เมื่อผมสอน " ความจริงของชีวิต "


ผมไม่ได้สอนสักเท่าไหร่เลย จับโน่น ชนนี่ "จัดการ" ให้เขาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เสียมากกว่า

    ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  แต่ไม่นานขนาดจำไม่ได้  ผมเคยสอนวิชาชื่อ "ความจริงของชีวิต" สนุกมาก บรรยากาศมีชีวิตชีวา  ผู้เรียนก็ดูจะมีความสุข  แต่มีคนกล่าวหาว่า "เนื่อหาน้อย
    จำได้ว่าผมเห็นอะไรเป็นสื่อการเรียนรู้ไปได้หมด โดยเฉพาะข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนอื่นๆ  แม้แต่รูป 2 รูปที่ผมถ่ายเล่นเมื่อครั้งผ่านไปแถว เขากบ นครสวรรค์ ที่กำลังเขียนถึงอยู่นี้  ผมนำสองภาพให้ผู้เรียนดูแล้ว คิด เขียน เดี่ยว ตามด้วยเข้ากลุ่มย่อย และคัดสรร นำเสนอต่อกลุ่มใหญ่  ความคิดเห็นผมในฐานะผู้สอนถือเป็นเรื่องเล็กจะเอาไว้ท้ายสุด  และผมก็แอบใช้ Internet หาข้อมูล ความคิดเห็นจากสหายที่ไม่เคยเห็นหน้าที่ pantip.com ตัดต่อทำ Powerpoint เตรียมไว้ปิดฉากด้วย  นี่ครับ ร่องรอยที่พอจะเหลืออยู่ ..

   1. บัวดอกแรกในอ่างบัว บนเขากบ

            

                             2. อีกดอกหนึ่งในอ่างเดียวกัน

                                                    

3. ตัวอย่างบทกวีจากมิตรสหายที่ pantip.com นำเสนอ และผมนำมาปรุงเป็นสื่อปิดท้ายการสอน

        

                  

    

      

   

        ดูๆแล้ว  ผมไม่ได้สอนสักเท่าไหร่เลย  จับโน่น ชนนี่ "จัดการ" ให้เขาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เสียมากกว่า  ช่างเป็นครูที่ไม่ "ขยันสอน" เลยนะเรา !

 

หมายเลขบันทึก: 31476เขียนเมื่อ 28 พฤษภาคม 2006 08:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน


ความเห็น
     เนื้อหาน้อยเพราะเป็นแก่น ที่เหลือต้องขบคิดเอง อาจารย์สอนโดยการเปรียบเทียบให้เห็น "จริง" ผมมองว่าสุดยอดแล้วครับ
     หัวเรื่องที่จริงต้อง "จริง" คงไม่ใช่ "จีง" ใช่ไหมครับ ยิ้ม ๆ

เค้าบอกว่าวิทยากรที่ดี ไม่ต้องมีแผ่นใสสักแผ่น ก็สามารถสอนได้ เพราะเพียงแค่จุดประกายให้ผู้เรียนได้คิดหาคำตอบด้วยตนเอง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้สามารถคิดได้หลายแง่ หลายวิธี มีคำตอบที่หลากหลาย การฝึกให้คนได้คิดถือเป็นสิ่งวิเศษที่สุดแล้วครับ แบบนี้เรียกว่า กระบี่อยู่ที่ใจ หยิบจับสิ่งใดก็นำมาทำเป็นอาวุธได้หมด สุดท้ายขอชื่นชมทุกคนที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบทเรียนดอกบัวของคุณครูพินิจครับ

  ขอบคุณครับ เห็นที่ผิดตั้งแต่แรกตามที่บอก แต่เข้าแก้ไม่ได้อยู่นานมาก  เชื่อว่าคงเพราะ จราจรคับคั่ง .. ตอนนี้ ไม่ "จีง" แล้วครับ

อาจารย์ครับ

เสียดายผมไม่มีโอกาสได้เป็นลูกศิษย์อาจารย์ ช่วงที่เรียน

แต่ก็ขอสมัครเป็นลูกศิษย์ใน Blog พื้นที่เสมือนแห่งนี้นะครับ ไม่ได้ผ่านระบบ เอเน็ต และโอเน็ต ก็คงได้นะครับอาจารย์

   มาขอบคุณอีกรอบครับ ...

  • สำหรับ คุณจตุพร มิบังอาจเป็นผู้สอน แต่ขอเป็น คนแก่กว่า (แต่ไม่แก่เกิน) ที่พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างกัลยาณมิตร ตลอดไปครับ และ ...
  • ขอบคุณ คุณ Oscar ที่ให้ความเห็นที่โดนใจ และเป็นกำลังใจไปพร้อมๆกัน 
  • ส่วน คุณชายขอบ ไม่มีอะไรจะพูดอีกเพราะ รู้อยู่ในใจ
ครูที่ "ขยันสอน" มีเป้าหมายคือ สอนให้รู้
แต่สอนแบบคุณ "Handy" เนี่ย พี่เม่ยสรุปเอาเองในใจว่า เป้าหมายคือ สอนให้คิด ค่ะ อย่างนี้ต้องเรียกว่า "ตั้งใจสอน" ค่ะ
  พี่เม่ย 
      ขอบคุณครับที่วิเคราะห์  เจาะลึก และสรุปจนอดยิ้มด้วยความ อิ่มใจ ไม่ได้

เรียนอาจารย์ Handy ครับ

เป็นอีกคนที่แกะรอยตามมาขอเสริมปัญญาด้วยคนนะครับ อย่างนี้ต้องถือว่า เป็นการสอนแบบ ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ขนานแท้ นะครับผมว่า  อาจารย์ทำหน้าที่ เป็น คุณอำนวย

  • เพิ่งกลับมาจากการอบรมครู ขอสมัครเป็นลูกศิษย์อีกคนนะครับ
  • ลูกศิษย์คนนี้ไม่ซนนะครับ

อ่านแล้วได้แนวทางการนำไปสอนเด็กและชาวบ้าน โดยเฉพาะการใช้สื่อและความสุนทรีย์ใจ สอดแทรกศีลธรรมตามวิถีที่อยู่ในความเป็นตัวตนของพวกเขา ขอบคุณที่ให้แนวทางครับ

 

  มาทักทายอีกรอบ ด้วยความขอบคุณครับ ...

   คุณ Panda
        ผมเชื่อว่า เพราะเราสอนกันมากไปกระมังเด็กเลยไม่ค่อยได้เรียนรู้  คิดและทำอะไรไม่ค่อยเป็น  เคยพูดประโยคที่หลายคนฟังแล้วอาจสะอึก  ให้คนเป็นครูและนักศึกษาสายครูฟัง เช่น..
    " อย่า สอน เขามากนักเลย  ให้เขา เรียน บ้างเถอะ "
    " ที่เด็กโง่ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะครู สอนมากเกินไป "
    " ที่ว่า สอนจบ นั้น เคยติดตามดูบ้างไหมว่าเขา คิด  และ ทำ อะไรได้บ้าง นอกจาก จด และ จำ "   ฯลฯ

   อ.ขจิต ฝอยทอง
       ไม่เอาเป็นลูกศิษย์ไม่ได้แล้ว เป็น "น้องศิษย์" ก็แล้วกัน จริงๆ ทุกคนต่างก็เป็นครูให้กันและกันอยู่ตลอดเวลานะ ทุกคนต่างก็ รู้บางเรื่อง และ ไม่รู้หลายเรื่อง กันทั้งนั้น

   คุณยอดดอย
        ยินดีครับที่ท่านได้รับประโยชน์จากสิ่งที่นำเสนอ มีอะไรก็นำมาแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันนะครับ

อ่านบันทึกของคุณ Handy ทีไร มีอันต้องเก็บไปคิดก่อนจะกลับมาเขียนความเห็นเรื่อยเลยค่ะ เรียกได้ว่า "จุดประกาย" ได้เสมอจริงๆ

เห็นจริงมากๆโดยเฉพาะกับการสอนลูกค่ะ เวลาให้โอกาส ดูเขาคิด หลังจากเราเลือกสิ่งที่ควรพูดให้ดีๆแล้วล่ะก้อ เขามักจะ"คิด"ได้เองโดยที่เรารู้สึกได้ว่าเขา "get" มากกว่า ลึกกว่าจากการ"ทนฟัง"เราพูดพร่ำค่ะ 

   คุณโอ๋-อโณ
        ขอบคุณครับ .. อ่านบันทึกของคุณโอ๋ทีไรก็มีอันต้องเก็บไปคิด และได้ประโยชน์มากเช่นกันครับ  แถมทำให้อยากเขียนอะไรต่อไปไม่หยุด  เช่นครั้งคุยกันเรื่อง พรหมวิหาร ๔ ไงครับ

สัจธรรม...แห่งชีวิต

นำจิต...คิดพิจารณา

ความเป็น..ไป...

ให้ถ่องแท้...อย่างเข้าใจ

  • ทดสอบระบบใหม่แล้วใช่ไหมครับ
  • work more
  • แวะมาทักทายครับผม

ขอบคุณครับ ที่มาทักทาย ... กำลังค่อยๆแกะรอย เรียนรู้อยู่ครับ

เรียนท่านพี่ Handy ตามมาดูครับ เยี่ยมเลย ครับ ขอนำไปใช้ถ่ายทอดต่อครับท่าน

ขอบคุณ ท่าน JJ ครับ 
   หากมีส่วนใดนำไปใช้ประโยชน์ได้ก็ยินดีครับ ดำเนินการได้เลยตามที่เห็นเหมาะสม

ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยนะค่ะ........ความจริงของชีวิต..คืออะไรกันแน่ค่ะ

นางสาวทิวาวรรณ จันทร์ใด

สวัสดีค่ะ.........ความจริงของชีวิตนี้น่าสนใจมากเลยค่ะยังไงก็จะติดตามและหา....ความรู้ที่น่าสนใจนะค่ะ...............////////******/////////

............../////////ooooo-------oooooo////////...........

***********************************************************

oooooooooooooooooooooooooooooooooooo

***********************************************************

oooooooooooooooooooooooooooooooooooo

อาจารย์ค่ะ สรุปแล้วความจริงทางชีวิตคืออะไรค่ะ

หนูอยากทราบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท