ประเมินไปทำไม


การประเมินไม่ใช่การจับผิด แต่มีไว้เพื่อต่อยอดการเรียนรู้

ประเมินไปทำไม

        ช่วงนี้  งานเข้าบ่อยเหลือเกิน  ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง  จนไม่มีโอกาสได้ค้าแข้ง  แม้ว่าจะวิ่งตามเขาไม่ทัน  แต่ใจมันก็ยังอยากเตะบอลอยู่

        เคยถามตนเองว่า  ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต  ตูจะเลือกมานั่งจับเจ่าอยู่เวรหรือเปล่า 

       เปล่า  ผมคงเลือกไปเตะบอล  อยากตัดเกมเก่งๆเหมือนมาสเคราโน (กองกลางอาร์เจนตินาและลิเวอร์พูล) แต่ประเมินตนเองแล้วก็ท้อใจ

        เมื่อวาน  ไปทำกลุ่มสุนทรียสนทนาบำบัดให้กับชุมชนเคหะ  ครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้  ที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าการสนทนาจริงๆมันยังไม่เกิด  ยังมีการพูดสวน  พูดแซวกันค่อนข้างเยอะ  และถ้ากระตุ้นกึ่งบีบให้พูด  ก็จะไม่ค่อยจะพูดกันแล้วก็เงียบ 

        ฉะนั้น  ช่วงนี้กิจกรรมก็จะเน้นการพูดการฟังมากขึ้น  เปิดพื้นที่และสร้างความเท่าเที่ยมในการแสดงความคิดเห็น

        แต่การทำอะไรก็ตาม  โดยเฉพาะระบบราชการ  จะต้องมีการประเมินอย่างเป็นทางการ  โดยเฉพาะใกล้จบโครงการ เอาเงินเขามาใช้แล้วนี่  เจ้าของเงินย่อมอยากรู้ว่าเอาตังค์ไปทำอะไร

        พอมีการประเมิน  ความรู้สึกแรกๆก็คือ รู้สึกต่อต้าน  และปรุงแต่งอยู่ในใจว่า  ทำไมต้องมาประเมิน  คนประเมินจะรู้อะไร  จะเข้าใจงานของเราไหมเนี่ย  ยิ่งงานเป็นแบบจับต้องลำบาก  วัดเป็นปริมาณก็ไม่ได้  จะทำอย่างไร

        ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่พอกำลังทำกิจกรรม  น้องๆที่เป็นผู้ประเมินจากคณะมนุษย์ฯ  มข.ก็เข้ามาพอดี  ผมก็เลยให้น้องๆเข้าร่วมกิจกรรมเลย  แกล้งซะเลย 

        แต่จริงๆแล้วไม่ได้อยากแกล้งหรอกครับ   แต่อยากให้ผู้ประเมินเข้าร่วมด้วย  เพราะอยากให้น้องๆได้ลองชิมรสชาติของกิจกรรม  แม้ว่าอาจจะไม่เหมือนต้นตำรับ  แต่มันก็เป็นสุนทรียสนทนาแบบกลิ่นปลาร้านิดๆ  มั่วหน่อยๆ  ผสมปนเป

        ถ้าทำอาหาร  แล้วเอาถามแต่คนกินว่าเป็นอย่างไร   อร่อยเปล่า เค็มไหม  แต่ทำไมเราไม่ลองชิมเองบ้างละหนอ

        หลายครั้งที่คนประเมินที่สังเกตอยู่วงนอก  แล้วมิได้สัมผัสกับความเป็นจริงตรงหน้าที่เกิดขึ้นจริงๆ

 

        ผมนึกถึงหนังสือ KPI ของอ.วรภัทร  ที่พูดถึง KPIหรือดัชนีชี้วัดความสำเร็จ ไม่ได้มีไว้เพื่อจับผิดและทำลายล้าง  แต่จริงๆแล้ว  มีไว้พัฒนา

        แต่ลึกๆก็ทำใจได้ยากลำบากจริงๆ กับการประเมิน  เปรียบเทียบกับการเรียนการสอบ แม้ผมจะรู้ว่าการสอบไม่ใช่สิ่งสำคัญสำคัญในการเรียนรู้   แต่พอจะสอบอะไรเมื่อไหร่  ก็เครียดไปทุกที  แม้แต่สอบใบขับขี่

 

        พอช่วงเช้าวันนี้  เข้าประชุมกับเทศบาล  มีวาทะที่โดนใจจากนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น  นายกต้อง  "การประเมินไม่ใช่การจับผิด  แต่มีไว้เพื่อต่อยอดการเรียนรู้"

        เออ  จริงแฮะ  การประเมินก็มีด้านมืดและสว่าง  ถ้าใช้อย่างผิดๆ มันก็คือการจับผิดดีๆนี่เอง  แต่ถ้าใช้อย่างมีศิลปะ  ก็คงจะสนุก

 

        ยิ่งตอนนี้  ระบบราชการกำลังนำระบบ competency มาใช้  หลายๆคนกำลังเครียดกับการคิด KPI  และเครียดว่าถ้าประเมินตามระบบนี้  ฉันจะถูกประเมินให้ออกไหมเนี่ย

        ผมพยายามวาดภาพสิ่งที่เกิดขึ้น   ถ้าเรานำ competency  มาใช้อย่างเต็มขั้น

        นึกถึงภาพตอนเรียน ถ้าเราสอบบ่อยๆ  มีเกณฑ์วัดชัดเจน  มันจะเป็นอย่างไร

        ด้านดี  ก็คงกระตือรือร้นมากขึ้น  คงต้องวางแผนในการเรียนเพิ่มขึ้น  อยากทำผลงานได้ดีๆ จะได้ขึ้นบอร์ด  และสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

        แต่ด้านมืด  ถ้าผมมีอะไรเจ๋งๆ ก็คงจะอุบไว้  ไม่บอกใคร  การแข่งขันก็คงจะสูง  ความเครียดก็คงจะเกิด  ผมคงจะไม่สนใคร  นอกจากการทำงานส่ง  ถ้าแย่หน่อย  ก็อาจจะเบื่อ โดดเรียน  รอลอกข้อสอบ

 

        นึกแล้วก็หนาว 

หมายเลขบันทึก: 311544เขียนเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2009 11:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 10:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีครับวัชรพงษ์ ผมดีใจนะที่เห็นคนตั้งชื่อ blog ว่า "primary care managment" เป็นนิมิตหมายที่ดีว่าจะเริ่มมีการแลกเปลี่ยนแนวคิดการบริหารเพื่อจะทำให้ primary care พัฒนาแบบยั่งยืน ผมเลยเป็นคนแรกที่รวม blog ที่มีคุณค่านี้ไว้ใน planet ทันที ประเด็นนี้น่าสนใจนะ...ไม่ว่าจะเป็น external surveyor หรือ internal surveyor

 ผมมองว่า internal surveyor มีความสำคัญและเป็นตัวชี้ทิศทางและความสำเร็จได้ดี คนๆ นี้ก็คือ หัวหน้าองค์กร primary care นั่นเอง หากเราเองมีทัศนคติเชิงบวกและเห็นศักยภาพทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ผมมองว่า " KPI ที่ดี คือตัวที่สะท้อนเป้าหมายสูงสุดที่เราอยากไปถึงและให้ดีกว่านั้น คือ KPI ที่ทุกคนเห็นตรงกันว่า อันนี้ใช่เลย"

คนนอกจะมองอย่างไร..หากเราเองมีความคิดเป็นของตัวเอง ที่เหมาะกับบริบทเราเอง และตอบสนองเป้าประสงค์ส่วนรวม พี่ว่าคนนอกที่เข้ามาสมัยนี้ก็ถูกบอกมาเช่นกันว่า  ต้องเคารพบริบท แต่หลักการต้องเหมือนกันคือ "รับใช้ประชาชน"

พี่ถูกเตือนจากพี่หมอเจ๊แบบตรงไปตรงมาซึ่งพี่คิดว่า พี่ชอบนะ อยากให้น้องไปดูสิ่งที่เขา comment พี่หลายอย่างพี่ว่า เป็นสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์...พี่ link ไว้ให้ที่ ฝันใหญ่....ที่อยากไปให้ถึง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท