ธรรมฐิต
พระ(มหา) วิชิต ชิต สมถวิล(ฐิตธมฺโม)

อย่าทำให้มันหนักสิ


วันนี้ตื่นเช้าทำธุระเสร็จสรรพ  ออกไปทำธุระในกรุงเทพต่อ

กว่าจะกลับถึงที่พักบ่ายสาม  รู้สึกปวดหัว(ความจริงปรากฏอีกแล้ว)

เลยพักรูปนามนี้ให้มันหน่อยนึง  บางครั้งไม่ใช่สิน่าจะทุกครั้ง

เมื่อสิ่งที่เราเรียกว่าความทุกข์เกิดกับเราจะหนักหนา

หรือเบาบางอย่างไรที่เกิดขึ้นกับเราไม่สำคัญ

แต่ทว่าตัวเรามีท่าทีหรือรู้สึกเป็นไปกับมันในแนวทางไหนต่างหาก

ยังไงก็ช่างเราต้องไม่ปฏิเสธผลักใส่ไล่ส่งมัน 

ยอมรับว่านั้นคือความจริงที่ได้เกิดขึ้นแล้ว

อย่ามัวโทษสิ่งต่างๆ  ต้องตั้งสติแล้วเริ่มหาวิธีที่จะซ่อมแซมมัน

อย่างหน้าชื่นตาบานให้ได้  แม้หากว่าเจ้าตัวทุกข์ที่ว่านั้นมันยังอยู่กับเรา

ก็ต้องคอยเรียนรู้กับมันอย่างเพื่อนสนิทให้ได้  ถ้าเราหน้าถมึงทึงใส่มัน

มันก็ต้องทำร้ายเราจนได้(ตามจริงคือเราทำร้ายเราเองแหละ)

อย่าอยู่กับอดีตที่ผาสุกมากไปและก็อย่าสรรสร้างอนาคตในทางเลวร้าย

ทั้งนี้ก็ไม่จมปลักอยู่กับเจ้าตัวทุกข์  พอเรารู้จักมันดีพอมันก็จะอยู่ในบังคับบัญชาเราโดยละม่อมไปอย่างง่ายดาย 

บางครั้งของนิดเดียวแบกถือไว้นานๆก็หนักอึ้งทีเดียว

เคยอ่านหนังสือเล่มนึงนานแล้ว(จำชื่อหนังสือไม่ได้อีกแล้วจำไรได้บ้างเนี่ย)

เรื่องมีประมาณว่า  มีลูกศิษย์พระเถระผู้หนึ่ง  ไปเยี่ยมเยียนที่วัด

ท่านก็ถามไถ่ความเป็นไปในหน้าที่การงาน  ลูกศิษยืก็สาธยายให้ฟังว่า 

ช่วงนี้หนักมากหลายอย่างหลายประการ 

พระเถระฟังแล้วแทนที่จะช่วยแนะปลอบใจก็ไม่แนะ

แต่ท่านให้นั่งคุกเข่าแล้วให้ยื่นมือมาทั้งสอง  จึงวางกระดาษแผ่นบางๆไว้บนมือ

แล้วสั่งว่านั่งถือไว้งี้แหละอย่าไปไหนละจนกว่าอาตมาจะมา..

สิบนาทีผ่านไปยังไม่มาจนยี่สิบนาทีเข้าแล้ว  ลูกศิษย์เริ่มเหนื่อยเข่าอ่อน

เหงื่อแตก  รู้สึกหนักขึ้นเรื่อยๆ  แทบจะถือไว้ไม่ไหว..

พอพระเถระออกมาถามว่า...เป็นไงบ้างละ..

เขาตอบว่า..หนักขอรับท่านอาจารย์  เมื่อยจนจะทนไม่ไหวแล้ว..

ท่านกล่าวว่า...อ้าวแล้วทำไมไม่วางละ 

ถือไว้อย่างนั้นจะเป็นอื่นได้ไงก็หนักละซี....

นี้ขนาดกระดาษเบาเมื่อถือไว้นานยังทำให้หนักได้  ไม่ว่าทุกข์จะหนักเบา

ถ้าเราไม่ยึดไม่ถือก็ ก็ทำไรเราไม่ได้เช่นกัน 

อ่านถึงตรงนี้ลองหันดูรอบๆตัวเราสิ

ว่ามีตู้เตียงอะไรที่เราเห็นว่ามันใหญ่นะ 

มันจะหนักก็ต่อเมื่อเรายกเราแบกมันไว้เท่านั้นใช่หรือไม่ละ

 

ดังนั้นจงมีสติทำความรู้จักกับมัน  รู้เท่าทันแม้งานยุ่ง

ปัญหามาก หนักเบาอย่างไร  ก็สุขได้ขอรับ

ธรรมะสวัสดีขอรับ..

 

คำสำคัญ (Tags): #ธรรมฐิต
หมายเลขบันทึก: 302759เขียนเมื่อ 2 ตุลาคม 2009 19:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

กราบนมัสการท่านธรรมฐิตเจ้าค่ะ

หนักอกหนักใจ ถ้าปล่อยวางได้ก็จะเบา แต่หนักหัวสิคะ...ต้องพักอย่างเดียวเท่านั้น (ถ้าพักแล้วยังไม่หายคงต้องหาหยูกยามารักษาด้วย)

รูปนามเราก็ต้องการการดูแลรักษา.....เพราะรูปนามนี้นับเป็นสาเหตุหนึ่งของทุกข์แม้ว่าใจจะไม่แบกมันไว้ก็ตาม

ตอนนี้ภาระงานมากมาย แต่ก็จะพยายามไม่แบกมาให้หนักใจเจ้าค่ะ

น้อมรับข้อธรรมะเจ้าค่ะ

นมัสการค่ะ...หลวงพี่

มาน้อมรับธรรมเพื่อน้อมนำไปปฏิบัติค่ะ..."หนักจริง ๆ หากถือหากแบกไว้ แค่กระดาษเบา ๆ เพียงแผ่นเดียว หนักอึ้งถึงเพียงนี้...แล้วเรื่องราวในชีวิต...ที่มนุษย์นำมาแบกมาหามไว้ล่ะ...จะหนักมากมายสักเพียงใด"...ให้ข้อคิดเตือนสติเจ้าค่ะ...Vij จะพยายามไม่แบกไม่หามความทุกข์ไว้เจ้าค่ะ...เพราะรู้ตัวว่าตนเองไม่มีเรี่ยวแรงพอ...ที่จะหามที่จะต้านทานหรือรับน้ำหนักสิ่งเหล่านั้นได้ไหว...แม้เพียงกระดาษแผ่นเดียว...จึงขอวางไว้...ในที่ที่ควรอยู่ ควรเป็นไปเจ้าค่ะ...ขอสันติภาพจงมีแด่เพื่อนมนุษย์

ขอบพระคุณเจ้าค่ะ

Pใช่ๆเรื่องป่วยกายนี้ต้องรักษา

จะเถียงคุณหมอดาวฟ้าได้ไงละ..

โรคกายต้องหาหมอถ้าหนัก

บางอย่างรักษาก็หาย

บางอย่างไม่รักษาก็หาย

หรือบางอย่างไม่มีทางรักษาตายสถานเดียว(ไม่รู้ถูกตามหลักวิชาการหมอเปล่า)

แต่โรคใจนี่สิไม่มีหมอไหนรักษาให้เราได้

นอกจากตัวเราเองและมีทางรักษาแน่นอน

ธรรมฐิตก็กำลังเรียนหมออยู่เหมือนกัน

แต่ตอนนี้เป็นได้แค่คนเข็ญรถผู้ป่วยไปก่อนละกัน

ธรรมะยามเช้าขอรับ..

 

Pอ้าวนี่ถ้าอาจารย์..มีเรี่ยวแรงพอคิดจะแบกมันไว้ละสิ..

ทุกอย่างอยู่ที่ใจเราว่าให้ความสำคัญมันมากน้อยเพียงใดขอรับ..

สาธุๆๆ

นมัสการเจ้าค่ะ

  • การรู้เท่าทันมัน...เกิดจากการฝีกให้ยอมรับ  มากกว่าคำว่า...ช่างหัวมัน
  • พี่คิมเข้าใจแบบนี้ถูกไหมคะ
  • เพราะคำว่า...ช่างหัวมัน  ก็จะตกไปอยู่ภายใต้จิตสำนึก  อาจจไม่เป็นผลดีเลย
  • พี่คิมพยายามทำอย่างแรก  ปฏิเสธคำว่า...ช่างหัวมัน 
  • เช่นเดียวกับบันทึกนี้  ถูกหรือผิดประการใดเจ้าคะ

Pใช่แล้วพี่ครู..

บางครั้งเราจะ..ช่างหัวมันไม่ได้..

เพราะการช่างหัวมันเท่ากับการปฏิเสธในสิ่งที่เกิดขึ้นในบางสถาณการณ์ก็เป็นได้..

ทำความรู้จักกับมันเป็นดีที่สุดขอรับ..

ที่ท่านธรรมฐิตกล่าวมาถูกต้องตามหลักวิชาการหมอและหลักความจริงเจ้าค่ะ...บางโรคไม่รักษาก็หาย บางโรครักษาแล้วหาย แต่บางโรคก็ตายสถานเดียว....

ตอนนี้กำลังเรียนเป็นหมอรักษาโรคใจค่ะ หากท่านอาจารย์ธรรมฐิตเป็นคนเข็นรถผู้ป่วย ดาวก็ยังคงเป็นยามเฝ้าหน้าประตูโรงพยาบาลเจ้าค่ะ ระยะทางการเรียนรู้ยังอีกยาวไกล....

Pแบบว่าธรรมฐิตต้องทำให้รู้ทุกตำแหน่งนะเพื่อจะได้ประสบการณ์

ว่าไหมดาวฟ้า..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท