๑๓.เป็นนักกฎหมายอย่างผม(อัยการ๙ เขาทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายกาจ)


ผมทราบภายหลังว่าผู้เสียหายเรียกค่าเสียหายผ่านไปทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ และทราบว่านายทุนคนนี้โดนเรียกค่าเสียหายไป ๖๐๐,๐๐๐ บาท แต่ตัวผู้เสียหายจริงๆได้ครึ่งเดียว ส่วนที่เหลือ......หนูไม่รู้ ฮา.....

สองสามวันก่อนขณะผมนั่งทำงานอยู่ก็ปรากฏมีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาขอคำแนะนำปรึกษาเรื่องถูกหาว่ายักยอกทรัพย์ ผมปฏิเสธที่จะให้คำแนะนำบอกกับเธอว่าคุณตกเป็นผู้ต้องหา ผมเป็นอัยการคุณจะมาขอคำแนะนำจากผมว่าจะสู้คดีอย่างไรมันจะได้เรอะ....แต่ก็แนะนำไปแค่ว่าให้คุณเอาความจริงเข้าสู้ เพราะถ้าคุณบิดข้อเท็จจริงคุณก็มีสิทธิเข้าคุกในสิ่งที่คุณอ้างว่าไม่ได้ทำ เธอออกไปแล้วผมนั่งนึกอยู่ตั้งนาน เพราะเธอบอกว่าเวลามีเรื่องเดือดร้อนก็ไม่รู้จะปรึกษาใครก็นึกถึงผมที่เคยให้คำแนะนำเธอตอนที่เธอตกเป็นผู้เสียหาย ผมนั่งนึกอยู่ตั้งนานว่าผมเคยช่วยเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็รู้สึกคุ้นๆหน้า วันนี้นั่งทำงานอยู่นึกแว๊บขึ้นมาได้เฉยๆ

เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมยังเป็นรองอัยการจังหวัด มีข่าวฮือฮาพักหนึ่งในจังหวัดที่ผมอยู่ เมื่อตำรวจไปตรวจค้นบ้านแล้วพบผู้หญิงถูกล่ามโซ่อยู่ในบ้านนายทุนคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจ สืบสาวราวเรื่องก็ได้ความว่า....

เธอเป็นพนักงานของบริษัท ที่ให้กู้เงินมหาโหด เรียกดอกเบี้ยสูงมากผมจำอัตราไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่าเวลาใครจะกู้เงินเขาจะให้ทำสัญญาเช่าซื้อทองคำรูปพรรณไว้ ถ้าผิดสัญญาไม่ชำระเงินกู้ก็จะไปแจ้งความว่าลูกหนี้ยักยอกทองคำ เล่นคดีอาญาด้วย เมื่อถามว่าทำไมเธอจึงมาเป็นพนักงานบริษัท ก็ได้ความว่าเธอจำเป็นเพราะเธอเคยกู้เงินจากบริษัทฯนี้มาก่อน แต่อัตราดอกเบี้ยสูงมากผ่อนไม่ไหวเขาก็เลยให้เธอไปหาลูกค้า เธอก็จะได้ค่านายหน้ามาช่วยชำระหนี้ แต่คนที่เธอพามากู้ยืมเงินก็เบี้ยว เจ้านายจึงให้เธอรับผิดชอบ รับผิดชอบหนักเข้าเธอก็สู้ไม่ไหว จึงต้องหนีไปหาที่อยู่ใหม่...

แทนที่มันจะแก้ปัญหาได้ ปรากฏว่านายทุนมีลูกน้องตามหาเธอจนพบ ครั้งแรกเธอก็หาทางผัดผ่อนได้แต่นายทุนไม่เชื่อใจเธอเสียแล้ว กำหนดวันที่เธอจะต้องชำระหนี้คืนเธอยังหาเงินไม่ได้จึงต้องหนีอีกรอบ แต่คราวนี้เธอไปไม่รอด ถูกจับได้และถูกล่ามโซ่ไว้ นายทุนหาว่าเธอโกงเงิน เธอบอกว่าเธอไม่ได้โกงแต่ลูกหนี้เบี้ยวจริงๆ นายทุนมหาโหดไม่เชื่อตบเตะถีบกระทืบทำร้ายเธอ เอาปืนมาขู่ จับเธอแก้ผ้าแล้วสำเร็จความใคร่ใส่หัวของเธอ แล้วบอกให้ลูกสาวเอากล้องถ่ายรูปมาถ่ายรูปไว้  แต่ลูกสาวเขาไม่ทำ ลูกน้องคนอื่นมาถ่ายรูปเอาไว้ นายทุนบอกว่าหากหาเงินมาไม่ได้จะเอารูปนี้ไปติดประจานที่หน้าโรงเรียนของลูกสาวเธอ....

ต่อมาตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่านายทุนมหาโหดรายนี้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองจึงขอหมายค้นไปค้นอาวุธปืนก็บังเอิญไปเจอผู้เสียหายถูกล่ามโซ่อยู่ เธอขอความช่วยเหลือและเล่าให้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดและบอกด้วยว่าเธอถูกถ่ายรูปไว้ด้วย ตำรวจค้นพบกล้องถ่ายรูปจึงเอาฟิล์มไปล้าง มีภาพเธอถูกจับแก้ผ้าและเชื่อว่าเธอถูกกระทำดังที่เธอเล่าเป็นความจริง จึงออกหมายจับนายทุนคนดังกล่าวได้ เขาขอประกันตัว ศาลก็สอบถามอัยการว่าจะคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ ผมจะปล่อยให้ประกันตัวได้อย่างไรในเมื่อเขาดูหมิ่นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ขนาดนั้น ผมคัดค้านการประกันตัว

ยังไม่ทันได้เริ่มต้นสืบพยานผมก็ได้รับการติดต่อจากอัยการรุ่นพี่ฝากฝังว่าจะมีคนไปพบเพื่อขอความช่วยเหลือ ผมก็รับปากให้มาพบได้ก็ปรากฏว่าเขามาพบผมเรื่องนี้ และมาพูดทำนองว่าหากมีค่าใช้จ่ายอย่างไรขอให้บอก ผมบอกเขาการมาพบกับผมค่าใช้จ่ายไม่มี ถามเขาตรงๆว่าต้องการอะไร

เขาบอกว่าความจริงก็ไม่อยากมาขอความช่วยเหลือหรอกเพราะรู้ว่าผมเป็นคนตรง แต่ที่ต้องมาเพราะสำนึกในบุญคุณที่นายทุนคนนี้เคยช่วยเหลือเมื่อเขากำลังเดือดร้อนจึงต้องมาช่วยเหลือเขาตอบแทน ผมนึกในใจว่าไอ้หมอนี่ใช้ได้ เอาเหอะผิดถูกอย่างไรช่างมัน เขาชวนผมไปกินข้าวผมก็ไปแต่ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเขา..อิอิ ผมถามเขาว่าต้องการอะไร เขาตอบว่าขอให้ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ไหม

ผมถามเขาคำหนึ่งว่า คุณคิดว่าการสำเร็จความใคร่ใส่หัวคน มันเป็นการดูถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ไหม คุณคิดว่าผมจะปล่อยให้คนอย่างนี้ลอยนวลเหรอ...ข้อหากระทำอนาจาร,กักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียเสรีภาพ,ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เหตุการณ์มันนานมากแล้วถึงวันนี้ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมฟ้องไปกี่ข้อหา...คนที่มาหาผมก็หน้าจ๋อย ผมบอกว่าทางที่จะผ่อนหนักเป็นเบาได้มีทางเดียวคือเจรจากับผู้เสียหายยอมจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายเพื่อให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในความผิดที่ยอมความได้ เท่าไหร่ก็ต้องจ่าย และยอมชดใช้กรรมเถอะยอมรับสารภาพอย่างเก่งก็ไม่เกินสองปี

ผมทราบภายหลังว่าผู้เสียหายเรียกค่าเสียหายผ่านไปทางเจ้าหน้าที่ของรัฐ และทราบว่านายทุนคนนี้โดนเรียกค่าเสียหายไป ๖๐๐,๐๐๐ บาท แต่ตัวผู้เสียหายจริงๆได้ครึ่งเดียว ส่วนที่เหลือ......หนูไม่รู้ ฮา.....แต่ข้อหาทำอนาจารยอมความได้/หน่วงเหนี่ยวกักขัง ปกติยอมความได้แต่เอาปืนมาขู่จึงยอมความไม่ได้ ข้อหาทำร้ายร่างกายก็ยอมความไม่ได้ ซึ่งผู้เสียหายยอมแถลงว่าไม่ติดใจเอาความกับจำเลยอีกต่อไปเพราะได้รับชดใช้จนเป็นที่พอใจแล้ว

ว่าความคดีนี้มันเครียดครับ แต่ก็ไม่ได้สืบพยานเพราะในที่สุดจำเลยรับสารภาพ และคดีมีอัตราโทษไม่สูง คดีนี้จึงจบลงโดยศาลพิพากษาจำคุกจำเลย ๒ ปี โดยไม่รอการลงโทษ เพราะพฤติกรรมของจำเลยนั่นเอง ผมออกจากห้องพิจารณาเดินเข้าไปอีกบัลลังก์หนึ่งเพื่อไปสืบพยานคดีลักเครื่องยนต์เรือ ผู้พิพากษาเป็นคนปักษ์ใต้ แต่ชอบแกล้งคนเล่นสนุกๆ พยานผมก็เข้าเบิกความ สาบานเป็นภาษาใต้ พอเริ่มเบิกความว่า เป็นผู้เสียหาย เข้ามาเกี่ยวข้องคดีนี้เพราะ (โปรดพากย์เสียงในฟิล์ม) “มีเรือโย(อยู่)ลำหนึ่ง ยาว ๓ วา”

ศาลแกล้งพูดว่า “เดี๋ยวหยุดก่อน ใครอนุญาตให้พูดภาษาใต้ มาศาลต้องพูดภาษากลาง”

        ผมถามต่อว่าแล้วเรือเป็นเรือแจว เรือพาย หรือเรือยนต์

        แกตอบว่า“เป็นเรือเครื้อง(เครื่อง)”คำว่าเรือเครื่องก็คือเรือยนต์นั่นเอง

        ผมถามอีกว่า แล้วเครื่องยนต์เรือของพยานยี่ห้ออะไร

        แกตอบว่า “ยี้ห๊อ ยันหมา”(ยันม่าร์) คราวนี้ระเบิดเสียงหัวเราะกันทั้งศาลทั้งอัยการตำรวจและจำเลยคดีอื่น ศาลก็เลิกแกล้งบอกว่า อยากพูดใต้ก็พูดไปก่อนที่ศาลจะเจ็บหัว(ปวดหัว)มากกว่านี้ ก๊ากๆ....

หมายเลขบันทึก: 311223เขียนเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2009 22:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 23:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

แล้วโทษเพียงแค่นี้ มีความเหมาะสม หรือไม่???

ควรปฎิรูปกฎหมาย ให้เท่าทัน ค่านิยม มั้ย???

สวัสดีค่ะ

ชีวิตนักกฏหมาย

มีเรื่องให้พบเจอ

พอๆกับหมออนามัยเลยนะคะ

ชอบอ่านจังค่ะ

ขอบคุณมากๆด้วย

สวัสดีครับนายสงสัย

อย่าเพิ่งสงสัยว่าทำไมกฎหมายลงโทษเบาหวิวหรอกครับ กฎหมายไม่ได้บัญญัติลงโทษเพียงแค่นี้ แต่ละเรื่องแต่ละข้อหาก็มีอัตราโทษเกินสองปี แต่เนื่องจากบางข้อหาเป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์คดีก็จบกัน แต่ผู้เสียหายก็มิได้ถอนคำร้องทุกข์เฉย เธอได้รับชดใช้ค่าเสียหายแล้วด้วย ก็ต้องถือว่าจำเลยได้ชดใช้สิ่งที่ตนกระทำไปส่วนหนึ่งแล้วด้วย การที่ผู้เสียหายแถลงไม่ติดใจเอาความแต่ศาลลงโทษโดยไม่รอการลงโทษในคดีนี้ก็ถือว่าพอสมควรแล้วครับ

ขอบคุณที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นครับ

สวัสดีครับคุณรุ่ง

ชีวิตการทำงานของใครของมันก็ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ในเนื้องานนั้นๆ

งานพวกผมเวลาไปว่าความเป็นงานเครียด แต่มันก็อยู่ที่มุมมอง ตอนหนุ่มๆสมัยเป็นทนายความก็มองแบบหนึ่ง พอเป็นอัยการหนุ่มๆก็มองแบบหนึ่ง มาตอนนี้เริ่มแก่ตัวประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้มองอะไรอีกมุมมองหนึ่ง แต่มักจะเป็นมุมมองที่เราเฮฮามากขึ้น ความเครียดค่อยๆหายไป มีความสุขกับชีวิตและการงานมากขึ้น มองย้อนความผิดพลาดในอดีตด้วยความรู้สึกตลกที่ทำไปอย่างนั้น แต่เราได้บทเรียนที่สอนน้องๆอัยการในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

ขอบคุณที่แวะมาทักทายครับ

สวัสดีครับท่านอัยการ คดี ประวัติศาสตรืของพังงา ภูเก็ต คดี โกโหลน ตอนนั้นผม วนเวียนอยู่แถว นาใต้ ทับโม๊ะ น้ำเค็ม

ตายไปหลาย หมาด ดวงแก้ว เพื่อนผมโดนด้วย .....(ฝยตกนั่งนึกถึงความหลังครับ)

  • สวัสดีครับ
  • มาติดตามต่อครับ
  • เหมือนผู้ร้ายในหนังไทยเลยนะครับ
  • ถ้าเป็นสมัยนี้คงมีคริปขึ้นทางอินเตอร์เน็ตแน่ๆ
  • อิอิ..

สลามครับบัง

คดีโกโหลนผมเพิ่งสอบเข้ารับราชการอัยการและอยู่ระหว่างฝึกอบรมอยู่เลยไม่มีข้อมูลมากพอ เขาเล่าว่าความจริงแล้วเป้าหมายมิได้อยู่ที่โกโหลน ดังนั้นโสภณจึงไม่ใช่ตัวการ พนักงานสอบสวนมีสองชุด วิถีกระสุนแต่ละชุดสอบสวนก็ไม่เหมือนกัน งง ครับ

สวัสดีครับสิงห์ป่าสัก

วันนี้ได้ฤกษ์ไปส่งหนังสือเสียทีครับ อิอิ

เรื่องราวในศาลมีมากเหลือเกินตอนแรกว่าไม่รู้จะเล่าอะไรแล้ว อยู่ๆมันก็นึกขึ้นมาได้ก็เลยเขียนต่อ คงใกล้จบแล้วมั๊ง อิอิ

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณท่านอัยการมากๆ ที่ท่านปกป้องศักดิ์ศรีของความเป็นคน/ผู้หญิง (ในฐานะที่ศิริวรรณเป็นคน/ผู้หญิงคนหนึ่ง) ไม่น่าที่จะมีเหตุการณ์เช่นนี้ในโลกเราเลยนะ

สวัสดีค่ะท่าน

          แวะมาทีไรได้ครบรสทุกทีค่ะ ชอบวิธีการนำเสนอของท่านจริง ๆ ค่ะ

          ขอบพระคุณค่ะที่แวะไป เยี่ยมเยียน "ลานดินกลิ่นหญ้า" ของครูอิง

                            

          สบายดีนะคะ

สวัสดีครับคุณศิริวรรณ

ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องไม่นิ่งดูดายในการช่วยกันต่อต้านสิ่งชั่วร้าย ช่วยกันปกป้องศักดิ์ศรีของมนุษย์ คนทำผิดต้องรับโทษครับ

กลับบ้านบ้างหรือเปล่า

สวัสดีครับครูอิง

ยินดีครับที่ครูอิงชอบการนำเสนอของผม

ขอบคุณมาก สบายดีครับ หวังว่าครูอิงก็คงสบายดีเช่นกัน ขอให้อยู่รอดปลอดภัยก้าวหน้าในหน้าที่การงานยิ่งๆขึ้นไปนะครับ

สวัสดีค่ะท่านอัยการ

  • ศิริวรรณกลับบ้านไปเมื่อวันที่ ๑๕ ต.ค.ไปรับพ่อไปหาหมอที่ศิริราช วันที่ ๑๙ และ๒๖ ต.ค. เสร็จจากพบหมอพ่อกับแม่ก็พากันไปเยี่ยมญาติที่อุบลราชธานี ศิริวรรณกับน้องสาวก็ขับรถไปรับกลับมาถึงปทุมธานีวันที่ ๓๐ ต.ค. วันที่ ๓๑ ต.ค. สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งครอบครัวก็เกี่ยวก้อยกันบินกลับภูเก็ต
  • ตอนนี้วางแผนไว้ว่าหากสถานการณ์น้ำท่วมที่โรงเรียนกลับสู่ภาวะปกติก็จะขับรถไปกินข้าวกับสองผู้ยิ่งใหญ่ในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ปลอดภาระ แต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบปะเพื่อนฝูงหรือไม่ เพราะไม่ค่อยจะมีเวลา

  • หากผ่านมาทางกทม.ขอเชิญแวะเยี่ยมที่โรงเรียนนะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ

 

ขออภัยค่ะ เกรงว่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อน โรงเรียนที่ศิริวรรณทำงานชื่อโรงเรียนวัดกระโจมทอง อยู่อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยาค่ะ ถ้าไปกทม. ก็ต้องเลยขึ้นเหนือไปอีก อยู่ติดเขตอ่างทองและลพบุรีค่ะ

ขอบคุณครับถ้ามีเวลาจะแวะไปครับ

ที่อ่างทอง สำนักงานอัยการจังหวัดอ่างทองเขาขอบทความผมไปพิมพ์ด้วยนะ ชื่อหนังสือกฎหมายชาวบ้าน ผมเขียนทั้งเล่มเลย ถ้ามีโอกาสไปอ่างทองลองแวะขอดูนะครับ เขาพิมพ์แจกฟรี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท