อย่าฝากหัวใจไว้กับคนอื่น


"อย่าฝากหัวใจไว้กับคำพูดของผู้อื่น เพราะเราจะผิดหวัง...."
วันนี้กัลยาณมิตรได้กรุณาส่งบทความธรรมะดีๆ มาให้อ่าน เป็นบทความในหนังสือธรรมะ มีหัวข้อที่น่ารักว่า อย่าฝากหัวใจไว้กับคนอื่น...บางท่านอาจจะได้เคยอ่านจากในหนังสือบ้างแล้ว ข้าพเจ้านำมาบันทึกไว้เผื่อคนที่ยังไม่เคยอ่าน ได้นำมาพิจารณากัน....
 

ลูกถีบหลวงพ่อชา : อย่าฝากหัวใจไว้กับคนอื่น
พระอาจารย์ญาณธมฺโม วัดป่ารัตนวัน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

 
อาตมาอาจจะเป็นพระองค์เดียวในวงลูกศิษย์หลวงพ่อชา "ที่โดนท่านถีบ" แต่ว่าซาบซึ้งที่ท่านถีบอาตมา และเพราะความซาบซึ้งนั้น จะมาเล่าให้ญาติโยมฟัง

คือ ตอนนั้นอาตมาบวชใหม่ๆ พรรษาแรกอยู่ที่วัดหนองป่าพง ปีนั้นพระเณร ๗๐ กว่ารูป พระเยอะ ญาติโยมเข้าวัดกันมาก วันนั้นได้ไปบิณฑบาต ตอนกลับจากบิณฑบาตมีพระองค์หนึ่งมาคุยด้วย และพระองค์นั้นก็เพิ่งบวชใหม่เหมือนกัน ทั้งสององค์ต่างยังมีนิสัยแบบฆราวาส และพระองค์นั้นก็ได้ไปตำหนิติเตียนพระที่อยู่ในวัดที่ไม่ถูกใจ

อาตมาฟังแล้วคิดในใจว่า บวชเป็นพระทำไมมาจับผิดกัน ทำไมท่านตำหนิพระองค์นั้นองค์นี้ ก็เลยเดินหนีไม่อยากคุยด้วย แต่ไม่ได้เดินหนีอย่างเดียว เดินหนีตำหนิท่านในใจยังคิดเรื่องท่าน

พอดีเดินเข้ามาในวัด เดินก้มหน้าคิดถึงเรื่องพระองค์นี้องค์นั้นอยู่ ได้ยินเสียงหลวงพ่อชา พูดขึ้นมาว่า "กูดมอนิ่ง"
ก็มองขึ้นไป เห็นหลวงพ่อชาก็อยู่ใกล้ๆ ท่านยิ้มใส่เรา พูดภาษาอังกฤษ "กูดมอนิ่ง" แปลว่าสวัสดีตอนเช้า

เราก็ดีใจ ไม่เคยได้ยินหลวงพ่อพูดเป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยยกมือไหว้ท่านและตอบท่านว่า "กูดมอนิ่ง หลวงพ่อ"

หลวงพ่อชาท่านพูดภาษาอังกฤษได้ ๒ คำ "กูดมอนิ่ง" สวัสดีตอนเช้า กับ "ดู ยู ว้อน อะคัพ ออฟ ที" แปลว่า คุณต้องการน้ำชาไหม เพราะหลวงพ่อท่านเคยไปประเทศอังกฤษ

ชาวอังกฤษเขากินน้ำชากันทั้งวันทั้งคืนและเขาจะถามตลอดเวลา "ดู ยู ว้อน อะคัพ ออฟ ที"

หลวงพ่อเลยท่องไว้จำไว้ เพราะท่านว่ามันจำง่ายดี เพราะว่าเหมือนพระสวดให้พร ยถาวริวะหา อุปปะกัปปาติ แต่ท่านไม่ได้ถามอาตมา "ดู ยู ว้อน อะคัพ ออฟ ที"

เรายกมือไหว้ท่านรู้สึกดีใจอารมณ์เปลี่ยน ฉันเสร็จก็กลับกุฏิ เดินจงกรมนั่งสมาธิถึงหกโมงเย็นก็คิดว่าเดี๋ยวจะไปกุฏิหลวงพ่อชา

ถ้าใครเคยไปวัดหนองป่าพง จะเห็นกุฏิเก่าของท่านข้างๆ โบสถ์ ซึ่งหลวงพ่อมักจะนั่งบนเก้าอี้หวาย อาตมาเข้าไปก็กราบท่าน ขอนวดเท้า เพราะเราเคยฝึกนวดเท้า บางครั้งท่านจะให้เราไปนวด

วันนั้นพระเณรเยอะ ประมาณทุ่มหนึ่งเขาตีระฆัง ท่านก็ไล่พระเณรขึ้นโบสถ์หมด พระเณรประมาณ ๗๐ รูป

ท่านบอกว่า ท่านญาณอยู่นี่ ก็นั่งสองต่อสองกับท่านก็จับเท้าท่านไว้ ท่านก็ไม่ได้พูดท่านนั่งหลับตาภาวนา เราก็นวดเท้าท่าน อากาศเย็นสบายช่วงฤดูหนาว

พระ เจ็ดสิบรูปเริ่มสวดมนต์ทำวัตรเย็น เราฟังพระสวดมนต์เจ็ดสิบรูป เหมือนเทวดา เหมือนเทพกำลังจะโปรดเรา เราก็นั่งคิด เรากำลังนั่งกับพระอรหันต์ กำลังสร้างบุญกุศล ถวายการนวดแก่พระอรหันต์อยู่ เทวดากำลังสวดอนุโมทนาด้วย จิตใจขึ้นสวรรค์เลย พอดีจิตใจขึ้นสวรรค์

หลวงพ่อใช้เท้าถีบหน้าอกอาตมาจนหงายหลัง หัวกระแทกพื้น เราก็ช็อกอยู่ งงเลย..!!!

หลวงพ่อชี้หน้า นั่นตอนเช้าพระองค์หนึ่งพูดไม่ถูกใจเรา เราก็เสียใจ อีกองค์หนึ่งพูดแค่ "กูดมอนิ่ง" ดีใจทั้งวัน อย่าไปดีใจ เสียใจกับคำพูดคนอื่น อย่าไปฝากหัวใจไว้กับคนอื่น ต้องฝากหัวใจไว้กับพระธรรม

ที นี้ท่านก็เทศน์กัณฑ์ใหญ่ เราก็ยกมือไหว้ท่าน น้ำตาไหล เพราะอะไร ซาบซึ้งในเมตตากรุณาของท่าน ท่านก็คงเห็นเราตอนเช้า ว่าพระองค์นี้ตกนรก จิตเป็นทุกข์ เพราะคำพูดคนอื่น

ท่านก็เลยพูดแค่ "กูดมอนิ่ง" ให้ดึงเราขึ้นจากนรก และ ตอนเย็นท่านก็ปล่อยให้เรานวดเท้าท่านให้ขึ้นสวรรค์ ขึ้นสวรรค์แล้ว ต้องถีบลงมาถึงแผ่นดิน เพราะเทวดาสอนธรรมไม่ได้ต้องมนุษย์ เพื่อให้จดจำไว้

"อย่าฝากหัวใจไว้กับคำพูดของผู้อื่น เพราะเราจะผิดหวัง
ต้องฝากหัวใจไว้กับพระธรรม
ก็เลยได้จดจำคำพูดหลวงพ่อ..."
 
ใครที่ฝากใจไว้กับคนอื่นก็เก็บใจกลับมาซะนะคะ...จะได้ไม่ผิดหวัง ^v^
หมายเลขบันทึก: 306184เขียนเมื่อ 15 ตุลาคม 2009 20:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน 2012 15:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • มาศึกษาธรรม ก่อนจะนอน
  • จะได้หลับอย่างเป็นสุข สนิทและไม่ฝัน ครับ
  • คุณหมอ ก็เช่นกัน ..ขอให้หลับเป็นสุขด้วยครับ
  • พรุ่งนี้..งาน..ชาติ กำลังรออยู่เบื้องหน้า
  • ขอขอบคุณในข้อคิดข้อเขียนดีๆ

P ขอบพระคุณค่ะที่แวะมาทักทายกัน

เมื่อคืนสงสัยเพราะคุณสามสักอวยพร เลยไม่ค่อยได้หลับนอนเท่าไหร่...ถูกปลุกตามไปดูผู้ป่วยตลอดคืน 555

ถึงจะไม่ได้หลับเป็นสุข ก็ตื่นเป็นสุขค่ะ ท้องฟ้าตอนตีสามตีสี่นี่สวยมาก ดูแล้วคลายความง่วงนอน (มาง่วงตอนบ่ายๆ แทน)

เปลี่ยนความหงุดหงิดให้ความเบิกบานใจที่ได้ทำบุญแต่เช้ามืด ^-^

อนุโมทนาค่ะ

แต่แปลก

เวลาคนที่บอกว่าประพฤติธรรม

กลับกลายเป็นคนที่ถูกกิเลสหลอก

ให้ฝากหัวใจไว้กับคนอื่นได้เร็วกว่า

ด้วยคำว่า หากมีคู่การปฏิบัติธัมมะจะเร็วขึ้น ....

อันนี้มีใครเห็นด้วยหรือเปล่าค่ะ ...:(

P สวัสดีค่ะคุณ Dhamma

ในความเห็นของดาว การมีคู่ปฎิบัติธรรมะจะทำให้ปฎิบัติได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างที่คุณบอก เพราะว่าจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ความคิดเห็น ก็คงเหมือนๆ กับการศึกษาเล่าเรียน การอ่านหนังสือแล้วไปคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนย่อมได้ประโยชน์มากกว่าอ่านคนเดียว เข้าใจคนเดียว ซึ่งก็ไม่แน่ว่าสิ่งที่เราเข้าในนั้นจะถูกหรือผิด...แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นการไปฝากใจไว้กับคนอื่นนี่คะ ใจเราก็ยังคงอยู่กับเราให้หมั่นดูหมั่นศึกษา การมีศรัทธาเป็นเครื่องน้อมนำในการปฏบัติเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องควบคู่ไปกับปัญญา... 

ผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ เพราะนี่เป็นเพียงความเห็นของผู้ที่เริ่มศึกษาธรรมะค่ะ สมองน้อยๆ เท่าเมล็ดถั่วของดาวยังมีความโง่เขลาอยู่มาก...คงต้องรอผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านมาอธิบายในเรื่องนี้อีกที ^-^

ขอบพระคุณสำหรับข้อคิดเห็นนะคะ

เมล็ดถั่วอีกแล้วเนาะ..

ธรรมฐิตกะว่าจะอธิบายเพิ่มเติมหน่อย

แต่ยังไม่ถึงผู้ปฏิบัติดี-ชอบ  จึงต้องงดไว้ก่อนเนาะ

สาธุๆๆ

P กราบนมัสการเจ้าค่ะ

ก็เมล็ดถั่วน่ะ เล็กดีเจ้าค่ะ พอเราแช่น้ำแล้วก็พองๆ บวมๆ มีประโยชน์กินได้...ปลูกง่าย โตง่ายเจ้าค่ะ ถ้าดูแลดีๆ ก็เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ถ้าท่านธรรมฐิตไม่อธิบายเพิ่มเติม...เอาเป็นข้อคิดเห็นก็ได้เจ้าค่ะ เพราะไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้ (แต่ดาวว่าผู้ที่อยู่ในสมณเพศก็ย่อมต้องปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในระดับใดระดับหนึ่งล่ะเจ้าค่ะ ถึงแม้ว่าท่านจะไม่ยอมรับ)

 

เมื่อก่อน(เป้นสิบปีมาแล้ว)ธรรมฐิตก้อเคยฝากใจไว้กับคนอื่นเหมือนกัน

ทั้งสมหวัง  ผิดหวัง  ทุกข์ โศก  เศร้า  มีความรัก  อกหัก  ครบทุกรูปแบบ

แต่ตอนนี้ขอศึกษาดูใจตนที่เขลา(มากๆๆๆๆ)ก็พอได้รัดับหนึ่งยังเท่าเมล็ดงา

แช่น้ำก็ยังไม่พอง  ก็คงต้องดูกันต่อไปแหละดาวฟ้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท