เล่าเรื่องเดินทางไปทริปที่แพร่และน่าน วันแรกที่แพร่เราได้แวะแค่แพะเมืองผี สำหรับวัดในแพร่เอาไว้ขากลับ ก็แล้วกัน บันทึกฉบับก่อนได้เขียนถึง วัดหัวข่วง วัดภูมินทร์ และวัดช้างค้ำ นับได้ 3 แห่งแล้วนะคะ ไปช่วยสิริพรนับหน่อยว่า ทริปนี้จะถึง 9 วัดหรือเปล่า
แห่งที่ 4 คือ วัดมิ่งเมือง หรือวัดหลักเมือง หาง่ายค่ะ ก่อนถึงลานข่วงเมือง นอกจากเป็นวัดยังมีเสาหลักเมืองให้ชาวน่านได้กราบไหว้บูชาด้วย สิ่งก่อสร้างเป็นปูนปั้นเน้นสีขาว คล้ายกับตระกูลช่างอ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่วัดร่องขุ่น แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของช่างชาวน่าน ลายปูนปั้นละเอียดมาก เน้นการติดกระจกประดับ
แห่งที่ 5 ที่ได้แวะคือ วัดสวนตาล ทางออกไป ต.หนองบัว ตัวอุโบสถค่อนข้างใหม่ แต่เจดีย์ด้านหลังมีมาแต่โบราณ มีสรงน้ำเจดีย์ด้วยนะคะ โดยใช้การสาวเชือกบรรจุถังน้ำชักขึ้นไปยอดเจดีย์ และสรงน้ำเพื่อเป็นสิริมงคล
แห่งที่ 6 วัดพญาวัด ก่อนเข้าเมืองน่าน ประมาณ 1 กม. ทางไปวัดเขาน้อย วัดนี้ก็เช่นกันมีเจดีย์เก่าที่ยังคงสภาพดีมาตั้งแต่โบราณ จัวเจดีย์จะแตกต่างตรงที่เป็นอิฐ ไม่ได้โบกปูนทับ
แห่งที่ 7 วัดพระธาตุเขาน้อย ไปกราบพระมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ที่มองเห็นภูมิทัศน์เมืองน่านจากที่สูง เราไปชมบรรยากาศทั้งภาคเช้าและพลบค่ำ หน้าบันของวัดนี้ทำจากไม้ดูค่อนข้างจะแตกต่างจากวัดอื่นๆ
แห่งที่ 8 วัดเจดีย์ เดินทางจากแพร่ไปน่าน อยู่ด้านขวามมือก่อนถึงน่านประมาณ 1.5 กม. คณะเราได้ตามหาเพราะมองเห็นยอดสีทองลิบๆ จากพระธาตุเขาน้อย ขณะนี้กำลังสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่แทนเจดีย์องค์เดิม ที่ตามประวัติกล่าวว่า ชาวบ้านฝั่งแม่น้ำน่าน ณ ตำแหน่งนี้ ไม่สามารถข้ามไปกราบไหว้พระธาตุแช่แห้งแห่งบ้านภูเพียงซึ่งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำน่านได้ เพราะน้ำหลากและไกล จึงชวนกันขนทรายเข้าวัดมาก่อเป็นเจดีย์ จนเป็นที่มาของชื่อวัดเจดีย์นี้ มีการบูรณะสร้างเจดีย์ขึ้นใหม่ในปี 2539 ตลอดองค์เจดีย์ปั้นปูนเป็นเรื่องราว นอกจากสวยงามแล้วยังน่าศึกษาอีกด้วย
แห่งที่ 9 วัดหนองบัว ห่างจากอ.เมืองน่านประมาณ 55 กม. เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมชาวไทยลื้อ ด้านในอุโบสถสภาพดี มีภาพเขียนที่มีเอกลักษณ์แต่สภาพค่อนข้างทรุดโทรม เป็นไปตามวัฏธรรมชาติ หลังคาอุโบสถค่อนข้างต่ำดูคล้ายรูปแบบช่างล้านนาที่วัดเชียงทอง หลวงพระบาง แต่เครื่องไม่มากเท่า เพราะเป็นวัดราษฏร์
แห่งที่ 10 วัดพระธาตุแช่แห้ง วันที่เราไปมีงานออกร้านสมโภชกฐิน ทำให้ได้บรรยากาศ นอกจากระเบียงคตแล้ว ชอบใจเครื่องของหลังคาอุโบสถที่เป็นหางนาคพันกัน นอกจากองค์พระธาตุแล้วด้านนอกใกล้กับบันไดทางขึ้น ยังมีพระนอนให้กราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วย สามารถนำรถขึ้นถึงด้านบนได้
วันกลับ เราได้แวะกราบพระที่วัดในจังหวัดแพร่อีก 2 แห่ง รวมเบ็ดเสร็จ 12 วัดเชียว
วัดพระธาตุช่อแฮ แม้จะชวนกันเดินขึ้นไปไหว้พระธาตุ เมื่อเห็นขั้นบันไดแล้วพิจารณาตามสังขาร เรายังให้น้องเชฟโรเล็ตต์มาเราขึ้นไปด้านบนพระธาตุ วัดนี้เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองแพร่ เป็นวัดประจำวัดเกิดผู้ที่เกิดปีเถาะ
วัดพระธาตุจอมแจ้ง ห่างจากพระธาตุช่อแฮไปประมาณ 5 กม. เดิมชื่อพระธาตุจอมแจง เพื้ยนไปเพี้ยนมาเป็น จอมแจ้ง จึงพ้องกับพระธาตุจอมแจ้งที่ จ.เชียงราย สร้างขึ้นเมื่อปี 1331 ด้านหน้ามีพระนอนขนาดใหญ่ (ถ้าหิวหน้าวัดมีขนมจีนพื้นเมือง คล้ายน้ำเงี้ยว น่าอร่อย...เผอิญเพิ่งผ่านเวลาอาหารเช้าได้ไม่นาน คณะเราจึงไม่ได้ลิ้มชิมรส) ประทับใจกับความชุ่มชื้นและเขีวชอุ่มของลานมอส...ภาพด้านล่างเป็นพวกหมากแห้ง ได้ติดมือมาเป็นของฝากด้วยนะคะ
ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำแก่บุตรหลาน
ถ้ายังไม่เบื่อกัน บันทึกฉบับหน้าจะรีวิวเรื่องที่พักในจังหวัดแพร่และน่าน พร้อมกับเรื่องราวของหอศิลป์ริมน่านนะคะ
สวัสดีค่ะ...พี่สิริพร...
เคยไปวัดพระธาตุช่อแฮ... วัดเดียวเองค่ะ...
สวัสดีค่ะ พี่สิริพร
ขอบพระคุณที่แวะไปเยี่ยมชมบันทึกนะคะ
ดาวเลยติดตามพี่ไปไหว้พระ 9 วัดบ้าง อิอิ...
ที่อุบลบ้านเกิดดาวก็มีวัดหนองบัวเหมือนกันค่ะ
ไว้วันหลังดาวจะหารูปมาฝาก ^-^
สวัสดีคะ แวะมาเยี่ยม สบายดีนะคะ
สวัสดีค่ะ น้อง blue_star
คงมีโอกาสได้ไปเยือนวัดหนองบัวที่อุบลบ้าง
สำหรับอุบลเป็นจังหวัดที่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยว มีแต่ไปธุระ
เห็นว่า นอกจากแหล่งท่องเที่ยวและประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาแล้ว ก๋วยจั๊บอุบล....ขึ้นชื่อ...ใช่ป่าวคะ
สวัสดีคะ รู้จัก อ.มงคลศิลป์ดีมากคะเมื่อวานก็พบคะ เจอะกันแทบทุกวัน ดีใจมากที่ได้รู้จักน้องสาวท่านคะ