ให้มาก ก็ "ช้ำ" มาก...


"การให้" นี้ เป็นสิ่งที่เราต้องฝึกฝนมาก เพราะเราเป็นคนขี้โกรธ ขี้โมโห และ ขี้ใจน้อย

"การให้" นี้ เป็นการกระที่จะสร้างบารมีแห่ง "เมตตา"

เมตตาบารมีนั้นจะสามารถแก้ไขให้ความโกรธในตัว ในตนของเราให้ลดลงไปได้

ไม่ว่าจำเป็นผู้ให้ หรือผู้รับ ถ้าหากได้รับ "บารมี" ข้อนี้เข้าไปแล้ว ปีศาจแห่งความโกรธนั้นก็จะตัวเล็กลง และเล็กลง...

สามปีมานี้เราฝึกให้มาก การให้นี่ก็ต้องฝึกนะ ต้องรู้จักให้ ให้อย่างมี "ปัญญา"

การให้ที่ดีต้องมี "คุณธรรม" เป็นตัวกำกับ

เพราะถ้าให้อย่างไม่มีคุณธรรมก็จะทำให้ผู้รับนั้น "เสียนิสัย" เข้าไปอีก

ตอนนี้เราเองก็กำลังเจ็บช้ำน้ำใจมาก

ก็เพราะว่า "ช่าง" ทั้งหลายที่เราให้เขา เขาไม่เคยซึ้งน้ำใจเราเลย

แต่ความผิดทั้งหลายก็อยู่ที่ตัวของเราเอง ความผิดนั้นอยู่ที่ "ความโง่" ของเราเอง

เราให้เขาอย่างไม่มี "เหตุผล" ให้มากเกินไป ให้จนเขา "เห็นแก่ตัว"

อื่ม... ตอนนี้เรากำลัง "ซึ้ง" เลยแหละ

เศร้าเลย ให้มาก ก็ช้ำมากเหมือนกันเน๊อะ

อารมณ์ดีก็ให้เยอะ อารมณ์ไม่ดีก็ให้น้อย เรามักจะเป็นแบบนี้

นี่แหละ "ปัญหา" ตัวฉกาจเลย เจ้า "อารมณ์" นี้

เมื่อเรายังใช้อารมณ์เป็นจิต ใช้จิตเป็นอารมณ์อยู่ก็ต้องขาด ๆ เกิน ๆ แบบนี้

การวางใจให้เป็นกลางอยู่เสมอนี่ยากเน๊อะ

แต่อย่างไรก็จะฝึก จะสู้ สู้ให้หายโง่กันสักที จะได้รู้จักความพอดีใน "การให้..."


 

ที่มาจากบันทึก เรียกใช้งานตัวจัดการข้อความ

หมายเลขบันทึก: 299892เขียนเมื่อ 22 กันยายน 2009 19:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

หลายครั้งหลายครา

หนูก็รู้สึกบอบช้ำกับการให้ เจ้าค่ะ

 

ให้ตอนแรก ๆ ก็ รู้สึกปีติ

พอให้ไปมาก ๆ ทำนาน ๆ

เขาก็ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ

 

เราก็พาลโมโห ซะนี่

ไม่อุเบกขาเลย

 

คราหลังมา เห็นหน้าแทบอยากเดินหนี

 

มาพิจารณาอีกโอ้ โดนอารมณ์ครอบงำจิต

 

เมื่อก่อนโดนขออะไร ให้ได้ก็ให้เลย ไม่พิจารณา

หลัง ๆ ชักขอถี่

เดี๋ยวนี้ ก่อนจะให้อะไร ต้องพิจารณาดี ๆ ก่อน

ให้แล้วเกิดประโยชน์ กับเขาหรือไม่.....หรือทำร้ายทางอ้อม

ให้แล้วใจเราเป็นยังไง.....ให้เพราะฉันเป็นคนให้....หรือให้เพราะความเสียสละจริง ๆ

 

ยิ่งฝึก ยิ่งเจอโจทย์ยากเจ้าค่ะ

แต่ก็น้อมรับว่ายังโกรธอยู่

ปัญญาไม่มีหนูก็ได้แต่อดทน

พยายามได้เพียงไม่ให้อาหาร

เจ้าปีศาจกินความโกรธเจ้าค่ะ

การให้กับบุคคลผู้ทุศีลร้อยครั้งก็ไม่เท่ากับให้กับบุคคลผู้มีศีล ๕ เพียงครั้งเดียว...

ถ้าจะให้ไล่ขึ้นไปนี่ยาวเลย สมการนี้จะไล่ไปตั้งแต่ บุคคลที่มีศีล ๕ ศีล ๘ สมมติสงฆ์ พระโสดาบัน พระสะกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน และสุดท้าย "อภัยทาน..."

จุดสุดท้ายมาจบที่ "อภัยทาน" พอเราให้เขาปุ๊บ เขาตอบแทนเราอย่าสาสมปั๊บ นั่นแหละเป็นโอกาสแห่งการทำทานครั้งใหญ่คือ "อภัยทาน" เลยนะ

ที่จริงต้องขอบคุณเขาอย่างมากเลย

เพราะถ้าเขาไม่ "เนรคุณ" เรา เราก็ไม่มีโอกาสได้ให้อภัยเขานะ...

ไม่มีเขาที่เนรคุณ ก็ไม่มีเหตุที่จะ "ให้อภัย..."

ดีครับ ถือว่าเป็น เครื่องทดสอบอย่าง หนึ่งแต่ท่านก็รู้เท่า ทันนะ

สวัสดีค่ะ

การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้ด้วยใจแม้น้อยค่า แต่ก็มากด้วยน้ำใจนะคะ

ให้แบบนี้ จึงไม่เจ็บค่ะ

ให้แล้ว..วางแล้ว..มากด้วยความสบายค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท