สวัสดีค่ะ สำหรับบล็อกนี้ ดิฉันได้นำ การทำ KM ของสำนักงานเลขานุการคณะสาธารณสุขศาสตร์ มาเล่าให้ท่านๆ ทั้งหลายได้รับรู้กันค่ะ ซึ่งเป็นผลอันเนื่องมาจากการที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ ได้มีการทำ KM ขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติเกิดแรงจูงใจในการทำ KM ระดับสำนักงานเลขานุการคณะฯ
สำนักงานเลขานุการคณะฯ
ต้องการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการประกันคุณภาพการศึกษาระดับหน่วยงานย่อย
และอยากฝึกทักษะในการทำ KM ซึ่งเป็นการตอบรับที่ดี
หลังจากการจัดโครงการอบรมความรู้ด้านประกันคุณภาพการศึกษา
ที่ได้ใช้เทคนิคเพื่อนช่วยเพื่อน (Peer assist)
โดยการเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ รศ. เทียมจันทร์ พานิชย์ผลินไชย
มาเล่าเรื่อง การทำKM ที่คณะศึกษาศาสตร์ เมื่อวันที่
27 เมษายน 2549 ให้ฟัง ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการอบรม
ได้ฝึกใช้เทคนิค AAR บุคลากรของสำนักงานจึงมีแรงบันดาลใจ
ในการที่จะนำ KM มาใช้เป็นเครื่องมือที่จะนำไปสู่จุดหมาย
จึงจัดประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในวันนี้ขึ้น (วันที่ 2 พฤษภาคม 2549)
โดยมีเป้าหมายของการทำ KM
เพื่อพัฒนาการประกันคุณภาพการศึกษา
ระดับหน่วยงานย่อย
การทำ KM วันนี้ ใช้ โมเดลปลาทู
เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทุกคนตกลงร่วมกันในที่ประชุม
ต้องการที่จะประเมินตนเอง ในส่วนความพึงพอใจของผู้รับบริการ
ที่มาใช้บริการของสำนักงานเลขา ฯ
เพื่อที่จะได้นำผลมาปรับปรุงงานของตนเอง จึงมี
หัวปลา
ในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ คือ ทำอย่างไร จะทราบว่า
ผู้รับบริการพึงพอใจในงานของสำนักงานเลขานุการคณะ ฯ
หลังจากนั้นในส่วนของ ตัวปลา ที่เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
มีการแบ่งปัน โดยให้หัวหน้างานแต่ละงาน
เล่าเรื่องที่ตนเองมีประสบการณ์ ในการประเมินความพึงพอใจในงานของตน
ที่เคยทำมา เมื่อปีที่แล้ว พลัดกันเล่า ทุกงาน มีการแลกเปลี่ยน
โดยคุณอำนวย
เล่าประสบการณ์ที่เคยประเมินความพึงพอใจในส่วนของโรงพยาบาล
(HA) หลังจากนั้น ก็มีการวางแนวคิด วิเคราะห์ผู้รับบริการ
ของสำนักงานเลขา ฯ ในการที่จะประเมินในปีนี้ โดยทุกคนมีส่วนร่วม
ผลจากการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ได้แนวคิด ซึ่งประกอบด้วย คำจำกัดความ
การวิเคราะห์ผู้รับบริการ ประเด็นที่จะสำรวจความพึงพอใจ
เกณฑ์การให้คะแนน แบบสอบถามผู้รับบริการภายนอก และดัชนีที่ 10.5
ของสำนักงานเลขา ฯ ส่วนสุดท้าย หางปลา
มีการบันทึกสรุปผลการประชุมวันนี้
และบันทึกผลจากการแลกเปลี่ยนครั้งนี้
การทำ
KM วันนี้ ถือเป็นการปฏิบัติงานที่
เน้นคุณค่าและมูลค่า (value-add)
เน้นที่คน เน้นที่กระบวนการ/ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคน
ที่จะเพิ่มคุณค่าและมูลค่าซึ่งกันและกัน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงบวก
โดยสำนักงานเลขา ฯ ต้องการยกระดับคุณค่าของงานตนเอง
และบุคลากรยกระดับปัญญาและทักษะการปฏิบัติงาน ส่งผลให้สำนักงานเลขา
ฯ ส่งมอบงานที่มีคุณภาพ
ให้แก่ผู้รับบริการต่อไป
การทำ KM ครั้งนี้ สอดคล้องกับ KM ภาคปฏิบัติวันละคำ ของ
นพ. วิจารณ์ พานิช คำที่ 49 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
KM
(ภาคปฏิบัติ) วันละคำ :
49. คุณค่าและมูลค่า
• คุณค่าและมูลค่า (value) คือเป้าหมายหลัก
ไม่ใช่ประสิทธิภาพ (efficiency)
ที่จริงเราต้องการทั้งสองอย่าง แต่ตัวหลักคือคุณค่า
• การบริหารแบบเน้นประสิทธิภาพ (ลงทุนน้อย ได้ผลมาก)
เป็นการบริหารแบบล้าหลัง
ตกยุค เป็นหัวใจของการบริหารแบบ Reengineering
ซึ่งตกยุคไปแล้ว เพราะนำไปสู่การปลดคนออก
ทำให้พนักงานหมดขวัญกำลังใจ ด้อยในมิติของความเป็นมนุษย์
• การบริหารงานแบบเน้นคุณค่าและมูลค่า (value-add)
เน้นที่คน เน้นที่กระบวนการ/ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนที่จะเพิ่มคุณค่าและมูลค่าซึ่งกันและกัน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงบวก
ไม่ใช่การเพิ่มประสิทธิภาพเชิงลบโดยการลดจำนวนพนักงาน
• การ ลปรร. ความรู้จากการปฏิบัติ เสริมด้วยการ ลปรร.
ความรู้จากทฤษฎี
เป็นวงจรต่อเนื่องไม่รู้จบ นำไปสู่การเพิ่มคุณค่าและมูลค่าไม่รู้จบ และสามารถยกระดับสู่ภพภูมิใหม่
(New Order) ของความรู้และการปฏิบัติงานได้
• องค์กรต้องสร้าง “ขาขึ้น” โดยการเพิ่มคุณค่าและมูลค่า
(แก่ธุรกิจของตน แก่องค์กร แก่เจ้าของ/ผู้ถือหุ้น
แก่พนักงาน และแก่สังคม) อยู่ตลอดเวลา
ทั้งที่เป็นการเพิ่มทีละเล็กทีละน้อย
และการเพิ่มแบบก้าวกระโดดเป็นระยะๆ
นี่คือการคิดและดำเนินการเชิงบวก
ตรงกันข้ามกับการคิด/ทำเชิงลบ ในบรรยากาศ “ขาลง” โดยการลดค่าใช้จ่าย
ลดคน
• “ยกระดับคุณค่าขึ้นทั้งแผง”
คือสภาพในอุดมคติ
ลูกค้าได้สินค้า/บริการที่พอใจและยกระดับความพอใจขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
องค์กรก็ยกระดับความสามารถในการแข่งขันขึ้น
พนักงานยกระดับปัญญาและทักษะ
บริษัทลูก/ผู้ส่งวัตถุดิบ ก็ได้ยกระดับคุณค่า
สังคมได้อยู่ดีมีสุข มีความมั่นคง
ยกระดับมาตรฐานชีวิต KM
นำไปสู่สภาพนี้ได้
• จงคิดให้ชัด ปรึกษาหารือกันให้ชัด
ว่าคุณค่าของงาน/สินค้า ของท่าน/กลุ่ม/องค์กร
คืออะไร มองให้ลึก
จนเห็นโอกาสในการพัฒนาและแข่งขันโดยการสร้างคุณค่าที่ใครๆ
ก็ต้องเอ่ยถึง และคู่แข่งสู้ยาก
• การให้/ยอมรับ คุณค่า/มูลค่า
แตกต่างกันในลูกค้าต่างกลุ่ม
ดังนั้นการขับเคลื่อนด้วยการสร้างคุณค่า/มูลค่า ต้องมาจากพลังดึงดูด
(pull) โดยลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ
ความรู้ความเข้าใจระบบคุณค่าของลูกค้าจึงมีความสำคัญยิ่ง
และต้องไม่ลืมว่าสิ่งนี้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ไม่ได้หยุดนิ่ง
ยินดีต้อนรับค่ะ ถึงจะช้าไปสักหน่อย ขอให้เขียนออกมามาก ๆ นะคะ จะรออ่านค่ะ :)