หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

เสือ เสือ แพะ แพะ แบะๆกับอะไรดี


นิทานเรื่องนี้สอนให้พิจารณาจุดยืน และมุมมองขณะยืน อย่างมีสติ อย่าลืมทำความเข้าใจสติ.....ให้เข้าใจหน่อยนะ

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มีแม่เสือท้องแก่ตัวหนึ่งใกล้จะคลอดลูกของเธอ วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังออกล่าเหยื่อ เธอก็ได้พบกับแพะฝูงหนึ่ง แม้นเธอจะท้องแก่เธอก็ไล่ล่าและฆ่าแพะไปตัวหนึ่งแต่อาการอิดโรยจากการล่านี้เร่งให้เธอต้องคลอดลูกเสือตัวผู้ออกมาตัวหนึ่งก่อนที่เธอจะสิ้นลม

ฝูงแพะแม้จะเตลิดหนีไปแล้วก็หวนกลับมาเมื่อรู้ได้ว่าภยันตรายนั้นได้หมดไป เหล่าแพะเมื่อเข้าใกล้ร่างแม่เสือที่สิ้นลมก็ได้พบเจ้าลูกเสือแรกเกิดและรับเข้าไปเลี้ยงดูในฝูงแพะต่อไป

เจ้าลูกเสือเติบโตท่ามกลางหมู่แพะและเชื่อว่าตัวเองก็เป็นแพะกับเขาด้วย เจ้าลูกเสือทั้งส่งเสียงและส่งกลิ่นตัวเหมือนแพะและไม่กินเนื้อสัตว์เหมือนเหล่าแพะทั้งหลายทั้งๆที่ภายในเนื้อในตัวของเขาย่อมตระหนักดีว่า หัวใจเสือของเขายังเต้นกระหึ่มอยู่

ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี จนวันหนึ่งเสือแก่ตัวหนึ่งผ่านมา เข้าไล่ล่าฝูงแพะฝูงนี้และฆ่าแพะตัวหนึ่ง ฝูงที่เหลือต่างหนีเอาตัวรอดเหลือแต่เจ้าเสือแพะของเราที่ไม่รู้จะหนีไปด้วยเหตุใด เพราะไม่รู้สึกถึงอันตรายนี้เลย


แม้นว่าเจ้าเสือเฒ่าจะกรำชำนาญการล่า แต่มันก็ไม่เคยประหลาดใจเท่านี้เมื่อมันพบเจ้าลูกเสือ ที่กำลังเติบโตเต็มที่ส่งกลิ่นตัวเหมือนแพะ ส่งเสียงเหมือนแพะ และยิ่งไปกว่านั้นออกท่าออกทางเหมือนแพะ เจ้าเสือเฒ่าด้วยความเก๋ามากกว่าที่จะเห็นอกเห็นใจ เข้างาบต้นคอเจ้าลูกเสือแล้วลากไปที่ธารน้ำใกล้ ๆและจับเจ้าลูกเสือให้เห็นเงาสะท้อนของตนในน้ำ แต่เจ้าลูกเสือก็ยังไม่ชอบใจนักกับภาพที่เห็น สำหรับลูกเสือมันมองไม่เห็นค่าไม่เห็นว่าหน้าตาของมันจะคล้ายคลึงเจ้าเสือเฒ่าอย่างไร

เจ้าเสือเฒ่าหงุดหงิดนักที่เจ้าลูกเสือไม่ยอมเข้าใจ มันลากเจ้าลูกเสือกลับไปที่ซากของเหยื่อที่มันเพิ่งฆ่า มันฉีกเนื้อแพะจากซากแล้วยัดเข้าไปในปากของเจ้าลูกเสือ เจ้าลูกเสือสะดุ้งและตกใจจนพยายามคายเนื้อดิบออกมา เจ้าเสือเฒ่ามุ่งมั่นยืนยันที่จะแสดงให้เจ้าลูกเสือรู้ว่าจริง ๆแล้วตัวลูกเสือนั้นเป็นใคร เจ้าเสือเฒ่าจึงยัดเนื้อเข้าไปจนแน่ใจว่าเจ้าลูกเสือกลืนเข้าไปจนหมด คราวนี้เจ้าเสือเฒ่าฉีกเนื้ออีกชิ้นแล้วโยนให้ลูกเสือ และแล้วการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น

เจ้าลูกเสือของเรายอมชิมเนื้อดิบและเลือดอุ่นๆแล้วกลืนกินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อมันกินเคี้ยวจนอิ่ม เจ้าลูกเสือบิดขี้เกียจ และส่งเสียงคำรามเป็นครั้งแรกในชีวิต และเป็นเสียงคำรามที่ทรงพลังของเจ้าป่าจากนั้นเจ้าเสือทั้งสองก็กระโจนหายไปในป่าลึก

เมื่อมองกลับมาที่เรื่องเสือเสือแพะแพะ เจ้าลูกเสือก่อนที่จะพบเสือเฒ่า เขาเชื่อว่าเขาเป็นแพะและเขารู้จักโลกตามประสาแพะแพะ ความเป็นจริงของลูกเสือในขณะนั้นเป็นความเป็นจริงจากมุมมองของแพะ แต่เราสามารถเห็นได้ว่าการรับรู้ตามประสาแพะของเขานั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวของตัวตนที่ครบถ้วนของเขา เรารู้ว่าเขาสามารถที่จะรับรู้ มีอารมณ์ มีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เราอาจจะตีความเรื่องนี้และพูดได้ว่า เขามีจุดยืนเป็น แพะ จนเจ้าเสือเฒ่าปลุกเขาให้ตื่นมาเห็นตัวตนที่แท้จริง ให้เขาได้ประจักษ์ถึงความเป็น เสือ ตัวจริงที่เขาพึงเป็น

นิทานเรื่องนี้มีคนนำมาฝาก อ่านแล้วนึกถึงการฝึกคน การฝึกตน

หมายเลขบันทึก: 311901เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2009 18:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ยายธี..อ่านเรื่องนี้จบลง...แล้วร้องเหอๆ..หากใช่ว่าแบะๆ...แล้วถามตัวเองว่างงยังมีตัวตนอยู่หรือเปล่านี่..อิอิ

  • สวัสดีค่ะ  คุณหมอ
  • อ่านแล้วคิดถึงเรื่อง  สามคนนี้โดนใจ
    เขาบอกว่าในโลกนี้มีคนสามคน
    คนที่หนึ่ง    คือคนที่เราเป็น   คือตัวตนของเราขณะนี้
    คนที่สอง    คือคนที่เราอยากเป็น  คือความฝัน จินตนาการที่เราอยากเป็น
    คนที่สาม    คือคนอื่นให้เราเป็น  คือมุมมองภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองเรา  บางครั้งก็
                    อาจมองเราผิดอย่างเช่น  "ไอ้ฟัก ในคำพิพากษา"
  • ขอบพระคุณค่ะ
  • ยายธี ค่ะ
  • นิทานเรื่องนี้ให้มุมคิดได้หลากหลายเชียวค่ะ
  • อยู่ที่บริบทและประสบการณ์ของแต่ละบุคคลเชียวค่า

แวะมาอ่านนิทานก่อนนอนนะคะ ไม่ใช่คะก่อนนั่งทำงานต่อนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท