แวะไปพิสูจน์...บั้งไฟพญานาค...ที่หนองคายในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน11….


....ไม่เชื่อ...อย่าลบหลู่.....

         บั้งไฟพญานาค...เป็นตำนาน..น..น..น..ความเชื่อและศรัทธา ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกวันออกพรรษาของทุกปี จะมีผู้คนมากมายหลั่งไหลไปที่จังหวัดหนองคายเพื่อพิสูจน์ความเชื่อ...ซึ่งไม่เคยเสื่อมคลายและยังเป็นปริศนาสำหรับผู้คนทั่วสารทิศที่ตามไปค้นหาความจริง

 

                                               

        

  จ.หนองคาย อยู่ทางภาคอีสานตอนบน ตั้งอยู่ลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่ง อ.โพนพิสัย เป็นจุดที่พบบั้งไฟพญานาคมากที่สุด ซึ่งบั้งไฟพญานาคจะมีลักษณะเป็นลูกไฟประหลาดที่พวยพุ่งขึ้นมีลักษณะเป็นดวงไฟสีแดงอมชมพูขนาดลูกหมาก สว่างเรืองแสงสดใสปราศจากควัน เสียง กลิ่น ไม่มีเสก็ด ไม่โค้งตกลงมาหรือแตกออก แต่แสงจะวูบบวาบหายไปในท้องฟ้าเมื่อขึ้นไปได้สูง 50-150 เมตร เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ก็มีความเชื่อหลากหลายว่า

 

              

 

1. นักวิทยาศาสตร์  สันนิษฐานว่าเกิดจากการหมักหมมอินทรียวัตถุที่ฝังตัวอยู่ใต้น้ำ เมื่อถูกความชื้นและความร้อนใต้ผิวดินจะกลายเป็นก๊าซชนิดหนึ่งผุดเหนือผิวน้ำ สัมผัสกับออกซิเจนในอากาศกลายเป็นลูกไฟ

 

              

 

2. เชื่อว่าเป็นลูกไฟที่พญานาค  พร้อมใจกันจุดบั้งไฟขึ้น เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 พอดี ถือว่าเป็นวันที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์กลับมาโลกมนุษย์ ซึ่งมนุษย์จะทำพิธีตักบาตรเทโว ในขณะที่พญานาคก็ใช้บั้งไฟเป็นพุทธบูชา

 

                           

 

บรรยากาศ...การลุ้น...ปักหลักอยู่ที่อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย

          ลำน้ำโขงดูมีมนต์ขลังมากในคืนนี้ ทุกคนต่างจับจองพื้นที่ริมน้ำโขงเพื่อเฝ้าชมความมหัศจรรย์ที่ได้ยินและเล่าต่อๆกันมา ให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้ง ผึ้งงานเองก็เป็นหนึ่งในผู้คนที่เฝ้ามองลำน้ำโขงแบบใจจดใจจ่อ ซึ่งคนพื้นที่บอกว่าบางปีก็มีบ้องไฟพญานาคขึ้น บางปีก็ไม่ขึ้น กลุ่มที่ไปทั้งหมด 43 คน(เด็กกทม.) มีคนในพื้นที่ช่วยบรรยายและเล่าความเป็นมาให้ฟัง ทำให้บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้น ทานอาหารริมโขงแล้วก็ปักหลักอยู่ที่นั่นแหละซึ่งทำเลดีมาก สามารถมองเห็นได้ไกลทั้งโค้งน้ำ ไม่ว่าบั้งไฟพญานาคจะขึ้นตรงจุดไหนก็สามารถมองเห็นได้

 

        

       ทานข้าวเสร็จก็พอดีพระอาทิตย์ใกล้ตกดินสวยจัง...แต่อากาศร้อนมาก พอเริ่มมืดน่าแปลก...มีหมอกปกคลุมพื้นผิวของน้ำโขงจนเป็นไอขึ้นมาจนทำให้มองเห็นฝั่งลาวเริ่มไม่ชัด ดูบรรยากาศขลังมากเลย ทางด้านฝั่งลาวก็มีการจุดพลุบ้างเป็นระยะๆและกระจายเป็นช่วงๆทั่วโค้งน้ำเหมือนกัน แต่ฝั่งไทยซิ...คึกคักมากมีการจุดพลุตลอดสายของลำน้ำโขง มีการจัดงานที่ว่าการอำเภอโพนพิสัย มีการปล่อยโคมลอยจำนวนมากเต็มฟ้าและปล่อยกระทงสาย(นึกว่ามางานลอยกระทง)เต็มลำน้ำเป็นหมื่นๆอัน ทำให้สายน้ำนั้นมีแต่แสงไฟระยิบระยับของกระทงสาย

 

                          

 

          ผึ้งงานก็หวั่นๆคุยกับเพื่อนว่า...แล้ว..ถ้าบั้งไฟพญานาคขึ้นเราจะแยกออกไหม?นะ... ทั้งพุที่จุดพุ่งไปในกลางน้ำและแสงไฟของกระทงสายเป็นดวงระยิบระยับเหมือนกัน แต่คนท้องถิ่นบอกจะเห็นเป็นดวงไฟสีแดงอมชมพูจะไม่เหมือนกัน พวกเราทั้งหมดใจจด ใจจ่อ...เฝ้าดูสายน้ำตลอดเวลา ลุ้นจะแย่...อยู่แล้ว...แต่บรรยากาศระหว่างลุ้นสนุกสนานมาก คนที่ชอบร้องเพลง...ก็ประลองเสียงกันที่ร้านอาหาร ส่วนคนที่ระหว่างรอดูบั้งไฟอยู่ก็เล่าเรื่องสนุกสนานบ้าง...ตำนานโน่น...ตำนานนี่บ้าง ทำให้ระหว่างรอก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำให้มีความเป็นกัลยาณมิตรเกิดขึ้นในโค้งน้ำ บางคนก็ช่วยกันสวดขอพรเผื่อจะได้ดูบ้างปีนี้

 

                

 

          สักพัก....ก็ได้ยินเสียงเฮ...ด้านข้าง...พอทุกคนหันไปตามเสียงนึกว่าเห็นบั้งไฟ...โถ...หลอกกันไป...กลัวเงียบ...เหงา...(มีลักษณะนี้เกิดขึ้นตลอด) ในขณะที่รอดูนั้น แต่ละคนก็มีโทรศัพท์เข้ามา...ถามว่า...เพื่อนเห็นบั้งไฟพญานาคบ้างหรือยัง?...เห็นเขาออกทีวีว่าขึ้นแล้ว(แต่เป็นคนละอำเภอ) เพื่อนเรากลัวเสียหน้า...เสียฟอมร์เลยอำกลับ...บอก...โอ๊ย...เห็นหลายลูกแล้ว...โอ้โห...ได้บรรยากาศมากเลย(ทำ..เสียงตื่นเต้น...มาก...บอกเห็น 3 ลูก...บังเอิญ...พอดีฝั่งขวามือ มีเฮ...อีกแล้ว...เจ้าเก่า) นั่นไงๆ....แกได้ยินไหม?...เข้าใจ โม้ต่อนะเนีย...คนข้างๆก็ได้แต่หัวเราะห์กันสนุกสนาน

 

          การเฝ้ารอดูบั้งไฟพญานาค จาก6 โมง...1ทุ่ม..2ทุ่ม...3ทุ่ม...เจ้าถิ่นบอกรถติดมาก 3ทุ่มครึ่งถึง 4ทุ่มถ้าไม่เห็นก็คงไม่มีโอกาสเห็นแล้วค่ะ...ปีหน้าเพื่อนๆถ้าไม่เข็ดซะก่อน มาดูกันใหม่...เด้อ...ค่ะ...

 

           

 

          บั้งไฟพญานาค...ของจริง คนพื้นที่บอกว่าเคยเห็นหลายครั้ง ตั้งแต่เด็กๆ ปีที่แล้วเพื่อนมาก็เห็นเหมือนกัน ซึ่งลักษณะจะขึ้นจากกลางลำน้ำ เป็นดวงไฟสีแดงและจะลอยขึ้นสูงแล้วดับไปเลยในอากาศ (ถ้าเป็นพลุเมื่อขึ้นสูงแล้วจะแตกกระจายข้างบน) คนเถ้าคนแก่ที่คุ้งน้ำบอกเห็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ต้องดูเงียบๆ อย่าเสียงดัง จะขึ้นเป็นชุดๆ แต่ไม่เป็นข่าว พอเป็นข่าวคนก็มากันเต็มน้ำโขง ส่งเสียงดังเลยทำให้พญานาคท่านไม่ชอบเลยช่วงหลังไม่ค่อยเห็นอีกเลย จะไปขึ้นก็ตอนดึกๆ เงียบๆ ไม่ค่อยมีคน

 

          ปริศนาของสายน้ำ...ยังคงเป็นปริศนาต่อไป....ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่....ไม่เห็น(ปีนี้)...ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี(อยู่จริง) ....เกจิอาจารย์หลายท่านก็ได้กล่าวไว้ในธรรมว่า...พญานาคมีจริง...ดังนั้นทำให้ปริศนาของสายน้ำ...ยังคงเป็นปริศนาต่อไป...ให้ผู้คนได้ติดตามเฝ้าดูและค้นหา...ต่อไป.

หมายเลขบันทึก: 310910เขียนเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2009 17:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท