วันนี้ระหว่างขับรถเข้า กทม. ก็นึก concept เพื่อที่จะสื่อให้เข้าใจถึง Friday KM ที่กำลังพยายามขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรูปธรรมว่าควรจะมีคำหรือประโยคอะไรที่จะทำให้ติดหูติดตา ฟังแล้วเข้าใจเลย อยู่ดีๆก็ปิ๊งมาว่า " Friday KM เวทีแห่งความภูมิใจและได้ความรู้ " ดูเท่ห์ดีนะ (ใครไม่เท่ห์ แต่ผมว่าเท่ห์) ในคำพูดนี้ไม่ได้พูดขึ้นมาเล่น มันมีความหมายแฝงเร้นตาม concept ที่ให้ไว้กับทีม HUM เป๊ะเลย ขอขยายความดังนี้
1.Friday KM อันนี้ไม่ต้องขยายความ แต่มันไม่ต้อง Friday ก็ได้นะถ้าจำเป็น
2.เวทีแห่งความภูมิใจ ด้วยเหตุผลดังนี้
- เป็นเรื่องเล่าของสิ่งที่ภาคภูมิใจเท่านั้น ไม่ภูมิใจไม่ต้องเล่า คนอื่นเขารู้อยู่แล้ว
- ทุกคนที่เข้ามาด้วยความเชื่อว่า คนเราต้องมีดีซักอย่าง อะไรมันจะแย่ไปหมดเป็นไปไม่ได้ ไม่เชื่อลองเอาคนที่เราคิดว่าแย่ที่สุดในองค์กรมาชำแหละดู จะรู้ว่าเขาต้องมีเรื่องที่เขาทำได้ดีซักอย่างถึงแม้จะน้อยก็ตาม นั่นแหละ หน้าที่ของเวทีนี้คือให้โอกาสเขาแสดงส่วนดีๆที่เขามีออกมา ส่วนเรื่องไม่ดี เรื่องที่ต้องแก้ไข เรื่องที่ต้องตำหนิ ไม่ใช่หน้าที่เวทีนี้ เป็นหน้าที่ของ ผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่าย หัวหน้าจุดเขาทำกัน
- ไม่มีใครตำหนิ แสดงความเห็นเต็มที่ โชว์เต็มพิกัด ทุกคนเท่าเทียม ก็กติกาให้เล่าเรื่องดีๆ ใครจะตำหนิ
- ในเรื่องที่เราไม่ดี เราก็นั่งเงียบฟังเขาแล้วแอบเอาไปทำบ้าง ไม่มีใครว่า
- ไม่ต้องกลัวโดนสกัดดาวรุ่งเหมือนประชุมอื่นๆ เพราะกติกากำหนดเวลาให้เราพูด ใครก็ละเมิดไม่ได้ในช่วงของเราพูด
3. ได้ความรู้ อย่างที่เคยพูด ความรู้เกิดกับคนทำงานทุกวัน แต่ไม่มีโอกาสแบ่งปันให้คนอื่น หลายคนบันทึกใน gotoknow ผมยังรู้สึกทึ่ง นึกในใจว่า " เออ เรื่องนี้เราก็ยังเพิ่งรู้เนี่ย " ดังนั้นเวทีนี้ก็เป็นเวทีที่เราจะแพร่ความรู้ใส่กัน และเป็นความรู้ที่ทำมากับมือ ไม่มีใครเถียงได้ เพราะเราวงเล็บไว้แล้ว ภายใต้บริบทแบบเรา จะเอาไปใช้ก็จงใช้วิจารณญาณ
บรรพต
ปิ๊งบ่อยนะพี่ช่วงนี้ คนเราขนาดหลับอยู่ตื่นขึ้นมายังเป็นดาวรุ่งของห้องเรียนได้ ทึ่งจริงๆ ทำได้งัยน่ะ (คำถามนี้ใช้บ่อยในการทำ KM ครับ)
วันนี้มีโอกาส เเวะเข้ามาในบล็อกของพี่หมอบรรพต
อ่านเเล้วสนุกได้ความรู้ดี ขอชื่มชมครับพี่