"การยิ้ม" ร่วมกันรักษาวัฒนธรรมไทย


"การยิ้ม" ร่วมกันรักษาวัฒนธรรมไทย

นับแต่ผู้เขียนได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ร่มเย็น มีความสันติสงบสุข เกิดความภาคภูมิใจลึก ๆ ว่าได้เกิดมาอยู่บนพื้นแผ่นดินไทย ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีที่ควรรักษาหลายอย่าง ถึงแม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไป ลูกหลาน เยาวชนรุ่นหลัง ควรที่จะสืบสานสิ่งที่ดีงามไว้เพื่ออยู่คู่กับคนไทยซึ่งเป็นเอกลักษณ์แสดงถึง "ความเป็นคนไทย" ซึ่งสามารถพูดได้ว่าไม่มีประเทศอื่นใดที่จะทำได้เหมือนเมืองไทยของเราได้

ผู้เขียนได้ดูโฆษณา ๆ หนึ่ง ที่คนต่างชาติ ถามคนไทย ว่า Where is smile? "รอยยิ้มอยู่ที่ไหน" แล้วถามซ้ำ ๆ คนไทยก็ตอบแบบหน้าตาไม่มีรอยยิ้ม ติดจะหน้าบึ้ง ๆ ว่า "Smile is Thailand" ผู้เขียนดูแล้วก็ in ในโฆษณาตาม เป็นคำถามที่ถามอยู่ในใจของผู้เขียนว่า ทำไม? ไม่ยิ้มสักนิดล่ะ "อมยิ้มก็ได้" และจริงหรือที่รอยยิ้มยังอยู่ในเมืองไทย (ซึ่งดูจากสีหน้าของผู้ที่อยู่ในโฆษณา) โลกหรือวัฒนธรรมไทยเปลี่ยนแปลงไปแล้วหรือ? เป็นโฆษณาที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทยที่กำลังเลือนหายไปสำหรับคนไทยในยุคปัจจุบัน ถ้าเป็นสมัยก่อนประเทศไทยจะได้รับว่าเป็น "สยามเมืองยิ้ม" ซึ่งการแสดงการยิ้มที่ชาติ ไหน ๆ ก็ไม่เหมือนชาติไทย เป็น การยิ้มที่ออกมาจากใจ เพราะการยิ้มทั้งที จะได้จากสีหน้า แววตา ทำให้เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยอีกเอกลักษณ์หนึ่ง

ผู้เขียนได้ไปศึกษาดูงานที่ประเทศเกาหลีใต้ตอนอบรมนักบริหารระดับกลาง (นบก. รุ่น 8) มีไกด์เกาหลีสาวคนหนึ่ง เป็นคนน่ารัก แต่พูดภาษาไทย เรียกว่า ได้ดีมาก ๆ ไกด์บอกว่า มาอยู่เมืองไทย ประมาณ 1 ปี ติดนิสัยการยิ้มของคนไทยแล้วลักษณะท่าทางของไกด์ก็เป็นคนยิ้มเก่ง พอไกด์กลับประเทศเกาหลี ไกด์บอกว่า พวกเพื่อน ๆ ญาติของไกด์เกาหลีบอกว่า ไกด์เป็นคนติ๋งต๋อง ไกด์หัวเราะเสียงดัง ผู้เขียน ถามไกด์ต่อว่า "งั้นคุณก็ว่าคนไทย ติ๋งต๋องสิ" ไกด์ยิ้ม แล้วก็บอกว่า "เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะวัฒนธรรมของประเทศเกาหลี ส่วนใหญ่พวกเขาพบเจอแต่ปัญหา เจอภัยธรรมชาติ ความหนาวเย็นของอากาศ ผู้คนจึงเครียด ยิ่งเป็นผู้ชายเกาหลี เราจะไม่เห็นรอยยิ้มของเขาเลย เขาจะมุ่งแต่ทำงาน ๆ เพื่อเลี้ยงครอบครัว แต่ที่ไกด์ยิ้ม และก็ชอบยิ้ม เพราะเขาเห็นวัฒนธรรมของเมืองไทย ในเรื่องการยิ้ม เป็นสิ่งที่ดี ทำให้เขามีความสุข แต่ประเทศเกาหลีไม่มีวัฒนธรรมในเรื่องการยิ้ม ไกด์เกาหลีฝากบอกคนไทยมาด้วยว่า อิจฉาคนไทยจัง ถ้าเขาเลือกเกิดได้เขาจะขอเกิดที่เมืองไทย" ทำให้ผู้เขียนนั่งนึกต่อว่า ขนาดเขาเป็นคนต่างชาติ เขายังต้องการวัฒนธรรมไทย แต่ทำไมคนไทยไม่ค่อยช่วยกันรักษาวัฒนธรรมไทย "เรื่องการยิ้ม" ไว้ล่ะ...

สืบเนื่องจากสภาพปัจจุบัน ไม่ว่าในที่ชุมชน สังคม แม้แต่ในที่ทำงานบางหน่วย ทำให้ผู้เขียนเห็นบางหน่วยงานก็มีรอยยิ้มจากเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการ บางหน่วยงานก็หน้าบึ้งขนาดเช้ายังหน้าบึ้งพอนักศึกษาหรือผู้มาติดต่องาน ก็ไม่สนใจ ทำให้ผู้เขียนนึกต่อว่า "ไม่มีจิตในการให้บริการเอาเสียเลย" แต่ถ้าหน่วยงานไหนบริการดี ยิ้มทักทายนักศึกษา ผู้เขียนจะยิ้มในสีหน้า แล้วก็คิดในใจต่อ ว่า "นี่แหละผู้ที่มีจิตในการให้บริการ" สมเป็นคนไทยที่แท้จริง...ซึ่งนับว่าการยิ้ม ทำให้คนเรามีชัยไปเกือบครึ่งแล้ว...

อย่างไรแล้วก็ขอฝากให้ผู้อ่าน ร่วมกันรักษาวัฒนธรรมไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่แสดงว่าเป็นคนไทยไว้กับผู้อ่านทุกคนที่จะได้ร่วมกันรักษา "การยิ้ม" ไว้ให้อยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป โดยเฉพาะเยาวชนรุ่นหลัง ๆ...เนื่องจากเป็นสิ่งที่ดีงามของเมืองไทยเรา...

"ยิ้มวันละนิด จิตแจ่มใสค่ะ"

เพลง...ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม...

หมายเลขบันทึก: 311546เขียนเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2009 11:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 เมษายน 2016 15:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ยิ้มสยามงามทั้งกายและใจค่ะอาจารย์

เก็บอ่านบันทึกอาจารย์ค่ะ

 

อาจารย์บุษครับ

ผมตัวบีเวอร์ยิ้มง่ายนะครับ ทำให้ไม่แก่เร็ว 555

จากตัวบีเวอร์ครับผม

สวัสดีค่ะ...คุณตัวบีเวอร์...

ขอบคุณค่ะ...ดีค่ะยิ้มง่าย...แล้วอารมณ์ดีด้วย  ยิ่งดีใหญ่เลยค่ะ...สุขภาพจิต

จะได้ดีไงค่ะ...

ยิ้ม คือยาอายุวัฒนะอย่างดี วันนี้ครูบุษยิ้มหรือยัง ?

สวัสดีค่ะ...ครูตุ้ม...

  • ครูบุษ ยิ้มทุกวันค่ะ (ไม่ได้บ้านะค่ะ)...ไม่ค่อยหน้าบึ้งหรอกค่ะ...เพราะนิสัยจะเป็นคนยิ้มง่ายอยู่แล้วค่ะ...ไม่รู้จะหน้าบึ้งไปทำไม...อารมณ์ดีเข้าไว้ค่ะ...โลกจะได้แจ่มใส เรียกว่าเป็นคนยิ้มง่ายค่ะ...ส่อถึง EQ ไงค่ะ...แล้วครูตุ้มล่ะ ยิ้มง่ายไหมค่ะ...อิอิอิ...
  • ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท