ชึวิตการทำงานของผมวนเวียนอยู่ที่ศาล สำนักงานอัยการ เช้าหอบสำนวนวันละ ๔-๕ เรื่องไปศาล บ่ายหรือเย็นกลับมาที่สำนักงานอัยการ เซ็นรับสำนวน นั่งพิจารณาสำนวนเขียนความเห็น ๖ โมงเย็นกลับบ้าน เอาสำนวนกลับมาด้วย อาบน้ำทานข้าวเสร็จดูทีวีสักพัก จากนั้นก็นั่งพิจารณาสำนวน เช้าไปว่าความ วนเวียนอยู่อย่างนี้ เสาร์อาทิตย์ก็อยู่กับกองสำนวน พาลูกไปนั่งรถเล่นบ้าง การที่ต้องว่าความทุกวันแทบไม่มีเวลาพิจารณาสำนวนได้ละเอียดเลย ถ้าอ่านละเอียดหมายความว่าเวลาพักผ่อนก็หายไปด้วย
สำนวนอัยการมีสำนวนคดีแพ่ง คดีอาญาซึ่งยังแยกย่อยออกไปว่าปกเหลือง(ความจิงเป็นปกน้ำตาล คือคดีที่ตำรวจมีความเห็นควรสั่งฟ้องและส่งตัวผู้ต้องหามา) ปกขาว (อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นหนังสือนะ..อิอิ แต่มันเป็นสำนวนประเภทที่ตำรวจมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาหรือควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาแต่ยังจับตัวผู้ต้องหาไม่ได้) กับสำนวนมุมดำ(สำนวนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้กระทำผิด) เราก็ต้องหยิบปกเหลืองมาทำก่อนเพราะมีระยะเวลาครบฝากขังหรือครบประกันเป็นตัวกำหนด ส่วนปกขาวไว้ทำทีหลังเพียงต้องสั่งสำนวนให้ทันภายในเวลาที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด เช่น สำนวนทุกสำนวนต้องสั่งให้เสร็จภายใน ๔ วันทำการของเดือนถัดไป ถ้าไม่เสร็จสำนวนค้างเพราะอะไรก็ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ผมมีความรู้สึกว่าวันๆหนึ่งผมแทบไม่มีเวลาว่างเลย แถมบางทีชาวบ้านมาขอปรึกษาหารือข้อกฎหมาย เราออกไปบรรยายบ่อยชาวบ้านรู้จักเยอะ เวลาจะปรึกษาเขาก็จะพุ่งมาหาผม บางคนบอกเกรงใจไม่อยากไปพบที่ที่ทำงานมาขอพบที่บ้าน แรกๆก็พอไหวแต่พอนานๆเข้าแทบทุกวันเราก็ยิ่งล้าและเหนื่อย มีอยู่วันหนึ่งผมเหนื่อยมากแต่มีคนมาปรึกษาโดยไม่นัดล่วงหน้าก่อน มาถึงไม่ได้ดูหรอกว่าเราเหนื่อยแค่ไหน บอกว่าพี่ครับ ผมขอปรึกษาหน่อยจะไปหาที่ทำงานก็เกรงใจ จนผมต้องพูดตรงๆว่า “ผมทำงานเหนื่อยมาทั้งวันกว่าจะออกที่ทำงานก็ ๖ โมงเย็น มาถึงบ้านแทนที่จะได้พักผ่อนคุณมาบอกว่าเกรงใจไม่อยากไปพบที่ทำงาน คุณไม่นึกเลยหรือว่าผมก็เหนื่อยเป็น” เลยเอาสะอึกกันไปหลายคน อิอิ ผมบอกเขาว่าถ้าเกรงใจผมขอให้ไปพบที่ทำงานเถอะ เพราะมาที่บ้านถ้าผมไม่เหนื่อยมากผมก็อธิบายให้ฟังได้ แต่วันนี้ผมอยู่กับมาแล้วกฎหมายทั้งวันขอให้ผมได้อยู่กับลูกกับเมียบ้างเถอะ...ฮา..ถามว่าเขาโกรธไหม เขากลับไม่โกรธผมและคนๆนั้นกลายมาเป็นเพื่อนสนิท เวลาจะมาหาก็จะโทร.มาก่อนวันนี้ว่างไหมจะขอปรึกษาหน่อย ฮา...
ผมทำคดีมากมาย ถ้าหยิบทีละคดีมาเล่าสงสัยว่าบันทึกนี้จะจบไม่ลง แต่มีสิ่งหนึ่งที่จะบอกนักกฎหมายรุ่นใหม่ ผู้ที่อยากเป็นนักกฎหมาย ผู้ที่อยากรู้จักนักกฎหมาย ว่า นักกฎหมายที่ดีจะต้องเรียนรู้เรื่องราวรอบตัวให้มาก เรียนรู้วิทยาการใหม่ๆให้มาก เรียนรู้ทุกสาขาวิชาให้มากที่สุด เพราะทุกวิชาชีพจะต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมายถ้าเราไม่มีความรอบรู้ในวิชาการต่างๆ การว่าความให้ดีนั้นเป็นไปได้ยาก
ผมจะเล่าให้ฟังเกี่ยวกับความรู้รอบตัวเรื่องหนึ่ง สมัยก่อนผมไปช่วยคุณพ่อคุมปั๊มน้ำมันทำให้รู้ว่าผู้จัดการแอบปลอมปนน้ำมันและยักยอกเงินขายน้ำมัน ผมจับตาดูการปลอมปนน้ำมันว่าเขาทำอย่างไร สมัยก่อนน้ำมันเบนซินธรรมดาสีออกเหลือง น้ำมันเบนซินพิเศษสีออกแดง การปลอมปนจึงทำง่ายเพราะเอาน้ำมันเบนซินธรรมดาไปผสมเบนซินพิเศษ ดูด้วยตาจะไม่รู้(ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงน้ำมันเบนซินพิเศษมีสีอ่อน น้ำมันเบนซินธรรมดาสีเข้ม หากปลอมปนจะเห็นชัด) ขั้นตอนในการปลอมก็คือเวลาพนักงานขับรถบรรทุกน้ำมันมาจอด เขาจะเอาท่อน้ำมันซึ่งมีหัวสวมมาสวมที่ปากหลุมน้ำมันซึ่งแยกประเภทแยกสีเอาไว้แล้ว คนขับรถบรรทุกร่วมมือกับผู้จัดการเอาน้ำมันจากถังบนรถซึ่งแบ่งเป็นช่องๆละ ๓,๐๐๐ ลิตรบ้าง ๔,๐๐๐ ลิตรบ้าง ๕,๐๐๐ ลิตรบ้าง แล้วแต่ว่ารถคันดังกล่าวบรรทุกครั้งละกี่ลิตร เช่น ๑๒,๐๐๐ ลิตร ถ้าช่องละ ๓,๐๐๐ ลิตรก็จะมี ๔ ช่อง ถ้าเป็นช่องละ ๔,๐๐๐ ลิตรก็จะมี ๓ ช่อง เป็นต้น เขาก็จะเอาท่อที่จะปล่อยน้ำมันเบนซินธรรมดาลงถังเก็บใต้ดิน มาสวมหัวช่องที่ปล่อยลงถังเก็บน้ำมันพิเศษแล้วกะประมาณว่าปล่อยน้ำมันสักช่วงหนึ่งแล้วหยุด เปลี่ยนไปสวมหัวท่อลงถังเก็บเบนซินธรรมดาที่ถูกต้องจนหมด จากนั้นก็จะปล่อยน้ำมันเบนซินพิเศษลงถังเก็บ คราวนี้ก็จะทำให้น้ำมันในถังเก็บเบนซินขาดจำนวน แต่จะไปเกินอยู่ที่เบนซินพิเศษ
คราวนี้เขามีวิธีการต่อ ถังเก็บน้ำมันใต้ดินทุกถังจะมีรูวัดน้ำมันขนาดเท่านิ้วก้อย ไม้วัดจะเป็นอลูมิเนียมมีขีดบอกจำนวน เวลาจะวัดน้ำมันก็จะเอาชอล์คมาถูที่ไม้วัด แล้วหย่อนไม้วัดลงไป ชอล์คที่ไม่ถูกน้ำมันก็ยังคงติดอยู่ที่ไม้วัด เราก็จะเอามาดูในตารางว่าตำแหน่งของชอล์คขนาดนี้มีน้ำมันอยู่ในถังจำนวนเท่าไร ผู้จัดการก็จะจัดการต่อที่การ์ดปริมาณน้ำมันคงเหลือ เขียนปริมาณน้ำมันที่ลงจริง วัดน้ำมันได้ก็ระบุให้จำนวนน้ำมันตรงตามปริมาณที่ใส่ลงไป(แต่อาจไม่ตรงตามค่าที่อ่านจากไม้วัด) คราวนี้พอขายน้ำมันได้ก็เอาค่าน้ำมันส่วนเกินเป็นประโยชน์ส่วนตัว แต่วิธีการนี้จะเจอการทุจริตได้ก็ต่อเมื่อเจ้าของปั๊มมาตรวจบ่อยๆ มาวัดน้ำมันเอง ก็จะพบสิ่งผิดปกติกับการ์ดจำนวนปริมาณน้ำมันคงเหลือ
ผู้จัดการเป็นคนรู้จักกันและแต่งงานกับญาติห่างๆ เราจึงไว้ใจ ผมเห็นวิธีการทำอย่างนี้รู้สึกว่ามันแปลกๆจึงไปบอกพ่อ พ่อมาจับทุจริตได้ก็เลยให้เขาออกจากงาน ผมได้ความรู้ตรงนี้ว่าการทุจริตไม่ได้มีแค่นี้ บางทีคนขับรถบรรทุกน้ำมันโกงส่วนตัวโดยทำวาว์ลพิเศษไว้ที่ตัวรถ เวลาจะปล่อยน้ำมันลงถังให้เราก็แอบไปโยกวาว์ลพิเศษน้ำมันส่วนหนึ่งก็จะไหลไปที่ท่อเก็บที่ทำซ่อนไว้ครั้งละประมาณ ๑๐๐ ลิตร ดูมันทำ....
นอกจากนี้ยังมีวิธีโกงอีกโดยลักน้ำมันระหว่างทาง วิธีการตรวจสอบทั้งแบบนี้และแบบทำวาว์ลพิเศษ ก่อนเอาน้ำมันจากรถบรรทุกลงถังเราต้องขึ้นไปเปิดฝาช่องน้ำมันบนรถด้วยตัวเอง ถังน้ำมันบนรถทุกถังจะมีแป้นวัดน้ำมัน น้ำมันที่มาจากสถานีใหญ่จะอยู่ที่ระดับแป้นที่ว่าปริมาณที่ถูกต้องจะท่วมแป้นพอดีหักลบได้ต้องไม่ต่ำกว่าแป้น เพราะถ้าต่ำกว่าแป้นแสดงว่าปริมาณน้ำมันขาดหายไป ผมได้ความรู้ตรงนี้จากการอบรมของบริษัทให้เราตรวจซีลทุกจุดของรถส่งน้ำมัน ถ้าซีลขาดเราจะไม่รับน้ำมัน เราต้องตัดซีลของเราเอง และก่อนที่จะให้เขาปล่อยน้ำมันเราจะโยกคันโยกเองทุกครั้งโดยวิธีโยกลงและผลักกลับทุกวาว์ล จากนั้นจึงปีนขึ้นไปเปิดฝาถังน้ำมันดูแป้นวัดน้ำมัน วิธีนี้ก็จะแก้ปัญหาได้
ท่านอัยการ.เป็นคนของสาธรณชนก็เหนื่อยหน่อยนะขอรับ..
เป็นนักกฏหมายก็ต้องตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน..
เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่ามันจะเป็นไปอย่างไร..
นับถือๆขอรับ..
ขออภัยนะคะ ไม่ค่อยได้แวะมา
ยังบริหารเวลาไม่ลงตัวเลยค่ะ
แวะมาทักทายก่อน แล้วจะแวะมาอ่านใหม่นะคะ
นมัสการท่านธรรมฐิตครับ
กราบขอบพระคุณท่านที่เข้ามาทักทาย ผมอ่านเรื่องราวของท่านจากน้องนัทก็เลยตามไปอ่านบันทึกแต่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยเช่นกันครับ
งานผมช่วงนี้ค่อนข้างหนัก ทั้งงานหลวงงานราษฎร์ เมื่อวานพักเที่ยงออกจากที่ทำงานตอนบ่ายโมงเศษ ออกมาได้ ๑๕ นาทีมีคนโทร.ตามจะเอาเอกสารให้เซ็น ๑๐ นาทีต่อมามีคนโทร.ตามบอกว่ามานั่งรอขอปรึกษาแต่สิ่งเหล่านี้เมื่อเราเป็นผู้ที่มีความพร้อมที่จะให้และเราได้ให้เป็นธรรมทาน ก็ทำให้เกิดสุขครับ
สวัสดีครับครูอิง
จองไว้ก่อนได้ครับ แฮ่...
คนเราถ้าเกิดมาเพื่อจะโกงแล้วมันก็หาทางโกงทุกเรื่องแหละท่าน แม้เรื่องนั้นมันจะยุ่งยากลำบากแค่ไหนมันก็มิวายโกง ระเบียบ กฎหมาย ที่เขาออกมาเพื่อป้องกันคนโกง มันถึงต้องปรับปรุงอยู่บ่อย ปิดรู้นี้ออกรู้นั้น ไม่มีวันจบสิ้น เพราะเราไม่แก้ที่ต้นเหตุปลูกฝังจริยธรรม แต่ไปแก้ที่ปลายเหตุ ป้องกันคนที่ไร้จริยธรรม แก้กันจนตายไปข้างหนึ่ง ก็แตกหน่อ ออกลูกออกหลานมาอีกเหมือนตัวเชื้อโรคร้ายที่ลุกลามแพร่กระจายไปเรื่อย เพราะบทลงโทษมันช่างน้อยนิดเหลือเกิน และกระบวนการไต่สวน ตัดสินเพื่อลงโทษมายาวนานจนคนลืมไปแล้วว่าเคยทำผิดอะไรไว้...
แวะมาทักทายค่ะท่านอัยการ
สวัสดีครับคุณจินตนา
หายเหนื่อยจากงานกินผักหรือยังครับ
เห็นด้วยกับคุณจินตนา ต่อให้ออกกฎหมายมาดีขนาดไหนคนคิดจะโกงมันก็โกงได้เรื่อย โกงหน้าด้านๆ พอเขาจับโกหกจับการโกงได้ก็ว่ากลั่นแกล้ง หาพวกให้มาช่วย ใครจะเป็นอย่างไร สังคมจะเป็นอย่างไรให้ตัวเองรอดไว้ก่อนคนอื่นช่างมัน แถมคนไทยเราก็เชื่อคนง่ายเหลือเกินคิดวิเคราะห์ไม่เป็น การแก้ปัญหาต้องแก้ที่เด็กยุคใหม่ให้คิดวิเคราะห์เป็นแต่ก็วังเวง..ผู้ใหญ่วิเคราะห์ไม่เป็นจะสอนเด็กให้วิเคราะห์เป็นได้อย่างไรกัน คิดแล้วกลุ้มครับ
ขอบคุณครับสิงห์ป่าสัก
มันเหนื่อยเป็นบางวันครับ วันไหนที่อ่านสำนวนตั้งแต่เช้า คิดวิเคราะห์ วางแผนร่างฟ้อง ร่างคำให้การ เรียงเอกสาร วันนั้นจะเหนื่อยเป็นพิเศษ เพราะมันจะล้าไปหมด กลับมาถึงบ้านใครมาขอปรึกษาปัญหากฎหมายแทบจะขอเตะก้นสักทีเลยครับ ฮ่าๆ
ผมได้อ่านบล๊อกท่านอัยการแล้วดีมากเลยครับ เป็นประโยชน์ต่อผมมากเป็นความรู้อย่างหนึ่งสำหรับเส้นทางการเป็นนักกฎหมายที่ดีในอนาคต ผมมีความฝันว่าอยากเป็นนักกฎหมายที่ดีในอนาคต อยากทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองโดยไม่คำนึงถึงเม็ดเงิน ^^
ผมเคยเรียนยุชั้นปี1ที่ม.รามคำแหงครับ แต่ตอนนี้ผมออกแล้วกลับมายุบ้าน กะว่าจะมาลงเรียนคณะนิติราชภัฎที่บ้านครับ
ควบกับรามคำแหงไปด้วย
สุดท้ายนี้ผมจะเข้ามาอ่านกระทู้ของท่านอัยการและ คห.ของผู้ใหญ่ที่เข้ามาตอบ บ่อยๆน๊ะครับ
เด็กปี1. นิติราชภัฎ (ไม่รุจะไปรุ่งไหมน๊า)
ลืมไปๆคัฟ วันนี้เปนวันตัดสินคดีใหญ่ ผมตั้งใจดูอย่างใจจดใจจ่อมากเลยคัฟฟ
สวัสดีครับท่านอัยการชาวเกาะ
ผมขอความช่วยเหลือหน่อยนะครับ
ผมเป็นหลานของปั้มแห่งหนึ่งที่มหาสารคาม คือว่าที่ปั้มเขาโดนฟ้องว่าปลอมปนน้ำมันเบนซินออกเทน 91 แต่ความจริงแล้วเราไม่ได้ปลอม น้ำมันที่จนท. กรมพลังงานนำไปตรวจเป็นน้ำมันที่เพิ่งลงมาจากรถส่งน้ำมันแค่ 30 นาทีเองครับ คือเราสั่งเบนซิน 91 บิลก็ออกมาระบุว่าเบนซิน 91 แต่พอเจ้าหน้าที่ตรวจกลับได้ออกเทนแค่ 61 เราเองก็ไม่รู้ อันนี้ที่กล้าถามท่านเพราะเราบริสุทธิใจจริงๆครับ
ขอบคุณมากครับ
ทุ่งนา
ขอตอบแทนด้วยข้อธรรมนะครับ
บ้านใดมีมด บ้านนั้นมีอาหารของมด
ใจใดมีทุกข์ ใจนั้นมีอาหารของความทุกข์คือความถือมั่นในตัวกูของกู
บ้านใดไม่มีอาหารของมด บ้านนั้นหมดมด
ใจใดไม่มีตัวกูของกู ใจนั้นหมดทุกข์อย่างสิ้นเชิง
ทุ่งนา