หมอจิ๋ว
นาย ธวัชชัย หมอจิ๋ว แสงจันทร์

23-9-52 วันสัตตนาคารำลึก ที่วัดพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม


วันสัตตนาคา

เมื่อคืนวันที่ 23  กันยายน 2552 ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมที่วัดพระธาตุพนม เนื่องในวันสัตตนาคา ซึ่งตรงกับขึ้น 5 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี มีหลักฐานพยานบุคคล เอกสาร ดังรายละเอียด

ประวัติของการจัดงานวันสัตตนาคา (อ้างอิงจากเวบไซต์ ธาตุพนมดอทคอม)

ในเรื่องการนั่งประทับทรงเกี่ยวกับพญานาคนี้  ท่านพ่อเคยกล่าวว่า “ฉันเป็นคนชอบค้นคว้า  และเรื่องพญานาคราชเข้าประทับทรงนี้เกิดขึ้นในยุคที่พระเดชพระคุณท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตร  (แก้ว  กนฺโตภาโส  ป.ธ. ๖ ,  น.ธ.เอก ) เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร (พ.ศ.๒๔๘๐-๒๔๕๓ ) พระเดชพระคุณองค์นี้ลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนทั่วไปมักเรียกท่านว่า “ท่านพ่อ” ซึ่งเป็นคำยกย่องของศิษยานุศิษย์และประชาชนบ้านได้ถวายนามนี้ให้กับท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตร ท่านเกิดเมื่อปี  ๒๔๕๐ บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร  เมื่อปี  พ.ศ. ๒๔๗๑  มีนามเดิมว่าแก้ว  อุทุมมาลา  มีชาติภูมิใกล้ๆ  กับพระธาตุพนมนี้เองศึกษาทางธรรมได้เปรียญ ๖ ประโยค  ได้เป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ท่านเป็นผู้มีความรู้ และชอบค้นคว้าวิชาโบราณคดี  ประวัติศาสตร์จนได้รับขนานนามว่า  นักปราชญ์แห่งลุ่มน้ำโขง ท่านได้ทำนุบำรุงวัดพระธาตุพนมารมหาวิหารและให้เจริญก้าวหน้าอย่างมากมาย  ในปี  พ.ศ. ๒๔๙๙  ท่านได้ก่อตั้งสำนักวิปัสสนากรรมฐานขึ้นที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารและได้ส่งพระภิกษุ  สามเณรและแม่ชีไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานจากหลายสำนัก  ได้ฝึกพระภิกษุสามเณรในวัดอยู่เสมอ ๆ

พิสูจน์เรื่องลึกลับต่าง ๆ อยู่เสมอ  ไม่ค่อยจะเชื่ออะไรง่าย ๆ แต่เรื่องพญานาคทั้งเจ็ดองค์เข้าทรงที่วัดนี้นะ เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากอยู่ทีเดียว  ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น  เป็นเรื่องของส่วนบุคคล”  สำหรับเรื่องพญานาคนี้  เกิดขึ้นภายหลังจากที่ท่านพ่อฯ ได้ตั้งสำนักวิปัสสนากรรมฐานขึ้นได้  ๑  ปี  เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณตี ๒ เดือน ๑๑ ขึ้น ๕  ค่ำ พ.ศ.  ๒๕๐๐  คืนนั้นฝนตกหนักครึ่งชั่วโมง  แล้วตกพรำ ๆ มาอีกกว่า  ๒๐  นาที  ขณะที่ฝนตกฟ้าร้องดังสนั่นแผ่นดินสะเทือน  นายไกฮวด  ชาวธาตุพนมได้ออกมารองน้ำฝนที่หน้าร้านของตน  เห็นแสงประหลาดเป็นลำงามโตเท่าลำต้นตาลขนาดใหญ่มีสีต่าง ๆ กันถึงเจ็ดสี  พุ่งแหวกอากาศแข่งกันเป็นลำยาวหลายเส้น  จากทางด้านทิศเหนือ  มองเห็นได้แต่ไกล  จึงได้ร้องเอะอะเรียกภรรยามาดูแสงสีงามประหลาด  หน้าสะพรึงกลัวขนหัวลุกนั่น  พอมาถึงหน้าซุ้มประตูแสงนั้นก็หายเข้าไปในองค์พระธาตุพนม  โดยที่ไม่ได้ตาฝาดไปเอง  ต่อมาอีกสองวัน  คือวันขึ้น  ๗ ค่ำ เดือนเดียวกัน  ท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตร  ได้ให้สามเณรทรัพย์  นั่งทางในตรวจดูเหตุการณ์ว่า  แสงประหลาดเจ็ดสีเท่าลำต้นตาล  ที่นายไกฮวดเห็นเข้ามาในวัดนี้มีความจริงเท็จแค่ไหน  สามเณรทรัพย์เจ้าฌานสมาธิอยู่คู่หนึ่ง  ก็เข้าไปพบพญานาคราชทั้งเจ็ดเรียงกันเป็นแถวอยู่บริเวณลานพระธาตุพนม  ลำตัวโตใหญ่เท่าลำต้นตาล  มีหงอนแดงน่าสะพรึงกลัวสยองพองหัวเหลือที่จะกล่าว  สามเณรทรัพย์ยืนงงงันอยู่ด้วยความประหลาดใจ  พลันประเดี๋ยวเดียวพญานาคทั้ง ๗  ได้กลับกลายเป็นมาณพ  ๗  ชาย  ทรงเครื่องขาวเรียงกันเป็นแถวอยู่ที่เดิม  จะว่าก้มมิใช่  ยืนก็มิใช่  อากัปกิริยาอยู่ระหว่างยืนกับก้ม  สามเณรทรัพย์สนเท่ห์ใจงงจนพูดอะไรไม่ออก  ทันใดมาณพผู้เป็นหัวหน้าได้ร้องถามว่า  พ่อเณรมีธุระอะไร  อย่ากลัวจงบอกมา  สามเณรยืนงงอยู่มิได้ตอบว่ากะไร  ตั้งใจจะกลับกุฏิ  พญานาคผู้เป็นหัวหน้าได้พูดขึ้นอีกว่า  “พ่อเณรจะกลับแล้วหรือยัง  ขอไปด้วย  จะไปสนทนากับท่านเจ้าคุณ” พอขาดคำก็เข้าประทับร่างสามเณรทรัพย์  ทันทีด้วยจิตอำนาจที่เหนือกว่า  สามเณรทรัพย์พลันหมดความรู้สึกวูบไปทันที  สักครู่ก็หันมายกมือไหว้  ท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตร  พร้อมกับพูดว่า  “สวัสดีท่านเจ้าคุณ  หม่อมฉันมาสองคืนแล้วมิรู้หรือ” ท่านพ่อฯ รู้สึกแปลกใจและสงสัยจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร ?  มาจากไหน ?  เสียงประทับทรงตอบว่า “พวกหม่อมฉันเป็นพญานาคราช  มาจากสระอโนดาตในเทือกเขาหิมาลัย  มีนามตามลำดับเป็นมงคลตามอริยทรัพย์อันประเสริฐ  คือ  ๑.  พญาสัทโทนาคราชเจ้า  เป็นประธาน  ๒. พญาศีลวุฒินาโค ๓.  พญาหิริวุฒนาดโค  ๔. พญาโอตตัปปะวุฒนาโค  ๕. พญาสัจจะวุฒินาโค  ๖. พญาจาคะวุฒนาโค  ๗. พญาปัญญาเตชะวุฒนาโค

หม่อมฉันทั้งเจ็ดได้รับบัญชาจากพระอินทราธิราชเจ้าให้มารักษาพระอุรังคธาตุ พวกเทพยดาที่รักษาองค์พระธาตุอยู่ก่อนนิสัยไม่ดีอาศัยกินสินบนและเครื่องเซ่นสรวงของชาวบ้าน พวกหม่อมฉันไม่ต้องการอามิสสินจ้างรางวัลของเซ่นสรวงใดๆ ทั้งนั้นขอแต่น้ำบูชาถวายเดียวก็พอใจแล้วจะอยู่รักษาองค์พระธาตุไปจนกว่าจะหมดสิ้นศาสนาพระสมณโคดม”ในเรื่องการนั่งประทับทรงเกี่ยวกับพญานาคนี้  ท่านพ่อเคยกล่าวว่า “ฉันเป็นคนชอบค้นคว้า  และพิสูจน์เรื่องลึกลับต่าง ๆ อยู่เสมอ  ไม่ค่อยจะเชื่ออะไรง่าย ๆ แต่เรื่องพญานาคทั้งเจ็ดองค์เข้าทรงที่วัดนี้นะ เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากอยู่ทีเดียว  ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น  เป็นเรื่องของส่วนบุคคล”  สำหรับเรื่องพญานาคนี้  เกิดขึ้นภายหลังจากที่ท่านพ่อฯ ได้ตั้งสำนักวิปัสสนากรรมฐานขึ้นได้  ๑  ปี  เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณตี ๒ เดือน ๑๑ ขึ้น ๕  ค่ำ พ.ศ.  ๒๕๐๐  คืนนั้นฝนตกหนักครึ่งชั่วโมง  แล้วตกพรำ ๆ มาอีกกว่า  ๒๐  นาที  ขณะที่ฝนตกฟ้าร้องดังสนั่นแผ่นดินสะเทือน  นายไกฮวด  ชาวธาตุพนมได้ออกมารองน้ำฝนที่หน้าร้านของตน  เห็นแสงประหลาดเป็นลำงามโตเท่าลำต้นตาลขนาดใหญ่มีสีต่าง ๆ กันถึงเจ็ดสี  พุ่งแหวกอากาศแข่งกันเป็นลำยาวหลายเส้น  จากทางด้านทิศเหนือ  มองเห็นได้แต่ไกล  จึงได้ร้องเอะอะเรียกภรรยามาดูแสงสีงามประหลาด  หน้าสะพรึงกลัวขนหัวลุกนั่น  พอมาถึงหน้าซุ้มประตูแสงนั้นก็หายเข้าไปในองค์พระธาตุพนม  โดยที่ไม่ได้ตาฝาดไปเอง  ต่อมาอีกสองวัน  คือวันขึ้น  ๗ ค่ำ เดือนเดียวกัน  ท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตร  ได้ให้สามเณรทรัพย์  นั่งทางในตรวจดูเหตุการณ์ว่า  แสงประหลาดเจ็ดสีเท่าลำต้นตาล  ที่นายไกฮวดเห็นเข้ามาในวัดนี้มีความจริงเท็จแค่ไหน  สามเณรทรัพย์เจ้าฌานสมาธิอยู่คู่หนึ่ง  ก็เข้าไปพบพญานาคราชทั้งเจ็ดเรียงกันเป็นแถวอยู่บริเวณลานพระธาตุพนม  ลำตัวโตใหญ่เท่าลำต้นตาล  มีหงอนแดงน่าสะพรึงกลัวสยองพองหัวเหลือที่จะกล่าว  สามเณรทรัพย์ยืนงงงันอยู่ด้วยความประหลาดใจ  พลันประเดี๋ยวเดียวพญานาคทั้ง ๗  ได้กลับกลายเป็นมาณพ  ๗  ชาย  ทรงเครื่องขาวเรียงกันเป็นแถวอยู่ที่เดิม  จะว่าก้มมิใช่  ยืนก็มิใช่  อากัปกิริยาอยู่ระหว่างยืนกับก้ม  สามเณรทรัพย์สนเท่ห์ใจงงจนพูดอะไรไม่ออก  ทันใดมาณพผู้เป็นหัวหน้าได้ร้องถามว่า  พ่อเณรมีธุระอะไร  อย่ากลัวจงบอกมา  สามเณรยืนงงอยู่มิได้ตอบว่ากะไร  ตั้งใจจะกลับกุฏิ  พญานาคผู้เป็นหัวหน้าได้พูดขึ้นอีกว่า  “พ่อเณรจะกลับแล้วหรือยัง  ขอไปด้วย  จะไปสนทนากับท่านเจ้าคุณ” พอขาดคำก็เข้าประทับร่างสามเณรทรัพย์  ทันทีด้วยจิตอำนาจที่เหนือกว่า  สามเณรทรัพย์พลันหมดความรู้สึกวูบไปทันที  สักครู่ก็หันมายกมือไหว้  ท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตร  พร้อมกับพูดว่า  “สวัสดีท่านเจ้าคุณ  หม่อมฉันมาสองคืนแล้วมิรู้หรือ” ท่านพ่อฯ รู้สึกแปลกใจและสงสัยจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร ?  มาจากไหน ?  เสียงประทับทรงตอบว่า “พวกหม่อมฉันเป็นพญานาคราช  มาจากสระอโนดาตในเทือกเขาหิมาลัย  มีนามตามลำดับเป็นมงคลตามอริยทรัพย์อันประเสริฐ  คือ  ๑.  พญาสัทโทนาคราชเจ้า  เป็นประธาน  ๒. พญาศีลวุฒินาโค ๓.  พญาหิริวุฒนาดโค  ๔. พญาโอตตัปปะวุฒนาโค  ๕. พญาสัจจะวุฒินาโค  ๖. พญาจาคะวุฒนาโค  ๗. พญาปัญญาเตชะวุฒนาโคเรื่องพญานาคราชเข้าประทับทรงนี้เกิดขึ้นในยุคที่พระเดชพระคุณท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตร  (แก้ว  กนฺโตภาโส  ป.ธ. ๖ ,  น.ธ.เอก ) เป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร (พ.ศ.๒๔๘๐-๒๔๕๓ ) พระเดชพระคุณองค์นี้ลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนทั่วไปมักเรียกท่านว่า “ท่านพ่อ” ซึ่งเป็นคำยกย่องของศิษยานุศิษย์และประชาชนบ้านได้ถวายนามนี้ให้กับท่านพ่อพระธรรมราชานุวัตร ท่านเกิดเมื่อปี  ๒๔๕๐ บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร  เมื่อปี  พ.ศ. ๒๔๗๑  มีนามเดิมว่าแก้ว  อุทุมมาลา  มีชาติภูมิใกล้ๆ  กับพระธาตุพนมนี้เองศึกษาทางธรรมได้เปรียญ ๖ ประโยค  ได้เป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ท่านเป็นผู้มีความรู้ และชอบค้นคว้าวิชาโบราณคดี  ประวัติศาสตร์จนได้รับขนานนามว่า  นักปราชญ์แห่งลุ่มน้ำโขง ท่านได้ทำนุบำรุงวัดพระธาตุพนมารมหาวิหารและให้เจริญก้าวหน้าอย่างมากมาย  ในปี  พ.ศ. ๒๔๙๙  ท่านได้ก่อตั้งสำนักวิปัสสนากรรมฐานขึ้นที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารและได้ส่งพระภิกษุ  สามเณรและแม่ชีไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานจากหลายสำนัก  ได้ฝึกพระภิกษุสามเณรในวัดอยู่เสมอ ๆ

สำหรับภาพนี้ เป็นภาพที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 2549

ลงใน http://www.oknation.net/blog/dokmai/2007/10/17/entry-1

คำสำคัญ (Tags): #สัตตนาคา
หมายเลขบันทึก: 300294เขียนเมื่อ 24 กันยายน 2009 08:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 20:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท