แถวหลัง: 1) Dr.Zami จากซาอุดิอารเบีย ปัจจุบันกำลัง practice ใน Vancuver แคนาดา, 2) Meg อาจารย์ผู้ร่าเริงและทำให้ class มีพลังเสมอ, 3) Kate อาจารย์สอน communication skill ผู้แสนใจดี 4) Dr.Afroz จาก UAE ผู้มีความคิดคมๆ ให้เพื่อนๆอึ้งเสมอ 5) Dr.Shaw แม่ครูแห่ง palliative care ในวัย 70 เํธอคือผู้ทำ blog ให้พวกเรา
แถว 2 จากหลัง : 1) Dr.Truc จากเวียดนาม ผู้มีน้ำใจ 2) Dr.Helen จากจีน ผู้มีความมุ่งมั่นเหนืออุปสรรค 3) Gillian พยาบาลที่ทำงานด้วยใจแห่ง St.Joseph hospice 4) Susan สุดยอดพยาบาลแห่ง Villa Francis hospice ดำรงตำแหน่งหัวหน้าชั้นอย่างไม่เป็นทางการ 5)Dr. Deepheng จาก Raffle hospital 6) Dr.Mark คุณพ่อลูกสอง ผู้เปี่ยมด้วยประสบการณ์ จาก Raffle hospital เช่นกัน.
แถว 2 จากหน้า : 1) Meehong พยาบาลแสนใจดีจาก RCC hospice 2) Dr. Mynt Mynt คุณแม่ลูกหนึ่งและ fellow คนเก่งจาก Myanmar 3) ฉันเอง 4) Dr.Subatthra รูมเมทของฉันจากอินเดีย 5) Ngo ผู้ช่วย director ของ NCCS ที่ช่วยเหลือฉันอย่างมากตลอด clinical attachment ในสิงคโปร์ 6) Dr.Richard จากฟิลิปปินส์ มือกีตาร์ของเรา
แถวหน้าสุด : 1) Dr.Reeba คุณหมอจากอินเดียผู้ทุ่มเทให้คนยากไร้ 2) Dr.Choi Ling Registra จากมาเลเซีย เป็นอีกคนหนึ่งที่ฉันดีใจที่ได้รู้จักคนดีๆ เช่นนี้ 3) Dr.Erwin จากจาการ์ตาร์ ที่ช่วยเหลือเพื่อนๆ เสมอ 4) Dr.Rudi จากจาการ์ตาร์เช่นเดียวกัน
ฉันจำชื่อทุกคนได้ขึ้นใจ ฉันจำภาพการแชร์ การแบ่งปันได้อย่างเด่นชัด
การได้รู้จักคนเหล่านี้ ถือเป็นสิ่งมีค่าที่สุดอย่างหนึ่งของ APHN palliative care course
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
ประสบการณ์จากเพื่อนที่มาเรียนด้วยกัน สำคัญมากๆ ผมว่านี่เป็นจุดเด่นของการไปเรียน course นี้
ผมใช้เป็นคำอธิบายท่านคณบดีที่ถามผมว่า ทำไมคนที่ทำงานจนเดินทางไปบรรยายทั่วประเทศอย่างอาจารย์สกล ต้องไปเรียนอีก
เพราะเราจะได้ประสบการณ์ที่ไม่มีในตำรา จากเพื่อนๆกลุ่มนี้ ซึ่งมันหาไม่ได้อีแล้ว
จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังติดต่อกับเพื่อนๆอยู่
ใช่คะ และทุกคนรับฟังความเห็นกันโดยไม่แบ่งแยก เรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา อายุ เลย
เอาของรุ่นเรามาอวดมั่ง อิ อิ
โอ้โหอาจารย์คะ ภาษาวัยรุ่นต้องบอกว่าจ๊าบจริงๆ