ชมรมนักปั่น "สัญจร" ครั้งที่ ๑


นับตั้งแต่เมื่อวานนี้ (วันศุกร์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๒) สมาชิกชมรมนักปั่นได้ไปรวมหัวและรวมตัวกันที่ "วังน้ำเขียว"

สมาชิกสองท่านแรกที่เดินทางไปถึง "ห้องประชุมหลังใหญ่" ก่อนใครก็คือ Ka-Poom และ ใบไม้ร้องเพลง ไปถึงช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้

และเราเองมีกำหนดการเดินทางออกจากปทุมธานีช่วงเวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น. ด้วยสัมภาระเต็มหลังกระบะรถปิ๊คอัพของ "เฮียหมู" ซึ่งพรรษานี้รับหน้าที่พาเราไปรับ "รับอรุณ" และ "เหยียบแผ่นดิน" ณ วังน้ำเขียว ซึ่งเป็นสถานที่ที่อธิษฐานจำพรรษาทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละหนึ่งครั้งตลอด ๓ เดือน

ซึ่งครั้งนี้ก็อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้กลับไป "รับอรุณ" ณ วังน้ำเขียว เพราะสัปดาห์หน้าก็ออกพรรษาแล้ว ซึ่งการปวารณาออกพรรษานี้สามารถปวารณาที่นี่ (ปทุมธานี) ได้เลย

และได้รับข่าว "เกือบดี"  อีกหนึ่งข่าว ก็คือ ทราบว่าจะมีสมาชิกเดินทางไป "รวมหัว" กันอีกหนึ่งท่านคือ Giant bird ซึ่งตอนนี้ทาง Ka-Poom และ ใบไม้ร้องเพลง กำลังรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อว่า "ชมรมนักปั่นสัญจรครั้งที่ ๑" นี้จะมีใครเข้าร่วมวง "สุนทรียสนทนา" กันบ้าง...?

 

พรุ่งนี้เราเองก็จะขอ "พัก" งานก่อสร้างไว้หนึ่งวันหลังจากที่ทำติดต่อกันมานาน

ช่างที่นี่เองก็ไม่หยุดงานมาสองสัปดาห์แล้ว งานก็หนักอยู่ โฟร์แมนก็จู้จี้ จุกจิก (เราเอง) ต่างฝ่ายต่างก็เครียดกันน่าดู เฮ้อ...ทำไงได้เน๊อะ "ผีรออยู่..."

แต่ทว่า... คนเราทำงานหนัก ๆ นั้นก็ต้องรู้จัก "เปลี่ยนอารมณ์" กันบ้าง

การจมอยู่กับ "อารมณ์เดิม ๆ" นั้น ไม่เป็นประโยชน์ต่อจิตใจเลย

 

ดังนั้นวันนี้ชมรมนักปั่นจึงต้องสัญจรไปยัง "วังน้ำเขียว"

เดินทางเพื่อไปสู่ "บ้านหลังใหญ่" อันเป็น "บ้านที่แท้จริง..."

 

หมายเลขบันทึก: 300965เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2009 12:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

นมัสการท่านสุญญตาเจ้าค่ะ

เป็นที่น่าเสียดายสำหรับตนเองเป็นอย่างยิ่งที่กระโดดลงไปฝึกว่ายน้ำในรอบนี้ไม่ทันทุกท่าน

นัดหมายอาจารย์กะปุ๋มแล้วตัวเองก็ หาวิธีการว่าทำอย่างไรจะไปสมทบได้

ความหวังอยู่ที่ กัลยาณมิตรอีก หนึ่งท่านคือ blue_star ซึ่งปกติจะเป็นสารถีชั้นดีที่ไปไหนไปกัน

โดยเฉพาะไปวัดนี่ถึงไหนถึงกัน  แต่รอบนี้ blue_starติดภารกิจสำคัญ

ต้องกลับบ้านไปเติมกำลังใจคุณแม่ซึ่งนัดหมายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

และวันนี้ภาระทางโลกของคนเป็นแม่แบบที่ไม่ได้รับแจ้งมาก่อนหน้านี้คือ

 ต้องพาลูกไปสอบ English contest ณ วันนี้เหตุผลใดๆ ก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าหน้าที่ดูแลลูก

แต่ถ้าปกติ ไปไหนก็จะไปด้วยกันกับลูกค่ะ ไปวัดก็ไปด้วยกัน ตอนนี้ 10 ขวบแล้วค่ะ

 Giant bird เป็นคนตัวอ้วนสัมภาระเยอะถ้าเหตุผลไม่เพียงพอจะออกจากบ้านไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบอกเขาว่าจะไปกราบองค์หลวงพ่อ

ไปพบกัลยาณมิตรที่หวังว่าชีวิตนี้ต้องหาโอกาสมาพบปะ สนทนาสักครั้ง ยิ่งแล้วใหญ่

 เพราะตอนนี้คนที่บ้านเกรงว่าเราจะหลุดจากวงจรการเป็น"คน"ไปซะนี่

ตัวเองจึงยังต้องปฏิบัติอีกเยอะมาก ปฏิบัติด้วยความเนียนเรียบเป็นวิถีชีวิตปกติ

ให้คนรอบตัวมั่นใจได้ไม่แปลกแยกว่า คนปฏิบัติธรรม ก็คือคนธรรมดาที่มีวิถีชีวิตปกติคล้ายคนอื่นๆ

เราไม่ได้โกนหัว ไม่ได้ทิ้งครอบครัวไปอยู่วัด แต่เราฝึกฝนจิตใจเพื่อความลด ละ และวางเท่านั้นเอง

 ขอเวลาปรับกระบวนทัศน์ของครอบครัวก่อนนะกัลยาณมิตรทุกท่าน

หากมีบุญพอ สักวันคงได้พบ หากไม่ตายซะก่อน หวังว่าคงให้โอกาสอีกสักครั้ง

 กราบขออภัยที่เป็นเหตุให้ท่านเปิดเผยที่อยู่แห่งความสงบที่ปิดมานาน

                                                                           นมัสการด้วยความเสียดายอีกครั้ง

ไม่มีปัญหา ถ้าหากยังไม่ตายจากกันไปเสียก่อนคงไม่แคล้วต้องได้ "สัญจร"

มา "เสวนา" กัน เมื่อวานได้มีโอกาส "เสวนา" กับ Ka-Poom และ ใบไม้ร้องเพลง เรื่องราวความเป็นมา เป็นไปของโลกใบนี้ G2K อยู่ร่วม 2 ชั่วโมง

ก็ได้รับทราบข่าวคราวที่เรา "ตกข่าว" มาระยะหนึ่ง (เกือบ 3 ปี) 

สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ นั้นต้องให้ทั้งสองท่านมาเล่าให้ฟัง เพราะอยู่ที่ "บ้าน" หลังนั้น 5 วันด้วยกัน

คงจะมีอะไรพิเศษ ๆ มาเล่าให้ฟังอยู่มากโข

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องให้เล่าให้ได้คือ เรื่อง "ปาท่องโก๋" ต้องรีบสอบประวัติด่วนว่าได้สูตรปาท่องโก๋รสเด็ดของ "โยมม่วย" มาหรือเปล่า ถ้าได้มาล่ะก็ ต้องให้เปิดเป็น "ชมรมนักปั่นชวนชิม"

วันนี้ต้องขอออกตัวล่วงหน้าว่า "มึน ๆ" สมองตื้อ ๆ เขียนอะไรไปก็งง ๆ นิดหน่อยนะ ถ้าถือสากันเน๊อะ เพราะเป็นตามประสา "คนโง่"

คนโง่ก็อย่างนี้แหละ มึน ๆ งง ๆ บ้างเป็นบางครั้ง บางคราว

ตอนนี้ขอไปรวบรวมสติสักเดี๋ยว จะกลับเข้ามาถ่ายทอด ร้อยเรียง "กิจกรรม" ที่เกิดขึ้นให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง

ณ ผืนแผ่นดินแห่งบ้านพ่อ

กราบเท้าลาพ่อผู้ให้กำเนิดและเมตตา...ต่อสรรพสัตว์อย่างหาประมาณมิได้...

คำโอวาทแห่งการสอนสั่งในเรื่องอย่าเห็นแก่ตัว...ให้เสียสละให้มาก ทำประโยชน์ต่อผู้อื่น เพื่อผู้อื่นให้มาก ยังดังก้องอยู่ในจิตในใจนี้

พ่อให้พลังแห่งใจอันยิ่งใหญ่แห่งรสพระธรรม การกลับไป ณ ผืนแผ่นดินนี้อีกครั้ง คือ การเสียสละอันที่ไม่เคยได้เสียสละมาก่อน ทำงานทดแทนพระคุณพ่อแห่งผืนแผ่นดิน เห็นพ่อทำงานหนัก แต่ใบหน้าแห่งจิตวิญญาณท่านเบิกบาน ...

ลูกๆ ของพ่อต่างอุ่นใจและล้วนแล้วแต่เป็นผู้เสียสละ...

เสียสละแห่งใจ...

ประโยคแรก ณ วันตะวันโพล้เพล้ พ่อว่า "คนที่เป็นดอกเตอร์ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผู้เสียสละไปทุกคน เราจงภูมิใจในความเป็นเราที่เราได้ฝึกตนในความเสียสละ ภูมิใจ มั่นใจในความดีงามในจิตใจเรา" ช่างเป็นน้ำทิพย์ชะโลมใจยิ่งนัก...

ไม่เสียชาติเกิด ที่ชาตินี้ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อท่าน...

บ้านหลังใหญ่..ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นใจ...

เป็นที่พักพิงสำหรับ...การนำพาไปสู่ความก้าวหน้าจากอาการโง่ดักดาน ให้พอเป็นผู้หายโง่ได้บ้าง...

ร่ำลาพ่อเมื่อตอนบ่าย...ขับรถออกมา ฝนตกตลอดเส้นทาง แต่ขับด้วยความระมัดระวัง อย่างที่พึงรักษาหน้าที่นี้ มีจิตที่มุ่งมั่นมาทำงานรับใช้ความเสียสละต่อ และได้บอกกับตัวเองว่างานใดก็ไม่เทียมเท่างานทำความดี ทำความเสียสละเพื่อบูชาพ่อ บูชาแผ่นดินนี้

 

เจ๊...เฮียหมู เชียร์มากเรื่องปาท่องโก๋...

ได้แต่ไปนั่งดู เพราะเกรงว่าจะเป็นเปรต ที่ขาดความอดทนทานก่อน เฮียหมูขู่จนขวัญวงปาท่องโก๋...แตกกระเจิง

แต่ก็กลับมารวมตัวกันได้อีกครั้ง

หยิบทานไปหนึ่งชิ้น...อืม

กรอบนอกนุ่มใน ... สมกับคำล่ำลือ ใช้ได้ใช้ได้

ณ บ้านหลังใหญ่นี้ ...หากว่าคนชอบปั่นเกลียวความรู้ได้มาเจอ มานั่งล้อมวงคุยกันดั่งที่เราได้คุยกันในบ่ายวันสบายๆ ลมเย็นๆ... นี่ก็ดูท่าจะดีเหมือนกันนะ

แต่ใครเล่าจะกล้ามาได้เนี๊ยะ... เพราะแล้วต้องโดนตีตราแห่งใบหน้าทางโลกว่า ท่านคือ ผู้โง่หนา...ยอมรับต่อตนเองได้เหรือเปล่าเล่าว่า ตนนั้นคือผู้โง่...

บ้านเรานี่เป็นบ้านแห่งการฝึกฝนคนโง่...ให้หายโง่นา...

หรือว่าอย่างไร...?

อื้ม... เอากับเขาด้วยรึ!!!

ตอนเย็นวันอาทิตย์ระหว่างนั่งรถกลับมา เฮียหมูบ่นแม่บ้านแกใหญ่เลย

บอกว่าไปกินกับเค้าได้อย่างไร "เปรต" นะ "เปรต" พระพุทธเจ้าสามพระองค์เลยนะกว่าจะได้ไปผุดไปเกิด...

ตอนแรกเราก็งงว่าเรื่องอะไร ฟังไปฟังมาถึงเข้าใจว่าเรื่อง "ปาท่องโก๋" นี่เอง...

พญามารมาลอง "วิชา" หน่อย ถึงกับ "เผลอ" หยิบไปหนึ่งชิ้น

ความมั่นคง และมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญ

คำชักชวนของผู้อื่นนั้น ถ้าหากขาดสติแล้วมักจะ "หลง" ไปตามคำชักชวนเหล่านั้น...

เอ่... สงสัยจะเป็นวิชาการมากเกินไปซะแล้วเรา แบบสบาย ๆ ดีกว่าเน๊อะ!

สรุปว่า "ชมรมนักปั่นสัญจร ครั้งที่ ๑" นี้มีสมาชิกมาร่วมวงสนทนาตามภาษาคนโง่ด้วยกัน ๓ คน เอ่ ไม่ใช่สิ ๔ คน แต่หนุ่มคนนั้นเขานั่งอดทนฟังเราได้นานทีเดียวเชียว

เรื่องของการตีตราแห่งใบหน้าว่าเป็นผู้โง่นั้น ที่จริงไม่ต้องตีตราเพราะที่เราได้อัตภาพนี้ที่เกิดมาก็เพราะว่าชาติก่อน ๆ แล้วก็ "โง่" มาพอสมควร

ถ้าไม่โง่คงจะนิพพานกันไปหมดแล้ว...

การสัญจรในครั้งนี้ เราได้ "ประกาศ" ปฏิณญา "ความโง่" ให้ฟุ้งขจร กระจาย

การยอมรับความโง่ เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขความโง่

เอาอย่างนี้ คราวหน้าถ้าหากใครยังไม่กล้ามา คือ สรุปเอาว่า "ไม่กล้าโง่" ก็ขอให้ชวนเขามา "เจ๊าะแจ๊ะ" กันก็พอ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป

ชวนเขามา "เจ๊าะแจ๊ะ" พาไปล้างห้องน้ำบ้าง ทำกับข้าวบ้าง เจ๊าะแจ๊ะอย่างเสียสละไปเรื่อย

แต่ก่อนที่จะชวนเข้ามา "เจ๊าะแจ๊ะ" นั้น วันนี้มีการบ้านฝากให้ทำ คือให้นำ "สก๊อตไบร์ท" ถือเข้าไป "ล้วง" คอห่านโดยด่วน เดี๋ยวจะไม่ครบหลักสูตรนะ

มีเรื่องตลกเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง

เมื่อก่อนตอนที่บวชใหม่ ๆ ที่วัดจะมี "สก็อตไบร์ท" อยู่สองประเภท คือ ประเภทที่เป็นตาข่ายสีขาว แล้วตัวฟองน้ำก็เป็นสีเขียว สีฟ้า สีชมพู นี้แบบหนึ่ง

อีกแบบหนึ่งเป็น "สก็อตไบร์ท" จริง ๆ คือ มีฟองน้ำเหลือง ๆ ด้านหนึ่ง แล้วอีกอย่างหนึ่งเป็นสก็อตไบร์ทสีเขียว

ผ้าขาว (คนที่เตรียมบวชหรือมาถือศีลอยู่ที่วัด) และพระบวชใหม่มักจะหยิบสก็อตไบร์ทไปใช้ผิดประเภท

เอ่... วันนี้ตื้อ ๆ พิกล เล่า ๆ ไป ติด ๆ ไป ถ้าไม่ตลกก็อย่าว่ากันนะ

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า

จะมีหลาย ๆ ครั้งที่มีคนหยิบสก็อตไบร์ทอย่างที่สอง คือ รุ่นที่มีฟองน้ำสีเหลืองด้านหนึ่งแล้วก็มีสก็อตไบร์ทอีกด้านหนึ่งมา "ล้างแก้ว" อยู่เป็นประจำ

พอเราเห็นเข้าก็อดขำไม่ได้ เพราะเจ้าสก็อตไบร์ทรุ่นนี้เขาเอาไว้ "ล้วงคอห่าน"

แต่ก็โทษเขาไม่ได้นะ เพราะสก็อตไบร์ทเจ้ากรรมก็วางอยู่ที่เดียวกัน

อุปกรณ์ในการล้างห้องน้ำหลัก ๆ นั้นจะมีอยู่ ๔ อย่างด้วยกัน คือ

๑. น้ำยาล้างห้องน้ำ

๒. แปรงขัดพื้น (ด้ามยาว)

๓. สก็อตไบร์ทที่ว่านี้

และ ๔. คือ ผ้าถูพื้น

เวลาล้าง เราก็จะใช้แค่น้ำยาล้างห้องน้ำ ชนิดอ่อนหน่อย ส่วนใหญ่จะเป็น "เป็ด (ขวดสีม่วง)" เพราะถ้าแรงกว่านี้จะกัดมือ เพราะเราไม่ได้ใส่ถุงมือ

เวลาล้าง เรามีแค่เป็ดกับสก็อตไบร์ท สก็อตไบร์ทนี้ใช้ล้างทุกอย่างในห้องน้ำ (ยกเว้นพื้น) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้อง "ล้วง" ลงไปล้างในหอห่านให้ "ขาวจั๊วะ..."

อื่ม... แล้วคิดดูนะว่า หากใครหยิบผิดมาล้างแก้วน้ำคงอร่อยกันน่าดู

เมื่อล้างโถ ล้างฝาหนังเสร็จ ก็ถึงคิวพื้น อันนี้ธรรมดา เพราะมีแปรงด้ามยาวขัดกันอยู่แล้ว

เมื่อล้างน้ำให้สะอาดแล้ว ก็จะใช้ผ้าถูพื้นเช็ดให้แห้ง รวมถึงผนังก็เป็นอันเสร็จกิจ...

หลักการสำคัญในการล้างห้องน้ำง่าย ๆ ก็คือ "ต้องนอนได้..."

ดังนั้นการบ้านวันนี้ ก็ขอให้ล้างห้องน้ำที่บ้านให้นอนให้ได้นะ...

555

มันก็ขำอยู่นะท่าน...

จากปาท่องโก๋หนึ่งชิ้น ... แต่เป็นคนละส่วนที่แยกออกมาจากการนำไปถวายนา...

แต่จากพลาดไป ก็ไม่หยิบอะไรอีกเลย ... แม้จะกลืนน้ำลายเอือกๆ ก็ตาม...ฮา

...

คนเรากลัวที่สุด..คือ การหวาดกลัวการยอมรับความจริงต่อตนเอง

มันถึงได้โง่...เรียนอย่างมากมายเช่นนี้ (ว่าตัวเองนะเจ้าคะ)...

สัญจรครั้งแรก..ก็พอได้อยู่นะ...

สนุกดี ... อบอุ่นในใจ ปราศจากความหวาดกลัวด้วย

ได้ทำความเสียสละด้วย...

สำหรับการล้วงคอห่านน่ะ...ใกล้แล้วล่ะท่าน

สงสัยกลับไปครานี้...ทำปฏิบัติการให้สำเร็จ

เดี๋ยวเสียชื่อ...ชมรมนักปั่นหมดเลย...

 

กลับมารายงานตัว

จากการไป บ่มเพาะความเสียสละ

และอดทนในความชั่วในใจของตนเอง

 

บ้านหลังนี้ ให้ประโยชน์และคุณค่า กับใจนี้อย่างไม่มีประมาณ

ทั้งที่รับรู้ได้ และ รับรู้ไม่ได้ ทั้งที่มองเห็น และมองไม่เห็น

 

กราบขอบพระคุณพระอาจารย์

กราบขอบพระคุณ พี่ปุ๋ม ที่นำพาให้ พบเจอสิ่งที่งดงามต่อจิตใจ

 

จากที่ได้ร่วมวงสนทนา นักปั่นสัญจรครั้งที่ 1

ของ 3 สมาชิก และ 1 อาคันตุกะ ผู้มีความอดทน สาธุ

 

ได้เรียนรู้พลังการทำงาน

การทำงาน อย่างผู้เสียสละ ทำด้วยใจ ที่ปรารถนาให้ผู้อื่นเห็นทางสว่าง

สาธุเจ้าค่ะ

Ka-Poom  ท่านยังประมาทอยู่ 5555

เรื่องของเรื่องมันไม่ได้อยู่ที่ปาท่องโก๋หรือว่าเหตุผลอะไรหรอก มันอยู่ที่ว่าเรา "ประมาท" หรือ "ไม่ประมาท"

แต่ก็ดีที่ได้กลืนได้น้ำ "เอื๊อก ๆ" เพราะว่าได้สร้าง "ขันติบารมี" อย่างมากเชียว

ใครที่สามารถอดใจจาก "ปาท่องโก๋โยมม่วย" ไหว ก็ไม่ใช่คนธรรมดา

เราก็ว่าอยู่ ทำไมคราวนี้ปาท่องโก๋มันหน้าตาแปลก ๆ คือ หน้าตาดีกว่าปกติ

นี่นะ Ka-Poom ยังไม่เคยไปแพร่ ถ้าหากไปเห็นร้านโยมม่วยที่แพร่นี่ ต้องแนะนำให้แจก "บัตรคิว" กันเลยแหละ

เพราะหน้าตาอย่างที่เห็น และรสชาดก็อย่างที่ (แอบ) ชิมไป แถมยังขายถูกไม่ค่อยเอากำไรอีกต่างหาก

ไม่ต้องอ้างโน่นอ้างนี่เลย ที่บ้านก็มีห้องน้ำไม่ใช่เหรอ ใช้ห้องน้ำทุกวันถึงทำไมไม่ล้างทุกวัน...?

555 ให้การบ้านไว้วัดใจ...

ดีมาก ๆ สมาชิกชมรมคนโง่ เอ้ยไม่ใช่ "ชมรมนักปั่น" ก็กลับเข้ามา "ปั่นป่วน" บล็อคกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาตามเคย

บ่มเพาะความเสียสละนะ

ความเสียสละนี่ทำได้ทุกที่นะ โดยเฉพาะที่บ้านและที่ทำงานต้องทำมาก ๆ

อยู่ที่โน่น ทำง่าย เพราะทุกคนตั้งใจมาเสียสละอยู่แล้ว การทำความเสียสละที่โน่นก็เลยไม่แปลก เพราะเขาเสียสละกันเป็นประชาธิปไตย

แต่ทว่า... ในที่ทำงานนี้ เขาเห็นแก่ตัวกันเป็นประชาธิปไตย ไอ้เราน่ะสิ ถ้าจะมาเสียสละเกินใคร ก็จะกลายเป็นพวกไร้ "จรรยาบรรณ"

แน่จริงหรือเปล่า ถ้าแน่จริงต้องเสียสละในที่ทำงานให้ได้นะ

ใครจะเอาเปรียบเราก็ยิ้ม ใครจะโกงเราก็ยิ้ม ใครจะใช้งานเรา แล้วเขานั่งสบายก็ยิ้มนะ ทำได้ไหม...?

ไปที่โน่นนั้นเป็นเพียงแค่ "บททดสอบ" เป็นที่ฝึกหัด แต่ที่บ้าน ที่ทำงานนี้ "ของจริง..."

ฝึกมาแล้ว หัดมาแล้วอย่าให้เสียชื่อเหมือนคนพาไปนะ 555 (ยังไม่วายเรื่องล้วงหอห่าน)

หรือทางนี้ก็ยังไม่ได้ทำกับเขาด้วย

อ้ะ เดี๋ยวจะคอยดู ว่าสองคนนี้ใครจะ "กล้าหาญ" ลงไปล้วงคอห่านก่อนกัน

ไม่ต้องหันมาถามทางนี้นะว่าเคยหรือยัง เพราะถ้าไม่เคยก็คงไม่บอกให้ทำหรอกเน๊อะ...

ป.ล. ถ้าทำแล้ว กรุณาแยกสก็อตไบร์ทออกให้เป็นที่เป็นทาง มิฉะนั้น ท่านอาจจะนำไป "ล้างจานข้าว" ได้ แล้วจะหาว่าไม่เตือน

ฮ่า ๆ ๆ ๆ..........ลองล้วงดูแล้วเจ้าค่ะ..มันยากจะบรรยาย เฮอะ ๆ

ส่วนเรื่องเสียสละ จะตั้งใจเจ้าค่ะ

แต่พอเริ่มทำงานมีเรื่องมหรรศจรรย์ เกิดขึ้นมากมาย อืม

เป็นสิ่งดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ที่ต้องเรียนรู้ อย่างสุดทึ่ง

 

 

แต่เอ...........หนู ตกข่าวเรื่อง ปาท่องโก๋ รึเนี่ย   ฮา.......(^____^)

 

บรรยายหน่อยสิ บรรยายในใจ เก็บความรู้สึกนั้นมา "พิจารณา"

ลองดูซิว่า ก่อนทำนั้นเรารู้สึกอย่างไร ลองทำ BAR หน่อย ตัวเต็มกับคำแปลไปถาม Ka-Poom นะ

พอทำแล้วก็มาทำ AAR อีกที

อื้ม... ต้องลองพิจารณาหน่อยแล้ว อยู่ใกล้ ๆ กับคนทำเครือข่าย R2R ต้องให้ R2R มันซึมเข้าไปในชีวิตประจำวันหน่อย...

อ๋อ รอดนะรอด เรื่องปาท่องโก๋รอดไปได้อย่างหวุดหวิด จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายดี...?

สงสัยตอนนั้นจะไป "เสียสละ" อยู่ที่อื่น ก็เลยต้องให้ Ka-poom มาชิมคนเดียว

หรือว่า Ka-poom เสียสละชิมให้หว่า "ไม่เป็นไรน้อง เดี๋ยวพี่ชิมเอง" เพราะว่าปาท่องโก๋มีชิ้นเดียว 555

บ้านเรานี่เป็นบ้านแห่งการฝึกฝนคนโง่...ให้หายโง่นา...

หรือว่าอย่างไร...?

ก้าวแรกของการที่จะหายโง่ได้นั้นคือต้อง "ยอมรับความโง่"

บ้านหลังนี้จึงมีหน้าที่เปิดตา เปิดใจให้เรายอมรับความโง่...

ใครล่ะทิ้งงาน ทิ้งเงิน ทิ้งเกียรติยศ ทิ้งชื่อเสียง มาทำอะไร "โง่ ๆ" มาล้างห้องน้ำ ล้วงคอห่าน กวาดถูตึกหลังเบ้อเริ่ม ใครล่ะจะ "โง่" มาทำ...!

ใครล่ะจะทิ้งชุดสวย ๆ งาม ๆ มาใส่เสื้อสีขาวแขนยาวราคาถูก ๆ ไม่มียี่ห้อ ใส่ผ้านุ่ง ผ้าถุง ที่ใครต่อใครเขาก็ว่าล้าสมัย ว่า "เชย"

ใครล่ะจะโง่ทิ้งหนัง ทิ้งละคร มา "สัญจร" ในอยู่ที่ไม่มีสื่อ ไม่มีแสง ไม่มีสี ไม่มีดนตรี ไม่มีการขับร้อง ฟ้อนรำ...!

ใครล่ะจะทิ้งอาหารรสชาดโอชา ที่สามารถขวนขวายหาได้ ๓ มื้อ ซึ่งต้อง "โง่" มาทนกับความหิว ความอยาก ที่วัน ๆ หนึ่งต้องฝากท้องไว้กับอาหารมังสวิรัติเพียงมื้อเดียว...!

ใครล่ะจะมายอมกินข้าวใน "กาละมัง" กับช้อนงอ ๆ คันสั้น ๆ ที่ไม่สวยงาม...!

ใครล่ะที่จะ "โง่" เช่นนี้ และมีความโง่อีกมากมายที่เหลือจะคณานับ

โง่ไหมที่มา โง่น้อยลงไหมเมื่อกลับไป ความโง่มากหรือน้อยลงอย่างไร ใครต่อใครนั้นต้องรู้ได้ด้วยตนเอง...

ฮ่า ๆ จะลองดูเจ้าค่ะ ก่อนจะขัดห้องน้ำ

ก็คิดว่า.........

    ทำยังไงดีนะ ถึงจะสะอาด

    คิด ๆ ๆ หาวิธีสารพัด

    รึจะลองล้วงคอห่าน อย่างที่พี่ปุ๋มเคยสอน.........อืม ขอคิดดูก่อนนะ

พอคว้าอุปกรณ์ได้ จึงปิดล็อคห้องน้ำ

เพราะยังรู้สึก อาย ๆ กลัวคนอื่นเห็น

ก็ยังคิดซ้ำอีกว่า อืมจะเอาที่ขัดลงขัด

รึจะล้วงดีนะ

เอาวะ ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ ลองดู เฮอะ ๆ

พอตัดสินใจ แล้ว

ก็มีช่วงเวลาการทำใจโดยเลี่ยงไป

 

เริ่มขัดผนังห้องน้ำก่อน ตามวิธี ที่พี่ปุ๋มเคยชี้แนะ

 

แล้วก็ผสม น้ำยาล้างจาน และ น้ำยาขัดพื้น ราดพื้นลงไป

นาทีระทึกใจมาถึง

 

ค่อย ๆ แง้ม ฝาชักโครก อืม ชัดเจนเปลี่ยน

มีชิ้นส่วนที่แสดงตัวชัดเจน

 

เอาหล่ะซิ

คิดว่า อืมจะเอาแปรงขัดก่อนรอบหนึ่งดีไหมนะ?

อืม จึงหยิบสายฉีดน้ำมาฉีด ๆ

แล้วกดชักโครกไปหนึ่งรอบ เฮอะ ๆ

 

ใจเริ่มชื้นขึ้นบ้าง

 

ไม่เห็นชิ้นส่วน แต่ก็ไม่ได้หมายถึงไม่มีนะ

เอาหล่ะซิความคิดทำงานอีกแล้ว........

 

อืม ทำ จริง ๆ เหรอ.......

 

กดชักโครก อีกรอบ.........

 

ครานี้ใช้ช่วงนาทีที่

 

น้ำมันลด เอื้อมมือลงไปขัด อืม

 

สุดท้ายน้ำ ก็ไหลขึ้นมาท่วมมืออยู่ดี

คนโง่คนนี้เลย ล้วงหอห่านขัดซะให้รู้แล้วรู้รอด

ฮ่า ๆ ๆ ๆ

 

พอขัดเสร็จ แอบยืนชื่นชม

อืม มันเอี่ยมน่าใช้

 

หลังจากทำเสร็จ

ได้เรียนรู้ว่า จริง ๆ แล้ว

มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด

คอห่านไม่ได้น่ารังเกียจอย่างที่คิด

ในทางกลับกัน การทำให้คอห่านสะอาด

ทำให้เราสบายใจขึ้น ว่า

ได้ทำเต็มที่ เต็มความสามารถ

ใจมันก็เลยเต็มอิ่ม เจ้าค่ะ

เฮอะ ๆ

 

พอเป็น ห้องถัด ๆ ไป ก็เลย ไม่ยากอย่างที่คิดไว้

ไอ้ที่ยากที่สุดก็ ห้องแรก นี่แหละ เฮอะ ๆ

สวัสดี ครับ อาจารย์สุญญตา

มาชื่นชม บันทึกที่ให้แง่คิด ของอาจารย์ ครับ

คนเราทำงานหนัก ๆ นั้นก็ต้องรู้จัก "เปลี่ยนอารมณ์" กันบ้าง

การจมอยู่กับ "อารมณ์เดิม ๆ" นั้น ไม่เป็นประโยชน์ต่อจิตใจเลย

 

ขอบพระคุณมาก ครับ

 

ขัดห้องน้ำนี่นะ ถือว่าเป็นการ "ขัดใจ" ของเราอย่างดียิ่ง

นี่ดีนะยังเป็นผู้หญิง ยังแค่ล้วงคอห่าน

ถ้าเป็นผู้ชายไปวัดนี่ จะได้ "ภาวนา" ดีกว่านั้น คือจะต้องไปตัก "อาหารเก่า" ในวงบ่อเลยทีเดียว...

อื้ม... ขัดไปก็พิจารณาไปนะ เนี่ยแหละ ของอร่อย ๆ ที่เราขวนขวาย สรรหา ตั้งหน้า ตั้งตา ขับรถไป ขับรถไป เพื่อหามา "กิน..."

เนี่ยแหละ กินเข้าไปแล้วมันเป็นอย่างเนี๊ยะแหละ

ที่เราต้องยอมเสียเงินไปซื้อ ไปหา ไปทำมา กินเข้าไปแล้วมันก็เป็นอย่างเนี๊ยะแหละ

ต้องกินเข้าไปนี่ "อร่อย" มาก ใช้ "ปาก" ใช้ "ลิ้น" สัมผัสเลยนะ

แต่พอเข้าไปในร่างกายแล้ว แค่มือยังไม่อยากจะแตะ

มันต่างกันตรงไหนหว่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนมันก็ยังดี ยังสวย เรายังเคยชอบมันอยู่

แต่ตอนนี้กลับรังเกียจ ไม่อยากจับ หรือแม้แต่ไม่อยากจะ "มอง..."

คอห่านที่สะอาดนั้นยังไม่เท่ากับจิตใจของคนล้างที่ "สะอาด" กว่า

วันนี้ได้ล้างใจตัวเองเยอะนะ อยู่บ้านก็ให้ล้างใจตัวเองบ่อย ๆ นะ

ล้างให้พ่อ ล้างให้แม่นี่แหละ ประเสริฐที่สุดแล้วนะ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท