การเดินทางยามเช้าวันนี้ข้อนข้างทำเวลาหน่อยเพราะมีงานรออยู่ที่โต๊ะทำงานแต่ทุกเส้นทางผ่านฉะลุยและเราเองก็ไม่ประมาทพยายามรักษาสภาพธรรมในจิตใจตนเองให้เป็นคนอย่างนี้ละ...
ได้พบเจอผู้คนหลากหลายแนวทางชีวิต...บางคนยกมือไหว้ยิ้ม ๆ เราก็ยิ้มตามรับไหว้...เขาคงรู้จักเราแต่เรานึกไม่ออกว่าคนนี้เป็นใครได้ฟังเพลงชื่ออะไรจำไม่ได้ กินใจตรงเนื้อร้องที่ว่า เปิบข้าวทุกคราวคำ สูจงจำเป็นอาจิณ เหงื่อกูที่สูกินจึงก่อเกิดมาเป็นคน...
กินข้าวเช้านี้กัดก้อนหินอย่างจัง...เพราะความประมาทยังมีอยู่ถึงแม้ข้าวผ่านการสีมามีแต่เมล็ดข้าวยังมีหินมาแถมอีก...ทุกวันนี้สังคมไทยบางอย่างก้าวล้ำนำยุคกอบโกยยัดไส้ในท้องปลาก็เอาลูกหินยัดใส่เวลาชั่งกิโลจะได้เพิ่มราคา...
นึกถึงวัฒนธรรมเดิม ๆ ช่วงเป็นเด็กลงไปตำข้าวกับคุณแม่ช่วยเก็บแกลบ( เปลือกข้าว )เก็บหินดินออกจากกระด้งฝัดข้าวล้วนเห็นเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้านดีแท้
...อาจารย์แต่งตัวผูกเน็คไททำไม บ้านเราเมืองเรามันอากาศร้อน อันนี้เป็นวัฒนธรรมตะวันตก... ควรสวมใส่เสื้อผ้าอย่างไทย...แบบไหนละอย่างไทย...อาจารย์ครับ...อะไรละผมว่าสังคมไทยบางครั้งดูเหมือนหน้าไหว้หลังหลอกนะ...
เออ...ยูมิว่าเราก็หาจุดยืนอยู่บนรากฐานทางวัฒนธรรมของตนเองนั้นละแต่อย่าติดแงกอยู่กับความเป็นชาตินิยมเกินไป
...เพราะโดยความจริงแล้วสังคมไทยได้ก้าวผ่านขนบธรรมเนียมประเพณีทางวัฒนธรรมของตนเองอย่างก้าวกระโดดโดยใช้ไม้ท่อโยนตัวให้ไปไกลเข้าไปอยู่ในวัฒนธรรมสากลที่ชาวโลกมีอยู่เป็นอยู่มากโขแล้วนั้นแล.
การทำงานร่วมกัน อย่าทำตัวเหมือก้อนกรวดในข้าวที่กำลังเคี้ยว คำพูดนี้ให้ความรู้สึกดีแท้ เมื่อโดนเคี้ยว
ด้วยความคราะวะ ครับอาจารย์ กรวดทรายในข้าวเป็นผลผลิตของ รถเกี่ยวข้าว กลุ่มทำนาตะโหมด เขาโทษรถเกี่ยวข้าวไว้ในที่ประชุมคัดเลือกพันธ์ข้าวครับ
เพลงเปิบข้าวครับอาจารย์
แต่งโดย จิตร ภูมิศักดิ์
คาราวานนำมาขับร้อง
เป็นเพลงหนึ่งที่ผมชอบมาก ๆ มักจะเปิดฟังเตือนสติเตื่อนใจตนเอง
เป็นเพลงหนึ่งที่ผมร้องกลุ่มเฌวาครับ
...
เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจินต์
เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้นะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังสิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว
จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเป็นกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกูทั้งสิ้น ที่สูซดกำซาบฟัน
บูรณาการวัฒนธรรมนำสังคมสมานฉันท์
สวัสดีครับ คุณวอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
เออ...หนาคิดดีจัง...
อิ อิ อิ...ช่วงนี้เวลากินข้าวเคี้ยวต้องขยับดูให้แน่ไม่มีกรวดหินแล้วจึงเคี้ยวตามความเคยชินครับ
สวัสดีครับ คุณหนานเกียรติ
วาว ๆ ได้เนื้อเพลงด้วยละ...เล่นฮำเพลงเพื่อชีวิตเลยหนานี่...แล้วเจ้าตัวเล็กหลับดีไหมครับ...
สวัสดีครับ คุณบุญเย็น
เออ...บูรณาการวัฒนธรรมนำสังคมสมานฉันท์...มองออกครบเครื่องเลยหนานี่...อิ อิ อิ
ไม่เคยได้ยินตอนที่เอามาร้องเป็นเพลงสักที
เคยอ่านเห็นว่าเป็นบทกวีที่มีเนื้อหาดีมาก ทำให้ระลึกถึงบุญคุณของชาวนา จึงได้นำข้อความในกวีบทนี้เป็นใบงานให้นักเรียนฝึกพิมพ์ และคิดวิเคราะห์บทกวี โดยมุ่งหวังให้เด็กได้ซึมซับ"สำนึกรู้" บุญคุณของ "ชาวนา" เป็น "กระดูกสันหลัง" ของชาติ ตรากตรำทำงานหนัก...อาบเหงื่อต่างน้ำ...ปลูกข้าวให้เป็นอาหารของคนทั้งโลก
ด้วยความระลึกถึงค่ะ
สวัสดีค่ะ อ.ยูมิ
มาต่อเพลง เปิบข้าว
เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ
เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน
ข้าวนี้น่ะมีรส ให้ชนชิมทุกชั้นชน
เบื้องหลังซิทุกข์ทน และขมขื่นจนเขียวคาว
* จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางนั้นเหยียดยาว
จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากลำบากเข็ญ
เหงื่อหยดสักกี่หยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น
ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเป็นกิน
น้ำเหงื่อที่เรื่อแดง และน้ำแรงอันหลั่งริน
สายเลือดกูทั้งสิ้น ที่สูซดกำซาบฟัน
*
ฮา..อาจารย์ชอบฟังเพลง ลูกทุ่งและเพลงเพื่อชีวิต ถูกใจคนคอเพลงเดียวกันค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ คุณครูใจดี
วาว ๆ เข้ากับบรรยากาศจริง ๆ เลยหนานี่...ชื่นชม ๆ
สวัสดีครับ คุณครูจิ๋ว
วาว ๆ คนคอเพลงเดียวกันรึนี่...อิ อิ อิ
ได้เนื้อเพลงเพิ่มนะครับ...
สวัสดีครับ คุณ K.Pually
การกินข้าวยังเป็นวัฒนธรรมเดิม ๆ ของคนไทยเรานะครับ
เรื่องการแต่งกายนี้...เคยได้ยินคนทำความสะอาดในอาคารโรงเรียนสะกิดถามว่า...อาจารย์ ๆ คนนั้นไม่รู้เป็นครูบาอาจารย์หรือชาวสวน...อิ อิ อิ...
เรียน ท่าน umi
ท่านต้องแต่งกลอนสอนเด็กยุคใหม่ ที่มีพฤติกรรมดังนี้
กินข้าวไม่หมดจาน ท่านกาแฟไม่หมดแก้ว ดื่มน้ำอัดลมไม่หมดขวด ข้าวหนึ่งเม็ดที่รวงหล่น คนยากจนยังโหยหาครับ
สวัสดีครับ คุณพรชัย
วาว ๆ เป็นเรื่องที่เราต้องร่วมด้วยช่วยกันสอนสั่งให้เด็ก ๆ
ได้เห็นคุณค่าของของพระคุณมีความกตัญญูกตเวทีต่อสิ่งที่กล่าวมานะครับ...อิ อิ อิ