บันทึกจากเมืองลาว(2)


เดินดูตลาดเช้าของเมืองวังเวียง มีของป่ามาขายมากมาย โดยเฉพาะสัตว์ป่า เช่น กิ้งก่า งู ตัวตุ่น ตัวเม่น....มีงูเหลือมตัดเป็นชิ้นๆ ขายด้วย ชิ้นละ 10 บาท....
หลังจากรับปะทานอาหารกลางวันเสร็จคณะทัวร์ก็เดินทางออกจากนครหลวงเวียงจันทน์ น่าเสียดายยังมีอีกหลายที่ที่น่าสนใจในเวียงจันทน์ที่ข้าพเจ้าอยากไป แต่ก็ต้องรีบเดินทางต่อ ไม่เช่นนั้นจะไม่ถึงวังเวียงตามกำหนดเวลา  ก่อนจะนั่งรถต่อไปยังเมืองวังเวียง ต้องรีบเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเพราะระหว่างทางจะไม่ค่อยมีห้องน้ำให้เข้า เนื่องจากมีแต่ภูเขาซะเป็นส่วนมาก ไกด์บอกว่า ภูเขาที่จะผ่านนี้ยังน้อย เมื่อเทียบกับภูเขาที่ต้องผ่านระหว่างวังเวียงและหลวงพระบาง ระยะทางจากเวียงจันทน์ไปวังเวียงประมาณ 150 กม. แต่ต้องใช้ระยะเวลาเดินทางมากกว่าปกติ เพราะเส้นทางคับแคบและเป็นเส้นทางบนเขา ระหว่างทางมีหมู่บ้านชนเผ่าเป็นระยะๆ
         
 
นั่งรถชมวิวไปเรื่อย ๆ...ถึงวังเวียงราวๆ สี่โมงเย็น พอดีได้ทันเข้าชมถ้ำจัง ซึ่งเป็นถ้ำหินงอกหินย้อย ข้างในถ้าอากาศเย็นสบาย...ไม่ค่อยอับทึบเท่าไหร่นัก ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม...คุณลุงที่เฝ้าอยู่ที่ถ้ำเดินมาช่วยบรรยายหินงอกหินย้อยรูปร่างต่างๆ มีบริเวณที่เป็นเหมือนประกายเพชร วิบวับสวยดี ซึ่งถ้าหากเป็นฤดูฝนจะมีเห็นเพราะมีน้ำไหลออกมาตลอด แล้วก็มีบริเวณที่เป็นเหมือนรู พอส่องลงไปก็เห็นเป็นเงินที่ผู้คนหย่อนลงไป ถามน้องหมีดู เธอเล่าให้ฟังว่า บริเวณนี้เชื่อว่าเหมือนตาน้ำศักดิ์สิทธิ์ของพระยานาค...ประมาณนั้น คนเลยนิยมหย่อนเงินลงไปเพื่อทำบุญ ถ้าฤดูฝน...จะมีน้ำท่วมเต็ม จะเท็จจริงประการใดอาจจะต้องกลับมาดูอีกครั้งในฤดูฝนล่ะมั้ง
 

บรรยากาศภายในถ้ำจัง หลังจากสี่โมงเย็นเค้าจะปิดไฟ ทำให้มองเห็นหินงอกหินย้อยไม่ชัด

     
 
สิ่งหนึ่งที่ออกจะไม่ชอบคือ ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มักจะมีพวกศิลปะไปขีดเขียนเอาไว้...ที่ถ้ำจังนี่ก็ไม่เว้น แต่ก็ยังงดีที่ไม่พบมากเท่าไหร่ ไม่เหมือนที่ประตูชัย เขียนกันจนเป็นลวดลายทีเดียวเชียว ไม่รู้ว่าเมืองหลวงพระบางที่เป็นมรดกโลกจะมีพวกมือบอนหรือเปล่า...แต่ขออย่าให้มีเลย...สาธุ
 

  ลวดลายบนผนังถ้ำจังจากศิลปินไร้นามไร้ความคิด

 
ขอเล่าถึงวังเวียงนิดหน่อย วังเวียงนี้เป็นเมืองที่มี ลำน้ำซองไหลผ่านรอบเมือง ลำน้ำซอง เป็นลำน้ำสายเล็กๆ มีต้นกำเนิดจากภูเขาในเขตพื้นที่วังเวียงไหลไปบรรจบกับแม่น้ำโขง  วังเวียงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งขุนเขาเพราะว่าเมืองนี้มีทีวเขาสวยงามและมีแม่น้ำลำธารไหลผ่านตลอดปี (บางคนกล่าวว่า วังเวียงคือกุ้ยหลินแห่งประเทศลาว เนื่องจากมีภูเขาสลับซับซ้อนคล้ายกับกุ้ยหลินที่เมืองจีน) จึงเป็นที่นิยมเที่ยวของชาวต่างชาติ มีฝรั่งเดินกันขวักไขว่เต็มไปหมด  ถ้าไม่บอกก็คงจะนึกว่าเดินอยู่แถวออสเตรียไม่ก็สวิส คล้ายจะกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอีกแห่งไปแล้ว อาหารการกินก็มีอาหารฝรั่งเสียเป็นส่วนใหญ่ มีถนนคนเดินสายสั้นๆ ให้เดินชมร้านอาหารด้วย ร้านอาหารที่นี่เหมาะกับคำว่า นั่งกินนอนกิน เพราะโต๊ะอาหารตอนแรกมองเข้าไป นึกว่าร้านนวด หรือสปา คือมีที่ให้นอนเอกเขนกกินอาหารไป ลักษณะเป็นโต๊ะญี่ปุ่น ดูโทรทัศน์ไปกินไป บ้างก็มีฝรั่งเดินใส่ทูพีซขวักไขว่ น้องหมีแนะนำว่าโรตีที่นี่อร่อย ราคาก็ประมาณ 40 บาท อาหารการกินที่เมืองลาวค่อนข้างจะแพง ก๋วยเตี๋ยวหรือว่าเฝอถ้วยหนึ่งก็ราคา 40-50 บาท (เวลาจะซื้อต้องสั่งเป็นถ้วย ถ้าบอกก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม จะได้เป็นหนึ่งกะละมัง)  ที่ว่าอาหารสำเร็จราคาแพงอาจจะเพราะคนลาวนิยมซื้อของสดไปทำอาหารกินเองล่ะมั้ง เพราะว่าราคาอาหารนี้ ชาวลาวก็ซื้อในราคาเดียวกับนักท่องเที่ยว เรียกว่าจ่ายเท่าๆ กัน ไม่ได้โก่งราคานักท่องเที่ยวแต่อย่างใด
 

สะพานสีส้มแดงทอดยาวข้ามลำน้ำซอง...บรรยากาศเหมือนเมืองนอกมากๆ (เอ๊ะ..ก็เมืองนอกที่นา...ลืมไป)

       
 
ตอนเย็นๆ หลังจากท่องเที่ยวลำน้ำซอง นักท่องเที่ยวมักจะมาเดินเล่นที่ถนนคนเดิน...ซึ่งเป็นถนนคนเดินที่สั้นที่สุดเท่าที่ข้าพเจ้าเคยเดิน...มีแต่ร้านขายอาหารและสปาเสียเป็นส่วนมาก ที่น่าสนใจสำหรับข้าพเจ้าคือ มีร้านตัดผมและเก้าอี้ตัดผมทรงคลาสสิคตั้งอยู่ข้างทาง...ถ้าไม่เห็นฝรั่งตัวโตมานั่งตัดข้าพเจ้าคงคิดว่าตั้งไว้โชว์คล้ายพิพิธภัณฑ์ 555
 

Barber Shop สุดคลาสสิคริมถนนคนเดิน วังเวียง

 
โรงแรมที่พักที่วังเวียงเป็นโรงแรมที่สร้างขึ้นใหม่ ชื่อว่าโรงแรมพูอ่างคำ พวกป้าๆ คณะทัวร์พากันไปสัมภาษณ์ชายหนุ่มที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าเคาท์เตอร์ตลอดคืนขณะที่นั่งจิบกาแฟยามเช้า ได้ความว่า เค้าเป็นลูกชายเจ้าของโรงแรม  กำลังเรียนมหาวิทยาลัยปี 3 (ตอนแรกนึกว่าเป็นพนักงานโรงแรม ) โรงแรมนี้เป็นลักษณะธุรกิจครอบครัว คือรวมหุ้นกัน ที่ลาวเค้าไม่ใช้ของเงินผ่อน เพราะฉะนั้นโรงแรมแห่งนี้จึงสร้างด้วยเงินสด ที่บรรดาญาติๆช่วยกันระดมทุน แต่งเติม ต่อเติมไปเรื่อยๆ ชอบประโยคหนึ่งที่เค้าพูดว่า “ที่นี่เป็นของพ่อแม่ ลูกชายไม่มีอะไร...เพราะมีแต่พ่อแม่ที่หา ลูกชายยังไม่ได้หา” ฟังแล้วรู้สึกดี...ถ้าเด็กคิดได้อย่างนี้ทุกคนก็คงจะดีไม่น้อยทีเดียว
 

   ด้านหน้าของโรงแรมพูอ่างคำ

 

บรรยากาศยามเช้าที่หน้าโรงแรม แม้ว่าจะดูขมุกขมัว...แต่ความจริงแล้วอากาศสดชื่นมาก มีหมอกบางๆ...

 
 
หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว (กาแฟ ข้าวต้ม ไข่ดาว ข้าวจี่) คณะทัวร์ก็พาไปเดินดูตลาดเช้าของเมืองวังเวียง มีของป่ามาขายมากมาย โดยเฉพาะสัตว์ป่า เช่น กิ้งก่า งู ตัวตุ่น ตัวเม่น....มีงูเหลือมตัดเป็นชิ้นๆ ขายด้วย ชิ้นละ 10 บาท....ข้าพเจ้ารีบเดินผ่านบริเวณนั้น เนื่องด้วยไม่ถูกโฉลกกับพวกสัตว์เลื้อยคลาน โดยเฉพาะงู นอกจากพวกสัตว์แล้วก็มีพวกผักต่างๆ ผักที่นี่สดและงามดี นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องเดินทาง คณะทัวร์เราคงได้พวกผักสดหอบกลับบ้านไปเป็นแน่แท้  บางคนบอกว่าอยากได้ปูภูเขาไปทำป่น ปูทีนี่ตัวใหญ่ดี อ่านะ...แม่บ้านมาช้อปปิ้งเมืองลาว

    ตลาดเช้าวังเวียง...มีของแปลกมากมาย

 มีงูเหลือมตัดขายเป็นชิ้นๆบรื๋อววว์ เห็นแล้วสยอง!

 

To Be Continue ....^v^
หมายเลขบันทึก: 310919เขียนเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2009 18:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีครับ ตามมาเที่ยวต่อ ครับ เห็นงูเหลือมตัดท่อน นึกถึงปลาฉลามครับ

P สวัสดีค่ะคุณณัฐรดา

บันทึกเรื่องการเดินทางเนี่ยเป็นบันทึกที่ต้องค่อยๆ เขียนค่ะ...ต้องอัพโหลดรูปแต่ละรูป กว่าจะได้แต่ละบันทึก เล่นเอาเหงื่อตก แหะๆ

P สวัสดีค่ะ ท่านวอญ่า

ปลาฉลามเขาตัดท่อนขายเหมือนงูเหลือมด้วยเหรอคะ?

ไม่เคยเห็นเลยค่ะ...อยากเห็นจัง ( แต่ยังไงก็ชอบตัวเป็นๆ ที่ว่ายน้ำได้มากกว่า)

ส่วนงู...ไม่ถูกโฉลกกัน ไม่อยากพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นตัวหรือเป็นชิ้นค่ะ!

สวัสดีครับ ตามมาเที่ยวลาวด้วยคน จะติดตามตอนต่อไปครับ...

  • โอ้โฮ..คุณดาวเข้าไปเที่ยวลึกจัง
  • ไม่ทราบว่า..แวะเที่ยวเขื่อนน้ำงึมหรือเปล่า เพราะผ่านทางเข้าเขื่อน..หรือมีตอนต่อไป
  • ผมว่าบ้านเขา อยู่กับธรรมชาติมากๆ มีบรรยากาศน่าอยู่มากน๊ะ
  • ผมรักและชื่นชมการรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมของเขามากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและการแต่งกายประจำชาติครับ
  • จะมาติดตามตอนต่อไปน๊ะครับ

 

P สวัสดีค่ะคุณเอกราช...ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันค่ะ...รออ่านตอนต่อไปนะคะ

P สวัสดีค่ะ คุณสามสัก

เขื่อนน้ำงึมได้แต่ขับรถผ่านทางท้ายเขื่อนค่ะ...ไม่มีโอกาสเข้าไปชม ถ้าได้ไปเมืองลาวอีกคงไม่พลาดแน่ๆ (เค้าบอกว่าปลาจากเขื่อนอร่อยเสียด้วย อิอิ)

บ้านเมืองของลาว และวิถีชีวิตผู้คนดูเรียบง่าย สงบสุข เป็นธรรมชาติ พวกเราที่ไปเที่ยวหลายคนมักจะบ่นอิจฉาวิถีชีวิตพวกเขา แต่ดาวว่าถ้าให้มาอยู่จริงๆ คงจะมีน้อยคนที่มาอยู่ เพราะก็ต่างติดความสบายค่ะ ^-^

มาเที่ยวต่อด้วยเนาะ

ธรรมฐิต ชอบลวดลายบนผนังถ้ำจังจากศิลปินไร้นามไร้ความคิด

เพราะอย่างอื่นมีคนชอบหมดแล้ว

มองนแง่ดีสิดาวฟ้า(หาๆๆๆๆๆเร็ว)

 

P ตอนแรกที่เห็นคนมือบอนขีดเขียนผนังถ้ำก็หงุดหงิดค่ะ...แต่สักพักหนึ่งก็คิดได้ว่าเค้าก็คงจะมีความคิดของเค้า...คงไม่ไร้ความคิดไปซะทีเดียว

การมีลวดลายแบบนั้นบนผนังถ้ำก็ทำให้เราได้แง่คิดอะไรอีกหลายๆ อย่างเจ้าค่ะ...แล้วแต่ว่าเราจะมองในแง่ไหนเท่านั้นเอง

กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ

 

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ เคยไปแค่เวียงจันทน์ ไปเข้าห้องน้ำตามวัด ต้องบอกว่าทนเข้าเพราะเจอที่มันไม่สะอาด

ไกด์บอกว่าวันหลังให้ไปเขื่อนน้ำงึม แล้วไปนอนหลวงพระบาง ยังหาโอกาสอยู่

วันหลังเล่าต่อนะคะ ละเอียดดี จะได้รู้ข้อมูลก่อนไปเที่ยว

P สวัสดีค่ะคุณ nana

ดาวเองก็อยากไปเขื่อนน้ำงึมด้วยเหมือนกัน แต่ยังไม่มีโอกาสเพราะเวลาไม่พอค่ะ...

ถ้าคุณ nana ได้ไป เขียนลงบันทึกเล่าให้ดาวฟังบ้างนะคะ

เคยไปเที่ยวมาแล้วคะ สวยมากๆ

 

 

 

 

เหมือนได้ตามไปเที่ยวด้วยเลยค่ะ

คุณโบว์ไปเที่ยวมาแล้วเหรอคะ...สวยนะคะ บรรยากาศยังน่าประทับใจไม่รู้ลืม ดาวเองยังอยากไปเยือนอีกสักครั้ง ^^

สวัสดีค่ะพี่หลิว...

มามะ ตามไปเที่ยวเมืองลาวด้วยกัน

ไว้วันหลังดาวจะตามพี่หลิวไปเที่ยวบ้างนะคะ

ขอบคุณที่แวะทักทายค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท