การล้างพิษด้วยน้ำมะนาว : AAR วันที่ 6


เมื่อวานนี้หลังจากที่เปลี่ยนจากยาชง "มะขามแขก" มาเป็นยาฟิตเน่แล้วนั้นผลปรากฎว่าทรมาน "ทรกรรม" เหลือหลาย

เมื่อวาน (วันที่ 6) นี้ตื่นเช้ามาส่วนใหญ่ก็เป็นอะไรที่ "สบาย ๆ"
แต่ก็มาเริ่มแย่ตอนใกล้ๆ  เที่ยง เพราะตอนนั้นติดพันธ์อยู่กับ "งาน"
ก็เลยทำให้ช่องว่างของเวลาการดื่มน้ำมะนาวห่างกันมากเกือบ 4 ชั่วโมง


ตอนนั้นก็ "หวิว ๆ" เหมือนกับที่เป็นดั่งเช่นวันที่ 5 (ตามที่กล่าวในบันทึกนี้)
ก็เริ่มรู้สึกตัวเองได้ว่า สงสัยน้ำตาลในเลือดจะลดต่ำลงมากไปกว่าปกติซะแล้ว


และนอกจากนั้นในระหว่างการทำงานประมาณ 10 โมง ตอนนั้นต้องก้ม ๆ เงย ๆ นั่ง ๆ ลุก ๆ อยู่ มีอาการหน้ามืดหลายครั้ง และมีหน้ามืด "หนัก" ครึ่งครั้ง คือ "มืดตึ๊ดตื๋อ" เป็นเวลานาน ตอนนั้นก็ได้แต่พยุงตัวไว้ไม่ให้ล้ม


พอมีแสงสว่างกลับขึ้นมาหายจากความ "มืดตึ๊ดตื๋อ" แล้วก็ว่าจะกลับไปดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง ก็ต้องกลับมาติดงานที่ยังค้างคาอยู่
ตอนนั้นเองก็เริ่มหวิว ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระเที่ยงเที่ยงกว่า ๆ ถึงจะได้กลับมาดื่มน้ำมะนาวอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อวานนี้หลังจากที่เปลี่ยนจากยาชง "มะขามแขก" มาเป็นยาฟิตเน่แล้วนั้นผลปรากฎว่าทรมาน "ทรกรรม" เหลือหลาย
เพราะเจ้าฟิตเน่นี้รุนแรงน่าดู (สำหรับคนที่ไม่ทานอาหารมาประมาณ 5 วัน)
ก็ถ่ายเพิ่มขึ้นจากหนึ่งครั้งเป็นสองครั้ง ครั้งแรกของที่ถ่ายมาเป็นสีดำ แต่ครั้งหลังเป็นเมือก "สีส้ม"

ดังนั้นวันนี้จึงขอกลับมาดื่มยาชง "มะขามแขก" เหมือนเดิม เพราะว่าชีวิต "สบาย" กว่ากันเยอะ...


พอดีแล้วสำหรับคนที่ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้มีโรค มีภัยแบบเรา
แต่ถ้าคนที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีน้ำหนักตัวมากเกินกว่าปกติ ก็ควรจะใช้ฟิตเน่นะ เพราะจะทำให้เซลส์ต่าง ๆ ที่ถูกร่างกายดึงออกมาใช้นั้นขับออกไปให้ได้มากที่สุด
แต่เรานั้นไม่มีอะไรจะให้ย่อยสบาย ยาระบายก็เข้าไปทำหน้าที่ "บีบไปก็บีบมา" ในลำไส้อยู่อย่างนั้น เฮ้อ... ทำงง ทำงานอะไรก็ได้แต่ "ปวดท้อง..."

สำหรับเมื่อวาน (วันที่ 6) ตอนเย็นเริ่มรู้สึกว่า "พอดีแล้ว" (ที่จริงรู้สึกว่าพอดีตั้งแต่เมื่อหมดวันที่ 5) ความรู้สึกนี้เป็น "ปัจจังตัง" คือรู้ได้ด้วยตนเองนะ ห้ามเข้าข้างตนเองนะ แต่ทว่าด้วย "สัจจะ" และความตั้งใจที่จะทำให้ครบ 7 วันก็ต้องทำไป ทำไป

แต่เมื่อวานก็ลดปริมาณน้ำมะนาวลงเหลือประมาณ 150 CC จากปกติ 200 CC โดยตั้งใจว่าวันสุดท้ายนี้จะลดลงเหลือ 100 CC

วันนี้ เช้านี้ (วันที่ 7 วันสุดท้าย) ก็ยังสบาย ๆ อยู่ เมื่อตะกี๊เดินไป เดินมาก็ยังไปสั่งงานช่างให้ทำงานได้
วันนี้ วันสุดท้ายผลนั้นจะออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องตามดูกัน...

(ต่อยอดจากบันทึก การล้างพิษด้วยน้ำมะนาว : AAR วันที่ 5 : เกือบแย่...)

หมายเลขบันทึก: 306294เขียนเมื่อ 16 ตุลาคม 2009 08:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

มาติดตามผลเจ้าค่ะ

หลังจากหายไปสองสามวัน

 

แล้วก็เอาข้อมูลมะขามแขกมาฝากเจ้าค่ะ

 

จะว่าไปมะขามแขกเป็นสมุนไพรที่ใช้เพื่อหวังฤทธิ์ ขับถ่าย หรือระบาย

ใช้ได้ทั้งส่วนใบและ ฝัก ก็จะมีปริมาณสารสำคัญแตกต่างกันบ้าง แต่ก็ออกฤทธิ์ได้เจ้าค่ะ

มะขามแขก เขามีชื่อที่เรียกเป็นสากลว่า Senna  alexandrina  

มีนักวิทยาศาตร์รายงานว่ามีสารสำคัญคือ  sennoside A และ B, aloe emodin, dianthrone glycoside เป็นกลุ่ม แอนทราควิโนน

 

ตัวสำคัญที่ออกฤทธิ์เท่าที่มีรายงานชัด ๆ คือ sennoside A และ B เจ้าค่ะ (มีทั้งในใบและฝัก)

ความน่าทึ่งของสาร 2 ตัวนี้คือ จะออกฤทธิ์จำเพาะที่ลำไส้ใหญ่

เพราะเมื่อถึงลำไส้ใหญ่เขาจะถูกทำให้อยู่ในรูปที่ออกฤทธิ์ได้โดย แบคทีเรียที่มีในลำไส้ใหญ่เท่านั้นเจ้าค่ะ

(แสดงว่าถ้าเขาอยู่ที่อื่นจะไม่สามารถสำแดงเดชได้ เรียกว่า (inactive form) เจ้าค่ะ)

อันนี้หนูคิดเล่น ๆ เหมือนเราได้ความรู้มากมาย ที่สะสมในจิตมา แต่ไม่มีปัญญาใช้เพราะรู้แค่ว่ามี แต่ไม่พร้อมใช้งาน พอสาร 2 ตัวเคลื่อนถึงลำไส้ใหญ่ แบคทีเรีย ตัดตัวล็อคออก ฉั๊บ ก็พร้อมทำงาน เรียกว่า Active form นึก ๆ แล้ว เหมือนปัญญาของมนุษย์ ถ้าไม่มีอะไรกระตุ้น กระสุนก็ด้าน ปัญญาไม่ค่อยโดนปลุก ความรู้ในจิต ไม่เคยถูกดึงมาใช้ แต่เมื่อใดที่ ทุกอย่างถึงที่ ถึงเวลา ความรู้ที่มีในจิต ก็ถูกดึงมาใช้อัตโนมัติ อืมน่าทึ่งจริง ๆ เจ้าค่ะ แฮะ ๆ ขอแทรกเพราะพึ่ง แว๊บ)

แถมทั้ง sennoside A และ B สามารถ เปลี่ยนสลับกันไปมาได้ค่ะ เพราะโครงสร้างคล้าย ๆ กัน เหมือนเพื่อนไปด้วยกัน 2 คน คนหนึ่งตังค์หมด ยืมตังค์อีกคนใช้ได้ ผลัดกันยืมตังค์กัน เฮอะ ๆ เกี่ยวไหม ค่ะ (ฮา) แต่ทำหน้าที่ได้ทั้งคู่เจ้าค่ะ  

หน้าที่เขาคือเมื่ออยู่ในหน้าตาพร้อมใช้งาน (Active form) จะทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัว (โดยเฉพาะส่วน โคลอน) ทำให้ร่างกายต้องการขับอุจจาระออกมาเจ้าค่ะ

 

แต่ยาถ่ายก็คือยาถ่าย

หากทานบ่อย ๆ หรือ ทานมากไป อาจจะทำให้ขาดพลังงาน หรือ แร่ธาตุ เช่น โปแตสเซียม

หรือบางทีถ้าทานเป็นประจำ ร่างกายจะปรับสมดุลคือ ถ้าไม่กินยาถ่าย ก็ถ่ายไม่ออก ประมาณนี้เจ้าค่ะ

 

ข้อเสียของพืชชนิดนี้คือ ถ้าเกิดไว้นานสารสำคัญสลายตัวเจ้าค่ะ จะออกฤทธิ์ได้ไม่ดีประมาณนี้ ดังนั้นแนะนำให้ดูวันผลิตก่อนซื้อเจ้าค่ะ

ขอบพระคุณที่ให้โอกาสเจ้าค่ะ

 

อื่ม... ไม่ธรรมดา

ถ้านำไปตกแต่งคำพูดให้เป็นทางการหน่อย ทำเป็น "เอกสาร" ทางวิชาการได้เลยนะเนี่ย

แต่ทว่า... ใครอ่านเขาก็ไม่เชื่อหรอก เพราะเรามันยังไม่มีคำนำหน้าชื่อ

คนไทยเขายอมรับกันที่คำนำหน้าชื่อ ไม่ได้ยอมรับกันที่ "ความรู้"

คนที่เขายอมรับว่ามีความรู้ คือ คนที่ถูกสมมติด้วยคำว่า ศ. รศ. ผศ. ดร. นพ. อะไรเหล่านี้แหละ

คนที่เป็นแค่ นาย นาง นางสาว เขียนอะไร คิดอะไร รู้อะไรก็ "งั้น ๆ"

รู้ดีแค่ไหนก็ "ไลฟ์บอย..."

ข้อคิดไลฟ์บอยของท่าน แม้ฟังตลกแต่พิจารณาแล้วเมืองไทยเราสังคมเราเป็นเช่นท่านกล่าวจริงๆ แม้เราทำเอง ทดลองเองถึงใครเห็นก็เห็นอย่างนั้น อืออย่างนั้นเอง

แต่ตัวเราทำเราก็เข้าใจ เรารู้สึก อดอาหารทั้งวันไม่สำเร็จ

ใจมันหวิว

พรุ่งนี้จะกินให้น้อยพอแก้หิว มื้อสาย กับบ่ายก่อน 6 โมงเย็น

กินยาไทรอยด์ตามหมอบอก

ดื่มน้ำมะนาว 1แก้ว (1ลูกที่ผสมน้ำผึ้งแล้ว )และน้ำ 300 ซีซี

ทุก 2 ชั่วโมง ให้ได้ 6 ครั้ง

จะลองดูใหม่ ปรับตามวิถีชีวิตตัวเองก่อน

เกรงว่า...หากทำแบบเด็ดเดี่ยว เช่นท่าน จะถูกต่อต้านจากภายใน

ไม่รู้กลัวไปก่อนหรือเปล่า ก็คิดเข้าข้างใจตัวเองว่า

เอาแบบค่อยเป็นค่อยไป ของท่าน 7 วัน

แต่ของเราคงนานหน่อย

อาจเป็นเดือน

เพราะไม่เด็ดขาดอย่างท่าน

หากร่างกายมันถูก มันรับได้ มันดีขึ้น จะทำโปรแกรมนี้ใหม่อีกครั้ง

เอาแบบเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม

ขอบพระคุณค่ะ

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท