ต้องรู้จักใช้ "สมมติ" ให้ "ดี..."


หมากเกมส์นี้นี่ไม่ธรรมดานะ ต้องใช้ "วิชา" กันหลายแขนงเลยทีเดียว

วันนี้เปิดฉากมาตอนเช้า "ชมรมนักปั่น" ก็ปั่นกันใหญ่เลย ปั่นกันไป ปั่นกันมา คนไม่รู้อาจจะมองว่าเรา "ทะเลาะ" กัน...

555 เนี่ยแหละ "ชมรมนักปั่น" ก็มีอะไรดุ เด็ด เผ็ด มันส์ กันอย่างนี้แหละ เต็มที่ เต็มที่...

ก็มาขอเปิดบันทึกต่อยอดจากท่าน Ka-Poom ที่เริ่มต้นจากบันทึก  จาก R2R สู่การพัฒนาเนื้อจิตเนื้อใจ... แล้วก็ติดตามมาด้วย  วิถีดำเนินไปแบบน้อมลงว่าตนนั้นเป็น ผู้ยังโง่อยู่! ซึ่งสนุกสนานน่าดูเชียว...

เนื้อความเป็นอย่างนี้นะ


 

อยู่ในสังคมที่เขาชอบใช้สมมติกัน ก็ต้องรู้จักใช้สมมติ

อยู่ในสังคมที่เขาชอบใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์กัน ก็ต้องใช้กับเขาหน่อย

กว่าที่ใครจะสักคนศรัทธาอะไรสักอย่างได้ ก็ต้องใช้ "หลักฐานเชิงจริต" ให้ถูกต้อง เหมาะสม

ไอ้เรามันมีศรัทธาอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหา แต่คนที่เขายังไม่ศรัทธาก็ต้อง "เสียสละ" ทำให้เขาหน่อย...

ก็ต้องย้อนกลับไปที่คำถามที่ท่าน Kapoom เคยถามว่า ทำอย่างไรที่จะทำให้คนที่เดินทางผิดกลับมาเดินทางถูกได้

ก็ต้องดูว่าเขาเชื่ออะไรอยู่ แล้วก็ต้องให้เขาพิสูจน์ได้ เห็นได้ตามสิ่งที่เขาเชื่อ

หมากเกมส์นี้นี่ไม่ธรรมดานะ ต้องใช้ "วิชา" กันหลายแขนงเลยทีเดียว

ถ้าเราเอาตัวเองสบายได้ก็ดีอยู่ แต่ก็ต้อง "เสียสละ" ทำให้คนอื่นบ้าง โดนด่าบ้าง "โง่" บ้าง

ชีวิตนี้ถึงจะได้เรียกว่าเกิดมาเพื่อทำความดี ใช้จิต ใช้ร่างกายนี้ "เสียสละ..."

เราอยู่รอดได้ก็ดีแล้ว แต่จะปล่อยให้คนอื่นตายไปโดยไร้ "ศรัทธา" เราก็ไม่ปรารถนาให้เป็นอย่างนั้น

ต้องช่วยกัน ช่วยกันตามแรงที่มี

เรารู้ ก็ต้องให้คนอื่นเขารู้ด้วย

ต้องผสม ประสมกันให้ "เนียน" เลยแหละ

เวลาเรารู้คนอื่นไม่รู้ด้วย อันนี้ก็เลยทำให้เกิด "วิกฤตศรัทธา"

เวลาคนอื่นเขาไม่รู้ บอกเราว่า "ไหนหลักฐาน" เขาก็ว่าพวกเรา "โง่" งมงาย...

ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปสนใจ ใส่ใจคำพูดเขานะ

แต่หน้าที่ก็ต้องเป็น "หน้าที่"

หน้าที่ที่จะต้องทำให้ปุถุชนผู้ไร้ศรัทธา มี "ศรัทธา..."

ดังนั้นเราจึงต้องใช้พลังและ "ปัญญา" สร้างศรัทธาให้เกิด ให้มีในตัวคน...

ครูบาอาจารย์ทำไมท่านต้องเหนื่อยมาสอน มาอบรมเรา ก็เพราะหวังว่าเราจะทำประโยชน์ต่อไปและ "ต่อไป..."

ท่านสอนให้เราใช้พุทธศาสตร์เชิง "วิทยาศาสตร์" ทำอะไรต้องมีเหตุ มีผล มีหลัก มี "ฐาน..."

คำพูดของคนเรานั้นเชื่อกันยาก เมื่อสังคมยังสมมติว่ากระดาษและตัวเลขน่าเชื่อถือ เราก็ต้องรู้จักใช้เพื่อ "ให้" กับสังคม...

เรื่องปล่อยวางนี้ ไม่ใช่ไม่ทำ แต่ให้ทำด้วยการปล่อยการวาง

ตอนทำก็ทำให้ดีที่สุด รอบคอบ และใช้ "ปัญญา" ให้มากที่สุด

ทำครั้งหนึ่งเสร็จแล้วก็ปล่อย ทำจบครั้งหนึ่งแล้วก็วาง

ทำให้เต็มที่ ทำให้เต็มที่...

ทางเรา เราก็จะพยายามเต็มที่ตาม "ศรัทธา" ที่เรามี

ถึงแม้นว่าขณะนี้ "สถานะ" จะไม่เอื้ออำนวยให้ที่จะมีเงิน มีปัจจัย มีพาหนะออกไปตรวจสุขภาพด้วยตนเองได้ ก็ถือว่า "เหตุและปัจจัย" มีแค่ไหนก็แค่นั้น

ด้วยเหตและปัจจัยที่มี ถึงน้อยก็จะทำอย่างเต็มที่

ความรู้ทุกย่างก้าวที่เกิดมีก็ขอ "ปฏิบัติบูชา" แด่พระรัตนตรัย...

หมายเลขบันทึก: 304434เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2009 08:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

ตอนเข้ามาอ่าน ชมรมนักปั่น แรก ๆ ก็เข้าใจว่าทะเลาะกันนะครับ...

แต่อ่านไปอ่านมา (อย่างมีสติ) ค่อยถึงบางอ้อครับ...

"มนุษย์" "โลกสมมติ" และ "บทบาทสมมติ" นะครับ...

ขอบคุณมากครับ...

5555...น่าน่า...สักหน่อยเถอะค่ะคุณดิเรก...

ท่านสุญญาตา...กับกะปุ๋มน่ะเป็นกัลยาณมิตรที่วิสาสะสนทนากันมาตั้นแต่เนิ่นนาน

รู้จิตรู้ใจ...ไม่แตกคอไม่แตกคอ...

คุณดิเรกอีกคน...ที่เราก็ร่วมไปสู่เป้าหมายเดียวกันได้น่ะนะ

มานะคะ...มาร่วมกันปั่น(ป่วน) ความรู้นี้ให้ตกผลึกตกตะกอนกัน

หากสนใจ จะไปร่วม...วิสาสะสนทนา ณ ชมรมนักปั่นสัญจรทีวังน้ำเขียวด้วยกันไหมคะ

ในวันที่ 31 - 1 ตุลาคม...หากสนใจเมล์มานะคะ

(^__^)

แก้ไข...

31 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2552 ...

มันก็เป็นฉะนั้นแล "สบาย ๆ"

เราทำหน้าที่ก็ทำไป มีหน้าที่ถกเถียงกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ก็ทำไป

ทำแล้วก็จบ ทำแล้วก็วาง...

ส่วนชมรมนักปั่นสัญจรครั้งที่ ๓ ก็คนแถว ๆ กรุงเทพฯ ก็สบายหน่อย เพราะวิ่งรถไปเช้าเย็นกลับได้

จากกรุงเทพฯมาก็ประมาณสองชั่วโมงครึ่ง มาทางปากสระบุรี-ปากช่อง-เขาใหญ่ แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าทะลุทางออกไป อ.วังน้ำเขียว"

หรือชำนาญหน่อยก็มีทางลัดตรงมวกเหล็ก มีป้าย "ภูภัทรา" อยู่ ก็กลับรถเลี้ยวเข้ามาทางนั้น พอสุดท้าย (ประมาณยี่นสิบกว่ากิโล) เลี้ยวขวาไปหน่อยก็จะถึงทางขึ้นอุทยานเขาใหญ่ ตรงนั้นเป็นทางตัน เพราะถ้าเป็นด่านเก็บค่าธรรมเนียมขึ้น "เขาใหญ่"

ก่อนถึงที่เก็บเงินตรงนั้นสักสองร้อยเมตร จะเห็นทางเลี้ยวซ้ายมีป้ายเยอะเลย ป้ายรีสอร์ทนั้น รีสอร์ทนี้ เต็มไปหมด ก็เลี้ยวซ้ายมาตามนั้น

ตามป้าย "อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง" มาเรื่อย ๆ จากปากทางตรงนั้นก็ห้าสิบกว่ากิโล

หรือจะตามป้ายไร่องุ่นธันยพรมาก็ได้ แต่ถ้าถึงไร่องุ่นธันยพรก็แสดงว่าเลยแล้ว เลยไปประมาณหนึ่งกิโล

พอถึงอ่างเก็บน้ำ ก็จะเห็นวัดอยู่ด้านขวา "ตีนเขาใหญ่..."

พอเลยอ่างเก็บน้ำปุ๊บ ก็จะเห็นโรงเรียนบ้าน "บุเจ้าคุณ" ปั๊บ ก็เลยขวาเข้ามาเลย เข้ามาจนสุดทาง น่าจะประมาณ 2 กิโล ก็ถึง เพราะไปไหนไม่ได้แล้ว

ส่วนทางที่มาจากตลาด 79 ฝั่งโคราชหรือกบินทร์บุรีนั้นต้องให้ท่าน Ka-poom บอกทาง เพราะ Ka-poom มาทางนั้นบ่อย...

เมื่อก่อนโง่...ต้องวนไปเข้าทางเขาใหญ่

แต่เมื่อท่านนำพาทางตลาด 79 ให้ ... โห สะดวกขึ้นเยอะเลยเจ้าค่ะ

ไม่ยาก...ขับออกจากโคราช ตรงมาที่อำเภอปักธงชัย ผ่านมาจนถึงอำเภอวังน้ำเขียว ... ถนนหนทางสี่เลยตลอด สะดวก ขับมาเรื่อยๆ ชมวิวสองข้างทางงามนักแล ฝั่งนี้รีสอร์ทไม่เยอะเท่าฝั่งเขาใหญ่... พอถึงตลาด 79 ขับมานิดหน่อยไม่ไกล ฝั่งขวามือจะเป็นศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และป้ายบอกทางว่า "เขาแผงม้า" ก็เลี้ยวขวาเลย ขับมาตามทางเรื่อยๆ ไม่ต้องเลี้ยวไหน ยึดโรงเรียนบุเจ้าคุณเป็นที่หมายตั้ง พอถึงหน้าโรงเรียนก็เลี้ยวซ้ายได้เลย... และตรงมาจดสุดสายปลายทาง...ก็จะเจอที่หมายที่ชมรมนักปั่น มา ลปรร. กันเสมอ...

หากไม่แน่ใจส่งเมล์มาหานะคะ ..

ครับ...คุณกะปุ๋ม

ยังงัยจะส่งเมลล์ไปแจ้งครับผม...

ขอบคุณมากครับ...

อ้อ...ลืมไป

หากมาทางกบินทร์บุรี เมื่อมาถึงตลาด 79 ยังไม่ถึงตลาด จะเจอทางเลี้ยวก่อนอยู่ฝั่งซ้ายมือ "ไปเขาแผงม้า"...หรือหากว่าหลงๆ ขับเลยผ่านไป ก็ไปจอดตั้งหลักที่ตัวตลาด 79ก่อนก็ได้ ถามใครๆ ก็ได้ว่าจะไปโรงเรียนบุเจ้าคุณ รับรองเจอผู้ใจดีบอกทางให้เสมอ...

 

คุณดิเรก...โทรมาเลยค่ะ

ตอนนี้กะปุ๋มนะไม่มีเบอร์เพื่อนๆ เลยค่ะ เพราะเบอร์นั่นน่ะติดไปกับโทรศัพท์เครื่องเก่า

อยากให้ได้มารวมทั้งน้องสาวผู้น่ารักที่อยู่เคียงคู่คิดกับท่าน Mr.Direct ด้วยค่ะ

ตำรวจแถวนั้นก็ใจดีนะ ถ้าหาก "โดนจับ" ในข้อใด ๆ (ส่วนใหญ่จะเรื่องความเร็ว อย่างที่เราเคยเจอ 555) ถ้าหากบอกว่ามาที่วัด ตำรวจก็จะ "ใจดี" ปล่อยไป ปล่อยไป...

ตำรวจทางหลวงแถว ๆ นี้ชอบตรวจความเร็วอยู่เรื่อย แล้วแถมรถเฮียหมูก็เป็นรถกระบะ วิ่งขวาหน่อยก็โดนเรียกและ แถมตรวจแบบไม่ค่อยเป็นทางการอีกต่างหาก คือ มาตั้งด่านลอย แล้วก็ปรับแบบ "ลอย ๆ"

แต่ตำรวจเขาก็มีน้ำใจดีอยู่นะ คือ ไม่ค่อยกล้าเรียกค่าปรับจากเรา เห็นหน้าเราแล้วก็ปล่อย (สงสัยกลัวจะไม่เฮง 555)

ดีแล้วที่ท่าน Ka-poom มาแต่เนิ่น ๆ เพราะว่ามาช้าที่พักอาจจะ "เต็ม"

อื่ม มิใช่อาจจะ เต็มแน่สำหรับฝั่งผู้หญิง

แต่ผู้ชายสบาย นำเต๊นท์มาคนละหลังจะกางตรงไหนก็กาง "สบาย"

อ้อ แต่ที่สำคัญ กรุณานำมาห่มมาให้เพียงพอ

เพราะปีที่แล้วคนหนึ่งที่ได้ข่าวก็ใช้อยู่ประมาณคนละ 4-6 ผืน (ควรตรวจสอบสภาพลมฟ้าอากาศก่อนออกเดินทาง มิฉะนั้น "หนาว" แน่ ๆ)

คืออากาศที่นี่จะต่ำกว่าทั่วไปประมาณ 2-4 องศา ต้องบวกลบกันมาให้ดี โดยเฉพาะสุภาพบุรุษที่นอนเต๊นท์

ต้องบวก "ลม" เข้าไปอีกด้วย เพราะลมแรงมาก

แรงขนาดไหนเหรอ...?

แรงขนาดที่ประตูกระจกที่ติดอลูมิเนียมอยู่ หลุดออกมาได้เลย

เอ่... หรือว่าไม่ใช่ลมแรง หลุดเพราะว่าช่างเขาติดประตูไม่ได้มาตรฐาน 555

เอ่... เดี๋ยวพูดเรื่องลม เรื่องความหนาวเยอะคุณดิเรกจะไม่กล้ามา

แต่คนที่จะมาก็ต้องเตรียมผ้าห่มและเสื้อกันหนาวมาให้พร้อม หนาวจริง ๆ นะ มิใช่หนาวเล่น ๆ...

เข้ามารายงานตัวเจ้าค่ะ

อืม แสดงว่ารอบนี้

ชมรมนักปั่นสัญจร ครั้งนี้

จะมีสมาชิกเพิ่มใช่ไหมค่ะ

เข้ามายิ้มต้อนรับเจ้าค่ะ

ท่าน Mr. Direct

 

(^___^)

ถ้าไปรถเมล์จะถึงอย่างไรคะ

"เรื่องปล่อยวางนี้ ไม่ใช่ไม่ทำ แต่ให้ทำด้วยการปล่อยการวาง

ตอนทำก็ทำให้ดีที่สุด รอบคอบ และใช้ "ปัญญา" ให้มากที่สุด

ทำครั้งหนึ่งเสร็จแล้วก็ปล่อย ทำจบครั้งหนึ่งแล้วก็วาง

ทำให้เต็มที่ ทำให้เต็มที่..."

พอเข้าใจ แต่ไม่ลึกซึ้ง มันลวงใจ เหมือนจะเข้าใจเรื่องปล่อยวางแล้วก็ไม่วางซักที

ขอบพระคุณค่ะ

ถ้าไปรถเมล์จะถึงอย่างไร...?

อื่ม... มาได้สองทาง

ทางแรกไปลงที่ "ปากช่อง"

ทางที่สองไปลงที่ "โคราช (นครราชสีมา)"

ส่วนจากปากช่อง มาที่นี่ก็ประมาณ 70 กิโลเมตร

เนี่ยแหละปัญหาว่า จะมาอย่างไร...?

เคยเห็นรถโดยสารวิ่งอยู่คันหนึ่ง เป็นรถบัสเก่า ๆ อื่ม... ไม่แน่ใจว่าสาย "ปากช่อง-วังหมี" หรือเปล่า...?

อื่ม... ต้องหาข้อมูลก่อน เพราะทางที่แยกเข้ามานี้ไม่ค่อยเห็นรถโดยสารสักเท่าไหร่

เป็นเส้นทางระหว่าง "เขาใหญ่- อ.วังน้ำเขียว"

แต่ถ้ามาจากทางโคราช ใกล้ที่สุดก็ลงตรงปากทาง "ตลาด 79"

จากตลาด 79 แยกมาทางเขาแผงม้าประมาณ 16 กิโลเมตร ก็จะถึงโรงเรียนบ้านบุเจ้าคุณ ก่อนถึงอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงประมาณ 100 เมตร (คือ อ่างเก็บน้ำอยู่หลังโรงเรียนเลย) เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 1.5 กิโลก็จะถึงวัด ทางตันไปไหนไม่ได้แล้ว...

แต่รถโดยสารที่จะวิ่งเข้ามานี่น่ะสิ "ปัญหา..."

ต้องหาข้อมูลก่อน ไม่ทราบจริง ๆ...

ถ้าปล่อย ถ้าวางไม่ได้ หรือยาก ก็ให้ใช้วิธีการ "ลืม" แทนก็ได้

ทำอะไรเสร็จก็ลืม ๆ มันไปซะ

เขาชมก็ลืม เขาด่าก็ลืม ลืมไปให้หมด

เรื่องอะไรต่ออะไรที่ผ่านมาแล้วก็ "ลืม ๆ" มันไป

ไม่ต้องมาเก็บไว้ให้ทุกข์ ให้ "เสียดาย..."

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท