สวัสดีค่ะคุณสามสัก
ชอบบันทึกนี้มากค่ะ
การพัฒนาคน ไม่ใช่พัฒนาแต่ IQ เพียงด้านด้วย ต้องพัฒนา EQ MQ AQ SQ ด้วยการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบัน ต้องฉลาด รอบรู้ รอบคอบ มีคุณธรรม รู้จักการวางแผนแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและชาญฉลาด ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญา ของพระบาทสมเด็จพระเจาอยู่หัว
*ซึ่งคุณครูทั้งหลายก็ได้เพียรพยามที่จะบ่มเพาะปลูกฝังให้กับเด็กและเยาวชนเหล่านี้ หากร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเข็งขัน คงมีสักวันค่ะ...ที่สิ่งเหล่านี้จะเป็นจริง
ระลึกถึงค่ะ
ฮ่าๆๆ คนนะ ไม่ใช่แมว
มีอาจารย์หมออีกท่านหนึ่งค่ะ...มักจะพูดเสมอว่า
อย่าเป็นคนที่ "ฉลาดลึก... แต่โง่กว้าง"
ขอบคุณค่ะ
ทำให้คิดถึงครูบาอาจารย์ทั้งหลาย..ที่พยายามบ่มเพาะศิษย์..ให้เป็นคนที่มีความรู้ ควบคู่กับการเป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม ตามที่ผมฝัน... คงจะต้องใช้ความเพียรพยายาม ความมานะบากบั่น ความอุตสาหะ ความอดทนอย่างยิ่งยวด โดยจะต้องทุ่มเท กายใจด้วยความจริงใจ จริงจัง ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิผล..
ให้นึกถึงผู้ปกครองด้วยค่ะ...ว่าจะช่วยครูปลูกฝังเด็กให้เป็นอย่างไร..ไม่ใช่เราสอนไปอย่างพ่อ-แม่ว่าอย่าง..บางโรงเรียนบางชุมชนที่เข้มแข็งอาจไม่มีปัญหาทางสังคมพวกนี้ก็ดีไป..แต่บางโรงเรียนบางชุมชนห่างไกลเรื่องการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมคือพ่อ-แม่ยังไม่คิดทำแล้วจะส่งเสริมลูกได้อย่างไรกันจึงเป็นปัญหาตกแก่โรงเรียนตกแก่ครูมีผลกระทบต่อเด็กคนอื่นๆด้วยค่ะ..ที่เราต้องมานั่งแก้ปัญหา..ดังนั้นครูจะทำงานได้บรรลุต้องอาศัยครอบครัวช่วยด้วยเป็นอย่างมาก..ที่เขาว่า..บวรน่ะค่ะถูกที่สุดค่ะ...แค่ความคิดลปรร.นะคะคุณสามสัก..ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ สามสัก
ขอคิดกะเขาด้วยคน...สำหรับป้าเหมียวรู้แต่เปลือกและก็ยังโง่ลึก..แต่อยากคุยด้วย เรื่องลูกๆ เด็กๆ ละชอบนัก..ป้าเหมียวไม่ค่อยรู้เป็นภาษาวิชาการนะแต่ใช้ความจริง ความรู้สึก การสอนลูกของป้าเหมียวใช้ใจใช้ความรัก ไม่ได้เวอร์ นะคะเรื่องจริง ชอบกอดลูก และก็ชอบคุยกับลูก...เวลานอนก็จะคุยกัน ตอนเด็กๆก็จะเล่านิทานให้ฟังสอดแทรกคุณธรรมไปด้วย ลูกก็ชอบ อย่างที่คุณสามสักบอกนั่นแหละ อาศัยครูอย่างเดียวไม่ได้แน่ๆ เป็นไปได้ยาก ที่บ้านต้องร่วมกันพัฒนาเด็กด้วย...เอ่อ!!!ป้าเหมียวมีความรู้สึกว่าสอนคนง่ายกว่าสอนแมวแน่นอน ที่บ้านป้าเหมียว แมวเยอะโง่หมดทุกตัว....
สวัสดีค่ะมาเรียนรู้สาระดีๆจากท่านสามสัก.. ถูกต้องนะคร๊าบ..สอนคนถ้าให้เวลาก็จะสอนง่ายกว่าสอนแมว..แน่นอนค่ะ..
อ่ะ นะ พี่
โง่กว้าง ฉลาดลึก... แต่ที่ยังดีคือ ต้องรู้ว่าโง่ อิอิ
ขอแสดงความเห็นด้วยค่ะ ตั้งแต่เด็ก จะเรียนหนังสือไม่เก่งค่ะ ผู้ปกครองคงหายุทธวิธีการสอน กลัวลูกไปไม่รอด เลยถูกสอนให้รู้กว้างแล้วพยายามลงให้ลึกค่ะ เลือกเรื่องที่ชอบ ถูกใจ สนุกก่อนแล้วค่อยๆ เขยิบ ขยับค่ะ จึงพออยู่รอดปลอดภัยในยุคนี้ ในทางกลับกัน อ่านบันทึกนี้แล้วก็ให้คิดออก ว่าสงสัยตัวผู้ปกครองของเราเองก็คงเปลี่ยนแปลงตัวเองจาก รู้ลึก ให้เป็นรู้กว้างด้วย (มั้ง)คะ ขอบคุณที่ให้ฉุกคิดค่ะ
สวัสดีครับคุณ สามสัก "รู้อะไรให้กระจ่างเพียงอย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล"
ให้ตายเถอะค่ะคุณสามสักขา..ป้าไม่ได้ทานหมากไทยค่ะ ป้าทานหมากฝรั่ง คิด คิด เพื่อนเคี้ยวค่ะ..
มาตามอ่านค่ะพี่ท่าน...Vij ก็เขียนเื่รื่องการเรียนต่อเพื่อการเรียนรู้เฉพาะด้านไว้เหมือนกันค่ะ...แต่ยังไม่อยากตีพิมพ์ เพราะอ่านแล้ว รู้สึกงง ๆ กับข้อเขียนของตัวเอง...ความตั้งใจอยากจะเขียนอีกอย่าง แต่ออกมาเป็นอีกอย่างซะงั้น ฮ้าย!!
-------
อ่านแล้วก็เห็นด้วยค่ะ ฉลาดด้วยสติปัญญา แต่หากไม่รู้จักควบคุมอารมณ์แห่งตนและไม่รู้จักอารมณ์คนอื่นก็จบเห่ค่ะ...ก็เพราะวิถีที่เราเดิน ไม่ได้เป็นทางเส้นตรงให้เรามุ่งสู่ปลายทางอย่างเดียว...แต่มีเส้นทางแยกทางเลี้ยงอีกหลายเส้นทางสำหรับวิถีนี้...แน่นอนที่สุดเราต้องเลี้ยวเข้าไปดู เลี้ยวเข้าไปเดิน บางครั้งพบว่าไม่อยากเดินแต่ก็มีคนดึงให้เข้าไปเดิน เข้าไปดู หรือมีคนกวักมือหยอย ๆ อยู่ในเส้นทางนั้นให้เขามาช่วย ให้เข้ามาคุย...ก็ไม่แปลกที่ธรรมชาติในแ่ต่ละเส้นทางก็อาจจะพบกับปัญหาอุปสรรคบ้าง...มนุษย์ผู้ที่เดินอย่างไร้ซึ่งใช้สติปัญญาและใจที่ไม่มีธรรมนำทางแล้ว...เดินทางกี่ครั้งก็มักต้องสะดุดอย่างจัง ๆ ทุกครั้งไป เป็นเหตุแห่งการเกิดอารมณ์ขุ่นมัว ดังนั้น การเดินจึงต้องเดินอย่างมีสติปัญญา (IQ: intelligence quotient) และใจที่มีธรรมนำทาง (MQ : moral quotient) รู้การจักแก้ไขปัญหา (AQ: adversity quotient)...จึงไม่น่าแปลกว่าในเส้นทางนั้น ย่อมเต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความเข้าใจตนและคนอื่น ๆ (EQ: emotional quotient) และแน่นอนที่สุดว่า Q ต่าง ๆ จะต้องเดินไปพร้อม ๆ กัน...อย่างสมดุล...จึงจะเกิดสภาวะสมดุลของชีวิต ซึ่งเป็นชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข...จบข่าว
ขอบพระคุณมากค่ะ...มีความสุขในทุกเส้นทางเดินค่ะ...มีดอกไม้มาให้ มีดอกไม้มาฝาก...หากว่าเธอต้องการ ก็เก็บรักษาไว้...อิๆๆๆ ร้องเพลงให้ฟังซะงั้น
บทความแจ่ม แจ๋ว ยอดมากๆครับ
พี่สาม จ่า...
พอลล่ามีบันทึกใหม่แล้วนะคะ
อย่ามัวแต่ตอบเม้น อิอิ
งดงามหมดจด ทั้งถ้อยและนัยโดยแท้
ตามอ่านทั้งบันทึกและความเห็นลงมาเรื่อยๆ
เป็นบันทึกอันสมบูรณ์ควรค่ายิ่งแล้ว
พัฒนาตนทั้ง 4 ด้าน จะนำพาเราสู่ความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง
คุณสามสัก...เอ่อ!!คือหนูเอ้ย ป้าเหมียว อึ้งค่ะ...ยินดีที่รู้จักนะคะ
คุณสามสักครับ...ดีมากครับ
เรียนให้รู้ลึก แต่จะโง่กว้าง
หลายครั้งผมก็เป็นครับ งมทำงานแต่บนสำนักงาน อ่านแต่หนังสือ ไม่ได้ไปสัมผัสของจริง รู้ลึกแต่บนสำนักงาน แต่โง่กว้าง เรื่องโรงเรียนครับ
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วชอบจัง...ตัวเองยังโง่อยู่มาก มีอีกหลายอย่างต้องเรียนรู้ แต่ก็อยากจะแสดงความคิดเห็นค่ะ อิอิ
ที่ว่าเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางเรียกกันว่าต่อยอด...ดาวว่าก็น่าจะถูกนะคะ เพราะต่อยอดทำให้ยอดสูงขึ้น ต้นสูงขึ้น แต่ว่าไม่ได้แผ่ขยายออกไป...ทำให้ไม่รู้กว้าง หรือจะเรียกว่าโง่กว้างก็ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำงานหรือการเรียนในสาขาวิชาเฉพาะนั้น ก็จะได้ทำงานเดิมๆ (คนเรียนมีน้อย) ยกตัวอย่างเช่น จักษุแพทย์ ก็จะตรวจแต่ตา พอตรวจทุกวันเข้าเป็นสิบๆ ปี...จะให้กลับไปผ่าตัดไส้ติ่งก็คงจะไม่ไหว เพราะความรู้มันเปลี่ยนอยู่เสมอ แล้วยิ่งความรู้บางอย่างต้องใช้ความชำนาญ ต้องหมั่นฝึกฝน ทำให้รู้ไม่กว้างเท่าที่ควร
เอ...แล้วรู้เพียงอย่างเดียวแต่รู้ลึก กับรู้กว้างแต่ไม่ชำนาญ อันไหนมันจะดีกว่ากันคะ?
เรื่องการเรียนการสอนนั้น ส่วนมากเราจะนึกถึงแต่การเรียนการสอนในโรงเรียน โดยคุณครู แต่ส่วนหนึ่งยังมีการเรียนการสอนภายนอก จากสถาบันครอบครัวที่จะเพาะบ่มให้คนๆ หนึ่งออกมาเป็นคนที่สมบูรณ์ บางทีคุณครูที่โรงเรียนสอนมาดีมาก ไม่ให้พูดคำหยาบ ไม่ให้ดื่มสุรา แต่พอเด็กกลับมาบ้าน พบพ่อดื่มเหล้า แล้วแม่บ่นด่าทุกวัน ...ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอนยังคงใช้ได้เสมอ จริงไหมคะ?
อย่างไรก็ตามคุณครูก็นับว่ามีบทบาทที่จะช่วยพัฒนาให้คนเป็นคน...แต่ว่าจะเป็นคนที่สมบูรณ์แค่ไหนนั้น ปัจจัยคงไม่ได้เกิดจากคุณครูเพียงอย่างเดียว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่หล่อหลอมให้แต่ละคนแตกต่างกันออกไป
เฮ้อ...คนที่สมบูรณ์นั้นหายากค่ะ...คงจะเหมือนกันที่คุณสามสักว่า"งมเข็มในมหาสมุทร" มาหาคนที่เรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเองดีกว่า มีอาจารย์หมอท่านหนึ่งเคยพูดว่า " คุณเป็นหมอที่ดีได้ ตราบเท่าที่คุณอยากจะเป็น!!!" คนเราก็สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ตราบเท่าที่เราอยากจะทำ...
ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆ นะคะ...^v^
เพราะเป็น "คน" นะครับถึงจำเป็นต้อง "บ่มเพาะ" ...
ขอบคุณมากครับ...
คุณสามสัก..ไม่ต้องห่วงสุขภาพป้าหรอกนะคะ..ถึงปีนี้ป้าจะอายุมากแล้ว แต่ป้าก็จะสู้เพื่อลูกหลานที่รักป้าค่ะ...
สวัสดีค่ะท่านสามสักงานเข้าจริงๆค่ะ ก็ทำคะแนน และเตรียมงานไปแสดงนิทรรศการสวนพฤกษศาสตร์ที่เขาเขียว ชลบุรี ค่ะ
ยังไม่ได้อ่านบันทึกค่ะ
ตามชื่อบันทึกมา
รู้สึกโง่กว้าง
เป็นยังไงน่ะ คิดอ่อนอ่าน ตาหวานก่อนเปิด คิดก่อนเถิดก่อนจะเปิดอ่าน
รู้สึกโง่กว้าง อิอิ อะไรกันน่ะ
อ่านจบแล้วค่ะ
เอ๊ะ ยังไงกันน่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโง่กว้าง หรือเรียกภาษากอคือ โง่มาก
เอ้.....จะอ่านอีกรอบนึงดีมั้ยน่ะ เผื่อจะเข้าใจ
ไม่อ่านดีกว่าค่ะ แงแง ^__^
ที่แวะไปชมและให้กำลังใจเยาวชนของเรานะคะ
ยินดีเจ้า..
ขอบคุณจาดนัก..เจ้า
คุณสามสัก...อย่าเครียดมากนักซิ เดี๋ยวก็แก่หมดหรอก..
เมื่อไรจะมาล่ะ..อยากจะอ่านแล้วเร็วๆหน่อยดิค่ะ
มาทักทายแล้วเตรียมเข้านอนค่ะ วันนี้ตะเวนที่พัทยามาทั้งวันแล้ว...
ราตรีสวัสดี และฝันดีนะคะ
สวัสดีจ้าท่านพี่..."สามสัก"...แทนความระลึกถึงค่ะ...แอน แอ่น แ้อ้น...
ดูแลสุขภาพกาย-ใจให้เป็นปกติสุขนะเจ้าค่ะ...เป็นกำลังใจให้ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณสามสัก
เป็นคนจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ค่ะเสมอค่ะ
^^*
แวะมาเรียนรู้แบบงงนะคะ
ขอไปงีบก่อนดีกว่าค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณสามสัก
อ่านแล้วยิ้ม ๆ อมยิ้ม ยิ้มกว้าง ๆ .....
อาจารย์ท่านหนึ่งเมื่อเรียนป.โทที่มหิดล คือ อาจารย์หมอพูนพิศ อมาตยกุล ท่านจะสอนคนไม่มีรากหลายอย่าง ท่านมักจะบอกเมื่อเราทำอะไร พูดอะไร ไม่เข้าท่าเข้าทางว่า....
นี่ ๆ ขอร้องเถอะนะ... เรียนมาก็ไม่น้อยแล้ว อย่าให้เป็นพวก ฉลาดลึก แต่...โง่กว้างเลย !!!!
ขอบคุณบันทีกกระตุ้นต่อมโง่กว้าง....ค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะอาจารย์
ตัวเองก็รู้สึกค่ะ ว่าเราโง่ทางกว้าง
หนำซ้ำ บางครั้งก็โง่ทางลึกด้วย
ตามความรู้ไม่ค่อยจะทัน
เดี๋ยวนี้ มีอาจารย์กูเกิ้ล เป็นตัวช่วย ค่อยยังชั่ว แฮ่ม
ขนาดความรู้พื้นฐานที่เคยรู้ บางทีลืม
ทบทวน พูดคุย ค้นคว้า แล้ววนกลับมาทบทวน พูดคุย ค้นคว้าอีก
เป็นสิ่งที่ดิฉันต้องกระทำ ทุก ๆ วันค่ะ