วิชาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ 3 รหัสวิชา 503 416
อาจารย์อภิฤดี จิวะวิโรจน์
พยาธิสภาพ
ความดันในกะโหลกศีรษะ คือ ค่าที่เป็นผลจากการรวมตัวของส่วนประกอบที่อยู่ภายใต้กะโหลกศรีษะอันได้แก่ คือ เนื้อสมอง เลือดและ CSF จากหลักการคือ “ภายใต้กะโหลกศรีษะที่แข็งไม่สามารถยืดขยายได้ ถ้าปริมาตรของส่วนประกอบภายในกะโหลกศีรษะส่วนใดส่วนหนึ่งเพิ่มขึ้น จะมีผลทำให้ปริมาตรของส่วนที่เหลืออยู่ลดลง เพื่อให้ปริมาตรโดยรวมคงที่ มิฉะนั้นจะทำให้เกิดภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น”
กลไกการเกิดความดันในกะโหลกศีรษะสูง
เมื่อมีสิ่งกินที่ในสมองเกิดขึ้น หรือมีการเพิ่มของปริมาตรเนื้อสมอง น้ำไขสันหลังหรือเลือดจะมีการปรับตัวของส่วนประกอบเหล่านี้ ซึ่งบรรจุในกะโหลกศีรษะ เพื่อพยายามรักษาระดับของความดันในกะโหลกศีรษะให้คงที่ ระยะนี้เรียกว่า compensatory phase โดยการปรับชดเชยในระยะแรกสุด จะเป็นการพยายามลดจำนวนของ CSF คือ การกระจายของน้ำไขสันหลังไปยังไขสันหลังเพิ่มขึ้น ถ้าความดันในกะโหลกศีรษะยังสูงต่อไปอีกก็จะการลดการสร้างน้ำไขสันหลังที่ choroid plexus ลง และการเพิ่มการดูดกลับของน้ำไขสันหลังที่ arachnoid villi ระยะต่อมาจะมีการปรับชดเชยโดยการลดปริมาตรเลือดในสมอง โดยการถ่ายเทเลือดดำไปยังบริเวณ venous sinus เพิ่มมากขึ้น และลดปริมาณการไหลเวียนเลือดมายังสมอง
ค่าความดันในกะโหลกศีรษะสามารถวัดได้จากในช่อง ventricle หรือ subarachnoid หรือ subdural หรือ epidural ปกติค่าเฉลี่ยน้อยกว่า 10-15 มม.ปรอท ความดันในกะโหลกศีรษะสูง (IICP) หมายถึง ค่าที่สูงกว่า 20 มม.ปรอท ถ้ามากกว่า 5 นาทีอันตรายอย่างยิ่ง
อาการทั่วไป เป็นอาการที่เกิดจากภาวะ IICP มี 3 อาการ คือ ปวดศีรษะ อาเจียนและตามัว
อาการและอาการแสดง
การวินิจฉัย
1. การวัด
ICP
2.
การวัดความดันกำซาบเนื้อเยื่อสมอง ( Cerebral perfusion pressure)
ค่าปกติคือ80-100 mmHg
3. การตรวจอื่นๆ เช่น CT-
scan
ห้ามทำLumbar puncture
เนื่องจากจะทำให้เกิด Uncal
herniationทำให้เกิดสมองตายและเสียชีวิตได้
การรักษาผู้ป่วยที่มีความดันในกะโหลกศีรษะสูง
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีความดันในกะโหลกศีรษะสูง
2. การจัดท่านอน จัดให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูงประมาณ 30 องศา
- ศีรษะสูง 10 องศา ทำให้ความดันในกะโหลกศีรษะลดลง 1 มิลลิเมตรปรอท
- ศีรษะสูงเกิน 30 องศา จะลดความดันกำซาบของหลอดเลือดสมอง
3. ทางเดินหายใจ
- ประเมินผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดทั้งก่อน ขณะ และหลังการดูดเสมหะ
- ดูดเสมหะครั้งละไม่เกิน 30 วินาที และ hyperventilation ด้วย 100% ออกซิเจนแต่ไม่ควรบีบ ambu bag ขณะดูดเสมหะเกิน 30 นาที
- ให้ผู้ป่วยได้พัก 2-3 นาที ในการดูดเสมหะแต่ละครั้ง
4. ระบบไหลเวียนโลหิต Blood Pressure ผู้ป่วยอาจได้รับเป็น
- Nitroprusside 0.25 – 10 µg/kg/min ทางหลอดเลือดดำ ไม่ควรให้ติดต่อกันเกิน 3 วัน หรือ
- Nitroglycerine 3 mg ทางหลอดเลือดดำ ตามด้วย 1-4 mg/hr
5. Fluid & Electrolyte พยายามอย่าให้เกิด dehydration หรือ overhydration และควบคุมค่า
ระดับ electrolyte ให้ปกติ
6. ให้ยาตามแผนการรักษา เช่น ยาลดความดันในสมอง ยาลดความดันโลหิต ยากันชัก ยาแก้ปวดยาคลายกล้ามเนื้อ
เยี่ยมเลยค่ะ ครอบคลุมและเข้าใจมากขึ้น