กบข.อ่วมชดใช้ ขรก. กรณ์สั่งบรรเทาผลขาดทุนในปี 51

          "กรณ์" แจง กบข. เตรียมเยียวยาข้าราชการที่ได้รับผลกระทบจากการขาดทุนปี 2551
ส่วนระยะยาว เตรียมเปิดทางเลือกให้ข้าราชการมากขึ้น มว.คลัง กล่าว หากข้าราชการเข้ามาร่วมกองทุน กบข. และมีระยะเวลาจนถึงเกษียณอายุไม่ถึง 20 ปี ก็ควรได้รับการชดเชยในระดับหนึ่งแต่หากเป็นสมาชิกเกิน 20 ปี  ได้ผลตอบแทน ระยะยาว หักลบแล้วคุ้มค่าก็ไม่ต้องชดเชยส่วนรายละเอียดที่ชัดเจน จะชี้แจงเพิ่มเติมต่อไปเร็วๆ นี้ "ขณะนี้ได้ให้สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปศึกษา และเรื่องอยู่ที่กรมบัญชีกลาง ซึ่งจะสรุปภายใน 60 วัน ครบกำหนดในวันที่ 20 ต.ค.นี้" 
          นอกจากนี้ ยังให้นโยบายเรื่องการลงทุนของ กบข. ว่าจะต้องปลอดภัยและสร้างผลตอบแทนสูงสุด ซึ่งมีการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งมีการจ้างที่ปรึกษาที่เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานโลก มาให้คำปรึกษาเรื่องแผนและกรอบการลงทุน
          รมว.คลัง กล่าวว่า คณะกรรมการ กบข.ยังอยู่ระหว่างเตรียมการเปิดให้ข้าราชการมีทางเลือกที่จะลงทุนในตราสารได้ ตามลักษณะการลงทุนที่ต้องการ โดยจะประกาศออกมาได้ในเร็ว ๆ นี้ และเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นจะเปิดให้สมาชิกที่ถึงวันเกษียณ แต่ผลตอบแทนในปีนั้น ๆ ยังไม่ดีไม่อยากถอนเงินจาก กบข. ก็อาจเปิดช่องให้สามารถคงไว้ซึ่งสมาชิก กบข. ต่อไปได้ จนถึงปีที่ราคาทรัพย์สินกลับมาดีขึ้นในอนาคตและทางกระทรวงการคลังยังจะแก้ไขระเบียบให้คงไว้ซึ่งสิทธิทางภาษี ที่ให้ข้าราชการได้รับเช่นเดิมในกรณีนี้ด้วย
          นายกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า การดำเนินการช่วงปี 2551 กองทุน กบข. มีผลประกอบการในส่วนของสมาชิกลดลง 5.2% เท่านั้น เมื่อเทียบกับการดำเนินการของกองทุนบำนาญของประเทศต่าง ๆ มีผลตอบแทนติดลบมากกว่า อาทิ สเปนติดลบ 92%  แคนาดาติดลบ 16%  ญี่ปุ่นติดลบถึง 9.1% จึงเป็นเรื่องสุดวิสัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะนี้ก็ได้เพิ่มช่องทางให้สมาชิก กบข. มีทางเลือกมากขึ้นว่าต้องการจะรับความเสี่ยงในระดับใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผลตอบแทนของกองทุน กบข. ได้มีกำไรกลับคืนมาแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท จนทำให้หักลบผลขาดทุนไปได้ และสามารถคงผลตอบแทนเฉลี่ยในระดับน่าพอใจคือ 7.24%
           สำหรับการสอบสวนว่านายวิสิฐ ตันติสุนทร อดีตเลขาธิการ กบข. ใช้ข้อมูลภายในหรือไม่นั้น รมว.คลัง ระบุว่า จากการสอบสวนพบว่าได้กระทำผิดระเบียบ โดยพบว่าเลขาธิการ กบข. อาจจะไปซื้อหุ้นที่ผู้บริหารกองทุนจะเข้าไปซื้อ แต่ไม่ปรากฏว่ามีการรู้หรือใช้ข้อมูลล่วงหน้า แต่การกระทำดังกล่าวก็ถือว่าขัดหลัก
ธรรมาภิบาลที่ดี "แม้เลขาธิการ กบข. จะยื่นใบลาออกแต่ผมได้ตัดสินใจระงับใบลาและเปลี่ยนเป็น 'ให้ออก' แทน เพราะถือว่ากระทำการผิดหลักธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง" นายกรณ์ กล่าว
          นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ กล่าวว่า เรื่องการชดเชยสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากการขาดทุนในปี 2551 นั้น ขณะนี้ผลการศึกษาอยู่ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและกรมบัญชีกลาง กำลังวิเคราะห์อยู่  ยังไม่ได้ออกมาเป็นมติ ต้องมีการพิจารณาในขั้นตอนของคณะกรรมการ กบข. อีกครั้ง

โพสต์ทูเดย์  มติชน  ASTV ผู้จัดการรายวัน