15. Distric 9 เมื่อมนุษย์ต่างดาว โผล่ที่แอฟริกา
.
.
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เหมาะกับผู้ชมที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป
อาจมีภาพความรุนแรงอยู่
ฉายหลายโรงภาพยนตร์
กำกับ โดย Neill Blomkamp
อำนวยการสร้าง โดย Peter Jackson
บทภาพยนตร์ โดย Neill Blomkamp และ Terri Tatchell
หนังเปิดเรื่องโดยที่มีจานบินยักษ์ มาจอดอยู่เหนือ นครโจฮันเนสเบิร์ก
ลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://en.wikipedia.org/wiki/District_9 (เป็นภาษาอังกฤษ)
ดูเวลาและรอบฉายที่นี่ (คลิก)
หลังจากเปิดเรื่อง หนังเรื่องนี้ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากหนังมนุษย์ต่างดาว ที่เราๆท่านๆคุ้นเคย หรือเคยดูมา ผมกล้ารับประกัน หนังเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น อึดอัด ตื่นเต้น ระทึกใจ อารมณ์หนังอาจต้องไปรับด้วยตนเอง
มนุษย์ต่างดาว ไปโผล่เหนือแอฟริกา แค่นี้ก็เท่แล้ว ในหนังเรื่องนี้ มนุษย์ต่างดาว ไม่ได้มายึดครองโลก แต่มนุษย์ต่างดาว มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัย
มนุษย์ต่างดาว ที่ไม่สามารถระบุกาแลกซี่ ในหนังเรื่องนี้ ถูกแปลให้เรียกว่า "พวกกุ้ง" ด้วยลักษณะทางกายภาพที่ทำให้เรามองเห็นเป็นแบบนั้น พวกกุ้งอาศัยกันเป็นล้านตัวใน District 9 ที่มีลักษณะไม่ต่างจากค่ายผู้ลี้ภัย / ถูกกักกัน มั่วสุม เอารัดเอาเปรียบ ตีรันฟังแทง - ไม่ต่างจากชีวิตจริงของผู้ลี้ภัย ทั้งในแอฟริกา และแม้แต่ตะเข็บชายแดนไทย
พวกกุ้ง จะต้องย้ายที่อยู่ ตามที่ สหพันธ์นานาชาติสากล (อะไรซักอย่างชื่อยาวมาก) หรือ สนส สั่งให้ย้ายไปอยู่แคมป์อื่น / เบื้องหลังการย้ายบ้านของพวกกุ้งครั้งนี้ มีเงื่อนงำ ที่เกี่ยวดองหนองนุ่งอีรุงตุงนัง ไปกับเรื่องอาวุธล้ำสมัยจากต่างดาว และชีวเคมี
มนุษย์ต่างดาวในเรื่องนี้ จน และไร้อำนาจการต่อรอง ...
สนส. ได้ตั้งให้นาย วิคัส แวน เดอร์มา เป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการระดับพื้นที่ วิคัส เป็นคนซื่อ(บื้อ) ไม่รู้ถูกเลือกได้ไง และได้รับสารชีวเคมีที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นพวกกุ้ง จะได้มาอย่างไรต้องไปดูเอง อิอิ
เอาละ จากนั้นก็เริ่มผจญภัย กับพวกกุ้ง และดินแดนลี้ลับ ภายใต้ชื่อ District 9 มีการต่อสู้ การตามล่า การใช้ความรุนแรง แก๊งค์อันธพาล และการใช้อำนาจโดยมีชอบของฝ่ายรัฐบาล(มนุษย์) ในการห้ำหั่น ตามล่า ล้างผลาญ
รวมถึงการทดลองชีวพันธุกรรม อย่างผิดกฎหมาย และผิดต่อปฏิญญาสากลระหว่างกาแลกซี่ อีกมากมาย โดยรัฐบาลมนุษย์ เพราะหวังจะเอาเทคโนโลยีต่างดาวมาใช้ และสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร ไปชมกันเองครับ
...
โดยส่วนตัว ตอนแรกผมอึดอัดมากกับหนังเรื่องนี้ เพราะเป็นหนังที่ตัดต่อดีมาก ถ่ายทอดอารมณ์ของคนและพวกกุ้งออกมาได้อย่างดี
พล็อตเรื่องดูไปดูมาจนเชื่อว่า นี่เป็นเรื่องจริง มากกว่ากำลังดูหนัง น่าติดตาม ไม่ค่อยมีช่วงน่าเบื่อ และไม่ค่อยเว่อร์จนเกินไปแบบที่เคยๆ ดูมา
ระหว่างที่กำลังดูหวนให้คิดคะนึงถึงเหล่าผู้ลี้ภัยตามตะเข็บชายแดนไทยที่มีอยู่กว่า 9 แคมป์(ที่เชียงราย เชียงใหม่ ตาก แม่ฮ่องสอน และกาญจนบุรี) (หลายแสนคน)(9 แคมป์ เข้ากับชื่อหนัง District 9) ที่ดูเหมือนจะไม่มีอนาคต ไม่ได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะได้รับ ไม่รู้ว่าจะได้ไปประเทศที่สามหรือเปล่า มีสัญชาติบ้าง ไม่มีสัญชาติบ้าง
การให้การดูแล แม้รัฐจะบอกว่าดูแลดี ทั้งด้านอาหาร สุขภาพ การแพทย์ การพัฒนา แต่พัฒนาแล้วจะเอาไปใช้ที่ไหน ในเมื่อเขาถูกจำกัดบริเวณการใช้ชีวิตนอกแคมป์แค่ 20 กิโลเมตร ไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ เรียนซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อขับในแคมป์ผู้ลี้ภัยงั้นหรือ ผู้ลี้ภัยในค่ายกินดีอยู่ดี กว่าคนไร้สัญชาติในละแวกเดียวกันเสียอีก เหอะๆ รัฐก็มักจะบอกว่าดูแลดีแล้ว ถ้าทางกายภาพคงไม่ถกเถียงอะไร แต่ถ้าทางจิต-สังคม (social psychology) ก็คงต้องบอกว่า มนุษย์เหล่านั้น ไม่ได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพในความเป็นมนุษย์
...
(USCRI (คลิกเพื่อเข้าเยี่ยมชม) // อย่างในกรณีผู้ลี้ภัย ประเทศไทยเรา มีผู้ลี้ภัยประมาณ 300,000 คน โดยอยู่ในศูนย์อพยพ 9 แห่ง ตามตะเข็บชายแดนประมาณ 140,000 คน และกระจัดกระจายตามที่ต่างๆ ประมาณ 200,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยจากประเทศพม่าหนีภัยสงครามมา อยู่ในค่ายลี้ภัยมาตลอดชีวิต บางคนเสียชีวิตอยู่ในค่าย บางคนออกลูกหลาน ไม่มีโอกาสออกไปไหนมาไหนตามปกติ ต้องอยู่ในค่าย บางคนอยู่มา 20 ปี ชีวิตไม่มีอะไรดีกว่าเดิม กลายเป็นเหมือนคนติดคุก งานการก็ไม่มีทำ บางคนเขาบอกว่าติดคุกยังดีกว่า ยังมีโอกาสในการที่จะออกจากคุกหรือได้อภัยโทษ แต่ถ้าอยู่ค่ายกักกันไม่รู้ว่าจะออกไปได้เมื่อไหร่ ชีวิตอยู่อย่างนี้ก็เหมือนคนสิ้นหวัง
ท่านฌอง-ฟรองซัวส์ โกแตง อุปทูตของสำนักงานคณะผู้แทน คณะกรรมาธิการยุโรป ก็อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของการดูแลผู้ลี้ภัยในไทย ที่ยุโรปบริจาคมากว่า20 ปี แต่มิติของชีวิตคนเหล่านั้นก็ยังเหมือนเดิม บางคนเกิดในค่าย บางคนตายในค่าย ผู้บริจาคอยากเห็นการดูแลผู้ลี้ภัยที่ยั่งยืนกว่านี้)
(ตามความเห็นของผม ผมว่ารัฐ-เตะถ่วงหน่วงปัญหาไว้ ไม่ยอมแก้ไข เพราะถ้าแก้ได้ จะไม่มีปัญหาตะเข็บชายแดนอีกต่อไป และนั่นอาจกระทบกับผลประโยชน์ของคนเลวกลุ่มใหญ่ ซึ่งอาจจะอาศัยมาในหลากหลายรูปแบบทั้งขบวนการค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด การขูดรีดส่วยต่างๆ หรือแม้แต่การที่รัฐอยากให้พื้นที่นั้นเป็นพื้นที่กันชน เพื่อตักตวงผลประโยชน์อย่างอื่น เช่น ทรัพยากรธรรมชาติระหว่างประเทศ ที่พวกมันตักตวง(หรือแดกห่า)กันอยู่ต่อไป)
...
มีแก๊งค์ มีการค้ายา มีกลุ่มอิทธิพล มีการล่วงละเมิด และกำลังโดนอำนาจเหนือบังคับ เหมือนที่พวกกุ้งโดนในหนัง นี่แค่ในเมืองไทย
ในประเทศแถบแอฟริกาก็มีเหตุการณ์อย่างเดียวกัน ทำนองนี้แหละ รัฐบาลโคตรพ่อโคตรแม่ รบกัน ฆ่ากัน ประชาชนตาดำๆ ต้องมาอยู่ค่ายผู้ลี้ภัย ค่ายผู้อพยพ ยกตัวอย่างใน ดาร์ฟู (ที่มีการสร้างหนังเรื่อง Blood Diamond) ที่เป็นข่าว แต่ที่ไม่เป็นข่าวมีอีกมากมาย ที่โดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ข่มขื่น ทารุณกรรม ประดุจหนึ่งไม่ใช่มนุษย์เฉกเช่นเราท่านทั้งหลาย
ไม่แน่ใจว่า ผู้สร้างและผู้กำกับจงใจหรือไม่ ที่จะนำเสนอมุมมองเรื่องราวของเขาเหล่านี้ผ่านพวกกุ้ง เพราะหากเป็นอย่างนั้นจริง หนังเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังการเมือง หนังสิทธิมนุษยชน และหนังที่อยากจะบอกเรื่องผู้อพยพลี้ภัย ที่แนบเนียนที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา ก็คือ ทำให้เป็นหนังวิทยาศาสตร์ (Sci-Fi) ซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ดูๆ ตัวอย่างอีกอัน
...
ลองไปดูหนังเรื่องนี้กันนะครับ
ผมว่าครู ก็สามารถนำประเด็นจากหนังไปสอนลูกศิษย์ได้
พ่อแม่ ก็คุยกับลูกได้
นักสิทธิมนุษยชน ก็เอาไปเปิดพูดคุยกันได้
นักการเมือง ก็ดูๆ แล้วสำนึกไว้
ถ้า พวกกุ้ง ในหนังเป็นมนุษย์ต่างดาวยาจก แร้นแค้น อดอยาก ถูกเปลี่ยนเป็นมนุษย์ผู้ด้อยโอกาส แร้นแค้น และด้อยโอกาส เราก็คงจะเห็นความจริงบางอย่างว่า เราทั้งหลายดูแลมนุษย์ด้วยกันได้ไม่ดีเท่าที่ควร แม้แต่ในประเทศของเรา
น้องหม่อง พับกระดาษลอยในอากาศได้นาน ได้ไปญี่ปุ่น แล้วคนเด็กคนอื่นๆ ล่ะ หรือว่าปล่อยไป เหมือน พวกกุ้ง ตัวอื่นๆ แบบในหนัง
หนังการเมือง เรื่องนี้สนุกมากและสร้างบรรยากาศอึดอัดให้กับคนดูแบบผมได้มากโข โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากตอนที่วิคัส โดนสารชีวเคมี ช่างน่าอึดอัด กระอักกระอ่วนใจเหลือเกิน
มนุษย์เราไม่ค่อยยอมรับความเป็นอื่น ไม่ค่อยยอมรับความแตกต่าง และมักจะหาประโยชน์จากคนที่ด้อยกว่าเสมอ ... โดยเฉพาะเมื่อคนที่เห็นแก่ตัวมีอำนาจ คนเหล่านั้นจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ รักษาไว้ซึ่งอำนาจ รวมถึงอาจพยายามทำลายล้างผู้อื่นทุกวิถีทาง เพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์
ผมว่ามีหลายคน ที่เป็นมนุษย์แบบนั้น และพวกเราก็เป็นเพียงแค่ "พวกกุ้ง" ให้คนแบบพวกมัน
คุณโจ๊กบอกว่า ถ้ามีแองเจลิน่า โจลี่ ฑูตผู้ลี้ภัย UN มาร่วมแสดงหนัง คงสมจริงมาก
ฮ่าๆ
สรุป ผมเขียนเรื่องหนัง และอยากชวน
ให้ทุกๆท่านที่อาจผ่านมาได้อ่านบันทึกนี้
ไปดูหนังเรื่องนี้กันนะครับ รับรองจะติดใจ
ความเห็น (7)
พี่ไม่ค่อยได้ดูหนังเท่าไหร่ อาศัยดูจากHBO บ้าง นานๆก็ไปดูหนังโรงสักครั้ง
อ่านดูแล้วน่าสนใจมากนะคะหนังเรื่องนี้ การทำเอาหนังมาฉายแล้วใช้เป็นตัวกระตุ้นความคิดในวงที่ตั้งเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเป็นวิธีที่ดีมาก ฝรั่งใช้กันเยอะ เดี๋ยวนี้คนไทยก็รับวิธีการมาใช้เหมือนกัน
ประเด็นเรื่องคนอพยพ คนไร้สัญชาติเป็นสิ่งที่ต้องผลักดันกันอีกยาวนานด้วยเหตุผลที่คุณเหลิมกล่าวนั่นแหละค่ะ
มนุษย์ต่างดาว ไปโผล่เหนือแอฟริกา แค่นี้ก็เท่แล้ว ในหนังเรื่องนี้ มนุษย์ต่างดาว ไม่ได้มายึดครองโลก แต่มนุษย์ต่างดาว มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัย
....
ประเทศไทย มีผู้ลี้ภัยจำนวนไม่น้อย มีทั้งรอไปสู่อีกประเทศ และมาเพื่อฝากผีฝากไข้..ก็เยอะแยะ
ขอบคุณครับ
K. Nong Tar,
เราคิดแบบเดียวกันเลย ตอนที่ดู Trailer ของเรื่องนี้
อย่างที่เขาว่ากัน "Great mind thinks alike"
แปลว่า "คนฉลาดมักจะคิดอะไรเหมือน ๆ กัน"
นัดกับเพื่อนแล้วว่าจะไปดูแล้วเอามาคุยกัน แล้วจะชวนมาเม้าท์กันเน้อ
ด้วยความระลึกถึง
แหว๋ว
เรื่องทั่วไป จริงจังมาก เป็นเรื่องไม่เฉพาะเจาะจง บรรเทิงมั้ย? ไม่แน่... สนุกมั้ย? ไม่แน่... น่าเบื่อมั้ย? ไม่แน่... บันทึกเตือนความจำ จะได้ขำๆ เวลากลับมาดู
มาบอกว่าสนุกค่ะ อ่านบันทึกก็เหมือนจะได้ดูแล้ว แต่ไม่ดูดีกว่ามั้ย?ไม่แน่...อิอิ
เรียนแบบคุณตาเหลิมค่ะ
วันก่อนจำได้ว่าบันทึกคุณตาเหลิมก็มีอาการแบบนี้ เปิดมามีแต่หัวอ่านอะไรไม่มีเลย
http://gotoknow.org/blog/pree-d2/299194
บันทึกของท่านเกษตรอยู่จังหวัดหนองคายก็เป็นแบบนี้ เป็นอีหยังแล้วค่ะ ไปบอกท่านเกษตรหน่อยค่ะ
อย่างไรเสีย ถ้าว่าง ก็ควรจะไปดูนะครับ จะได้อารมณ์ไปอีกแบบ
แบบว่า... ดูเอง
สวัสดีค่ะ เก่งจังเลยนะคะที่วิจารณ์หนังและเปรียบเทียบกับสังคมปัจจุบันได้แบบเจ็บๆคันๆ
ขอบคุณนะคะที่ไปเยี่ยมกิจกรรมเด็กป่วยค่ะ...
