมโนโครโตฟอส
ไม่ควรใช้สารฆ่าแมลงผสมกันหลายๆชนิดหรือใช้สารฆ่าแมลงผสมสารกำจัดโรค หรือสารกำจัด
วัชพืช เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของสารฆ่าแมลงลดลง
เวลาพ่นสารให้หัวฉีดอยู่ระดับใกล้โคนต้นข้าวมากที่สุด
ถ้าสังเกตว่าข้าวไม่ออกรวงและข้าวเขียวเข้มกว่าปรกติให้รีบส่งข่าวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน
ท้องถิ่น
ใช้สารฆ่าแมลงเมื่อพบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระยะตัวอ่อนมากกว่า 5-10 ตัวต่อข้าว 1 ต้น และพบมวนเขียวดูดไข่และแมงมุมปริมาณน้อยกว่าเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
สำหรับการป้องกันในพื้นที่ที่ยังไม่เกิดปัญหา แต่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอแนะนำว่าควรพิจารณาตามระยะการเจริญเติบโตของข้าว คือ การเตรียมดินปลูกข้าวนาหว่าน ควรทำตามระบบการปลูกข้าวนาหว่านน้ำตม คือ เตรียมดินให้เป็นร่อง เพื่อให้มีการระบายอากาศ ถ้ายังไม่ได้ปลูกควรเปลี่ยนพันธุ์ข้าวที่ปลูกมาใช้พันธุ์ที่ต้านทาน โรคและแมลง อัตราเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ใช้ 15-20 กก./ไร่ ไม่ควรใช้อัตราสูง เพราะจะทำให้ข้าวแน่น การใส่ปุ๋ยเคมีให้ลดอัตราการใช้ปุ๋ยเคมีให้น้อยลง หมั่นตรวจดูโคนข้าว เมื่อพบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระยะตัวอ่อนมากกว่า 5-10 ตัวต่อข้าว 1 ต้น และพบมวนเขียวดูดไข่และแมงมุมปริมาณน้อยกว่าเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ให้ใช้สารฆ่าแมลง ช่วงต่อไปจะได้พูดถึงภูมิปัญญาของพี่น้องเกษตรกรที่ได้นำเชื้อราบิวเวอร์เรียไปใช้แล้วได้ผล แต่ก่อนอื่นมาฟังเพลงลูกทุ่งสัก 1 เพลง ครับ
(เพลงลูกทุ่ง)
หลังจากรับฟังเพลงแล้วมาพบกันตามสัญญาคือ การผลิตเชื้อราบิวเวอร์เรีย นายสมาน ทองบุญโท ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.วังไก่เถื่อน อ.หันคา จ.ชัยนาท และเป็นประธาน “กลุ่มผลิตสารชีวภัณฑ์” ได้กล่าวถึงการเพาะเลี้ยงเชื้อราบิวเวอเรีย ว่า จะต้องเตรียมอุปกรณ์ คือ เมล็ดข้าวโพดแห้ง ถุงพลาสติกเพาะเห็ด คอขวด เชื้อราบิวเวอเรียบริสุทธ์ แอลกอร์ฮอร์ ลวดเขี่ยเชื้อ ถังนึ่ง(แปลงมาจากถังน้ำมัน 200 ลิตร) และสำลี(หรือใช้จากไส้ในที่นอนซักให้สะอาดตากให้แห้งแล้วนึ่งฆ่าเชื้อขณะนึ่งห่อด้วยกระดาษกันความชื้น)
วิธีทำ นำข้าวโพดแช่น้ำ 12 ชม. นำไปผึ่งลมหรือตากแดดอ่อนๆ ทิ้งไว้ให้หมาดๆ กรอกลงถุงพลาสติกถุงละ 400 กรัม ใส่คอขวดก่อนปิดด้วยสำลีที่เตรีมไว้เพื่อปิดกันแมลงและเชื้อโรคอื่นเข้าไป หุ้มด้วยกระดาษใช้ยางรัดไว้เพื่อกันความชื้นหรือหยดน้ำลงไป นำลงนึ่งในถังให้ห่างจากขอบถังประมาณ 2 ซม.เพื่อกันถุงเสียหายจากความร้อน วางทับหันประมาณ 2 ชั้น เพื่อให้ความร้อนเข้าถึงอย่างสม่ำเสมอ ใส่น้ำลงไปประมาณ 15 ซม. ปิดฝาให้มีช่องระบายไอน้ำเล็กน้อย นึ่งโดยใช้ไฟแรงให้เดือนแล้ว จับเวลาตั้งทิ้งไว้จำนวน 2 ชม. นำออกมาไว้ในที่ร่มให้อุ่น (ทดสอบโดยวางบนหน้าแขนพอทนได้สักพัก จึงเขี่ยเชื้อจากขวดที่ได้รับจากศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดชัยนาท
การเขี่ยเชื้อ เป็นขั้นตอนที่ต้องระวังความสะอาดเป็นพิเศษ จึงต้องดำเนินการในที่ปิดมิดชิดลมไม่โกรก ผู้ปฏิบัติปิดปาก ปิดจมูกและสวมถุงมือ ก่อนเขี่ยต้องเตรียมจุดไฟด้วยการเทแอลกอร์ฮอร์ลงบนสำลีที่วางไว้บนถ้วยแก้วหรือกระเบื้อง ติดไฟไว้สำหรับฆ่าเชื้อลวดเขี่ยเชื้อ นำขวดเชื้อลงนอนตะแคง เขี่ยให้ได้ประมาณเท่าหัวไม้ขีด นำออกจากขวดพร้อมกับปิดจุกสำลีที่ขวดหัวเชื้อทันที หย่อนหัวเชื้อที่ได้ลงถุงข้าวโพด ปิดสำลีทันที นำไปเก็บไว้ในที่เย็นไม่โดนแดด แต่จะต้องให้ได้รับแสงสว่างอย่างน้อยวันละ 6 ชม.และอย่าให้ถูกความร้อน (สำหรับตนเองเอาไว้ในห้องน้ำ) ทิ้งไว้ 15 วันสังเกตเส้นใยสีขาวเดินรอบถุงจึงนำออกเก็บไว้ในที่เย็นไม่ให้โดนความร้อน ถ้าเป็นโรงเก็บรถหรือเก็บของจะต้องใช้วัสดุป้องกันไอร้อนกระทบกับก้อนเชื้อราบิวเวอเรียเสียหายได้ ก่อนที่จะนำไปใช้มาฟังเพลงอีกสัก 1 เพลงครับ
(เพลงลูกทุ่ง)
วิธีใช้ นำเชื้อราบิวเวอเรีย 1-2 กก./น้ำ 20 ลิตร แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยนำน้ำ 5 ลิตร ใส่ถุงมือขยำก้อนเชื้อกับน้ำให้สปอร์เชื้อราหลุดจากเมล็ดข้าวโพดแล้วกรองด้วยผ้าบางๆ แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำอีก 15 ลิตร ผสมกับสารจับใบ(ตามฉลาก) คนให้เข้ากัน นำไปฉีดพ้นในช่วงเช้าตรู่หรือเย็นแดดอ่อน ควรปรับหัวฉีดให้พ่นเป็นฝอยละเอียดจะทำให้ได้ผลดีและได้พื้นที่เพิ่มขึ้น และควรติดตามตรวจสอบเมื่อฉีดพ่นได้ 2-3 วัน ข้อควรระวังในการใช้คือ สวมถุงมือ ปิดปาก ปิดจมูก เหมือนกับใช้สารเคมีทั่วไป ไม่ควรใช้ร่วมกับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชทุกชนิด และควรล้างเครื่องฉีดพ้นที่เคยพ่นสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชให้สะอาด และเชื้อราบิวเวอเรียจะอยู่ได้นานจนถึงระยะเก็บเกี่ยวเมื่อใช้กับข้าวที่อายุ 40-50 วัน เพราะจะมีใบข้าวที่ปกคลุมป้องกันแสงแดดส่อง
เมื่อกล่าวถึงเชื้อราบิวเวอร์เรียว่า เป็นเชื้อราที่สามารถให้เกิดโรคได้กับแมลงได้หลายชนิด โดยเฉพาะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และหนอนศัตรูพืช เนื่องจากสปอร์ของเชื้อราบิวเวอเรียที่ตกที่ผนังลำตัวแมลง เมื่อมีสภาพที่เหมาะสมสปอร์จะงอกแทงทะลุผ่านลำตัวแมลงเข้าไปใชช่องว่างภายในลำตัวและเจริญเติบโตเป็นเส้นใยท่อนสั้นๆ ทำลายเซลล์เม็ดเลือดในตัวของแมลง ทำให้แมลงเป็นอัมพาตและตายไปในที่สุด หลังจากแมลงตายแล้วเชื้อราจะสร้างสปอร์แพร่กระจายได้ตามธรรมชาติ เฝ้าระวังแปลงนาของเกษตรกรจากแมลงศัตรูข้าง เพราะสามารถทำลายแมลงได้ทุกระยะ แต่เมื่อเกษตรกรฉีดพ่นสารเคมีหรือเชื้อราไตรโคเดอร์มา กำจัดเชื้อราสาเหตุของโรคข้าว จะทำให้เชื้อราบิวเวอเรียถูกทำลายไปด้วย เป็นการสร้างความสมดุลย์ให้แก่ระบบนิเวศน์วิทยาในนาข้าวต่อไป ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการและถ่ายทอเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล เกษตรตำบล สนง.เกษตรอำเภอ และ สนง.เกษตร
ยังคงมีภูมิปัญญาของพี่น้องเกษตรกรในหลายพื้นที่ รอรับฟังในรายการเกษตรยามเย็นครั้งต่อไป สำหรับวันนี้ขอขอบพระคุณเจ้าของสถานีวิทยุชุมชนคนหันคา และดีเจหนูแหม่ม ที่ได้ช่วยเลือกเพลงเพราะให้รับฟัง และลืมไม่ได้คือท่านผู้รับฟังทุกท่าน ขอให้ทุกท่านมีความสุขมกๆ สวัสดีครับ
(เพลง)
ขอบคุณมากค่ะ ความสุขที่ที่มอบให้ ก็ขอให้น้องได้รับ ด้วยนะคะ