Statelesswatch: สภาทนายความ ยื่นฟ้องศาลปกครองขอให้มีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉิน สานฝันน้องหม่องไปญี่ปุ่น


สถาบันวิจัยและพัฒนาเพื่อการเฝ้าระวังสภาวะไร้รัฐ                                 Stateless Watch for Research and Development Institute of Thailand (SWIT)

437/37 ซ.จรัลสนิทวงศ์ 35(วัดมะลิ) ถ.จรัลสนิทวงศ์ แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย  กรุงเทพฯ 10700
437/37 SoiJaransanitvong 35 (wadmali) Jaransanitvong Rd. Bangkhunsri Bangkoknoi Bangkok 10700
[email protected]  Tel/Fax (66)2-864-9009


เรียนสื่อมวลชนทุกท่าน --แจ้งข่าวด่วน

สภาทนายความ ยื่นฟ้องศาลปกครองขอให้มีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉิน

สานฝันน้องหม่องไปญี่ปุ่น

 

3 กันยายน 2552- วันนี้เวลา 11.00 น. สภาทนายความ โดยนายนิติธร ล้ำเหลือ ประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ ทนายความผู้รับมอบอำนาจฟ้องคดีแทนเด็กชายหม่อง ทองดี และคณะได้เดินทางไปที่ศาลปกครอง เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  (นายชวรัตน์  ชาญวีรกุล) ทั้งนี้เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนเสียหาย โดยได้รับผลกระทบอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร มีผลเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของผู้ฟ้องคดี ทั้งยังกระทำการที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 หลักสิทธิมนุษยชน ส่งผลกระทบต่อหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรม ทั้งการปกครองระบอบประชาธิปไตย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ฟ้องคดีอย่างร้ายแรง  


สภาทนายความเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นกรณีสำคัญเร่งด่วน จึงเดินทางไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอศาลมีคำสั่งให้ ไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวแก่เด็กชายหม่อง ทองดี  ซึ่งการอนุญาตก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือจะก่อให้เกิดปัญหาต่อความมั่นคงแต่อย่างใด โดยขอศาลได้โปรดมีคำสั่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอนุญาตให้เด็กชายหม่อง ทองดี  เดินทางออกนอกประเทศและเดินทางกลับเข้าประเทศได้ เพื่อดำเนินการแข่งขัน ฯ ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้น


หลังจากที่เมื่อวานนี้(2กันยายน) นายดวงฤทธิ์ เกติมา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยทราย จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยเด็กชายหม่อง ทองดี อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.ได้เดินทางเข้าพบ นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง และนายชำนิ บูชาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย เพื่อขออนุญาตให้กระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือรับรองให้เด็กชายหม่อง เดินทางออกและกลับเข้าประเทศไทยได้ เพื่อที่จะเดินทางไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับที่เมืองชิบะ ประเทศญี่ปุ่น


ทั้งนี้ เด็กชายหม่อง ทองดีได้รางวัลชนะเลิศการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่ 5 รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับ ที่เมืองชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง Japan Origami-Airplane Association (JOAA) ระหว่างวันที่ 18-20 กันยายน 2552และได้กำหนดให้เดินทางในวันที่ 16 กันยายนนี้ โดยทาง สวทช. และ เอ็มเทค  กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้แจ้งว่าต้องดำเนินการขอหนังสือเดินทางของคนต่างด้าว และนำหนังสือเดินทางไปขอวีซา ณ สถานทูตประเทศญี่ปุ่นภายในวันศุกร์ที่ 4 กันยายนนี้


โดยนายวงศ์ศักดิ์ ได้ชี้แจงว่า ตามกฎหมายไทย  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่มีอำนาจออกหนังสือรับรองดังกล่าวได้ เนื่องจากบิดา และมารดา ของเด็กชายหม่อง เป็นแรงงานต่างด้าว ไม่ใช่บุคคลที่มีสัญชาติไทย และเด็กชายหม่องมีสถานะเป็นผู้ติดตาม ดังนั้นการเดินทางออกนอกราชอาณาจักรจึงไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขตามประกาศกระทรวงมหาดไทย(หนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท.0204.2/1184 ลงวันที่ 1 กันยายน 2552)


ทั้งนี้คำฟ้องคดี ระบุว่า เด็กชายหม่อง ได้รับการบันทึกในทะเบียนราษฎรของประเทศไทยในฐานะผู้ติดตามแรงงาน และได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ แต่ในปี 2548  คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้มียุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล (มติคณะรัฐมนตรี 18  มกราคม 2548)  ซึ่งได้แยกประเภทเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติในสถาบันการศึกษาออกมา ได้รับการจัดทำบัตรประจำตัวบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน และได้รับการกำหนดเลขประจำตัว 13 หลัก ขึ้นต้นด้วยเลข 0 คือ 0-5001-89000-94-1 เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ..2548 โดยอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ..2550 และบัตรดังกล่าวจะหมดอายุในวันที่ 14 มกราคม พ..2560


นอกจากนี้สิทธิในเสรีภาพที่จะเดินทาง เป็นสิทธิเสรีภาพที่ได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 อันจะถูกจำกัดมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งไม่ปรากฎว่ามีกฎหมายใดห้ามมิให้ผู้ฟ้องคดีเดินทางออกนอกประเทศและกลับเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการเดินทางออกนอกประเทศเพื่อการสร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทย มิได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อความมั่นคงของประเทศแม้แต่น้อย และสิทธิในเสรีภาพที่จะเดินทางไปยังต่างประเทศนี้ ได้มีทางปฏิบัติอันเป็นปกติประเพณีของประเทศไทย


โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เคยอนุญาตให้บุคคลที่มีลักษณะเดียวกันกับผู้ฟ้องคดีเดินทางออกไปนอกประเทศและกลับเข้ามาในประเทศไทยมาก่อนแล้ว ได้แก่ อาจารย์อายุ นามเทพ ซึ่งเป็นอาจารย์สอนดนตรีคลาสิคที่มหาวิทยาลัยพายัพ ซึ่งถือบัตรประจำตัวผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ขึ้นต้นด้วยเลข 0 ได้เดินทางออกไปทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ หลายครั้ง เพื่อไปแสดงดนตรีรวมถึงแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งสิทธิในเสรีภาพดังกล่าวนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะต้องรับรองและให้ความคุ้มครองแก่บุคคลทุกคนโดยเสมอภาค และเลือกปฏิบัติมิได้ การดำเนินการไปในทางจำกัดสิทธิเสรีภาพดังกล่าว เป็นสิ่งที่ไม่อาจกระทำได้ เว้นแต่โดยผลของกฎหมาย และหากกฎหมายมีผลเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพก็จะต้องดำเนินการโดยละเอียด รอบคอบ อย่างเคร่งครัด  ทั้งต้องเปิดโอกาสให้ผู้ได้รับผลกระทบชี้แจงได้ โดยกำหนดระยะเวลาให้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ สิทธิในเสรีภาพที่จะเดินทางนี้ ยังผูกพันประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีที่จะต้องคุ้มครองรับรองแก่บุคคลด้วย ตามกติการระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางแพ่งและสิทธิทางการเมือง ยิ่งไปกว่านั้น โอกาสที่จะได้เดินทางไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับนั้น ยังหมายถึง โอกาสของการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กอย่างเด็กชายหม่อง เพื่อการพัฒนาไปสู่การมีชีวิตที่มีคุณภาพ การมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อย่างเสมอภาค อันเป็นสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองและผูกพันรัฐภาคีเช่นประเทศไทย ตามข้อ 24 แห่งกติการระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางแพ่งและสิทธิทางการเมืองและอนุสัญญาสิทธิเด็กทั้งฉบับ

หมายเลขบันทึก: 293924เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2009 15:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

น้องหม่องได้มีโอกาสเข้าพบท่านนายกรัฐมตรีแล้วครับ

เป็นที่แน่นอนว่าน้องหม่องจะได้เดินทางไปแข่งพับเรือบินกระดาษที่ประเทศญี่ปุ่นสมปรารถนาแล้วครับ

ขอบคุณข่าวสารครับผม ;)

สวัสดีครับคุณจุฑิมาศ

  • เรื่องราวของหม่องสะท้อนให้เห็นว่า

    -ข้าราชการไทยมิได้มุ่งมั่นในการปฏิบัติราชการเพื่อชาติ เพื่อ
     ประชาชน และเพื่อความถูกต้องดีงาม
    -ข้าราชการไทยส่วนใหญ่มิได้รอบรู้ในข้อมูล-ความรู้ที่ควรรู้ใน
     ตำแหน่งหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบอยู่
    -นักการเมืองที่มาดูแลกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆขาดความรู้และ
     ประสบการณ์ ตลอดทั้งขาดสำนึกในการปฏิบัติหน้าที่ใน
     ตำแหน่งหน้าที่ที่ตนเองเข้ามารับผิดชอบ
    -ความถูกต้องเที่ยงธรรมในบ้านเมืองนี้จะมีได้จึงอยู่ที่ประชาชน
     ต้องตื่นตัว รู้จักร่วมมือกัน มีจิตสาธารณะ ที่จะพิทักรักษา
     ปกป้องดูแลทุกข์สุขของกันและกัน
    -คนชั้นล่าง ชั้นไพร่สามัญชน คนธรรมดา แทบจะไม่มีที่ยืนบน
     แผ่นดินนี้
    -แผ่นดินไทยยังไม่ถึงกับสิ้นหวัง ยังมีบุคคล-ยังมีองค์กรที่มีจิต
     ใจงดงาม จิตใจที่เอื้ออาทรต่อผู้ด้อยโอกาสอยู่ไม่น้อย
  • สวัสดีครับ

paaoobtong
04/09/52
3:40

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท