หากถามว่าอำเภออะไรมีอุทยานมากที่สุดในประเทศไทย จะมีใครตอบได้บ้าง ผมเองก็ไม่แน่ใจหรอกว่าอำเภออะไรแต่ที่ อำเภอคุระบุรี มีถึง 4 อุทยานด้วยกันในอำเภอเดียวเท่านั้น คือ อุทยานศรีพังงา อุทยานเกาะสุรินทร์ อุทยานแหลมสน และเตรียมประกาศอุทยานเกาะระเกาะพระทอง ส่วนที่เหลือก็เป็นป่าสงวน พื้นที่ป่าชายเลน เตรียมประกาศแรมซ่าไซต์ พื้นที่สวนพฤกษศาสตร์ เขตพื้นที่อนุรักษ์เพื่อการวิจัย และไม่รู้ว่าจะมีอะไรตามมาอีก ด้วยการที่พื้นที่อุทยานกับพื้นที่ชุมชนไม่มีความชัดเจนเอาสะเลยทำให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่อุทยานกับประชาชน โดยต้นตอของปัญหาคือ การที่ประกาศพื้นที่อุทยานโดยการใช้แผนที่ทางอากาสเป็นหลักแต่ไม่ได้ลงพื้นที่เพื่อศึกษาพื้นที่เองโดยตรง ผลตามมาคือ พื้นที่ซึ่งขีดว่าเป็นอุทยานกลับเป็นพื้นที่การเกษตรของประชาชนโดยเฉพาะสวนยางพารา ปัญหาที่ตามมาคือการจับกุมชาวบ้านที่เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตนเองอย่างไม่สิ้นสุดเช่นการปลูกยางพาราพอหมดอายุยางก็จำเป็นต้องโค่นเพื่อปลูกใหม่แต่เมื่อโค่นปุ๊บถูกจับทันที่ข้อหาตัดไม้ทำลายป่า ไอ้ที่นายทุนมันเอาแม็กโครไปว่งบนภูเขาเสียงออกจะดังไม่เห็นโดนจับสักราย บางรายอยู่ในเขตอุทยานชัดๆติดถนนใหญ่ด้วยนะก็ไม่เห็นอะไรเกิดขึ้นเลย เคยมีการเสนอว่าให้มีการพิสูจน์สิทธิ์ ว่าใครมาก่อนแต่กระบวนการดังกล่าวก็ถูกดองไว้จนมาถึงช่วงของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีคณะจากสำนักนายกลงพื้นที่และให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หากดูแผนที่อำเภอคุระบุรีจะเห็นว่า ขึ้นมาบนฝั่งหน่อยจะเจอกับอุทยานศรีพังงา ลงในทะเลบรเวณชายหาดจะเจอกับอุทยานแหลมสน ลงทะเลไปหน่อยจะเจอกับอุทยานเกาะสุรินทร์ แล้วชาวบ้านจะอยู่ตรงไหน ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพประมงและทำสวนมาแตเดิม เคยออกหาปลาได้ปริมาณมากๆ แต่ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้วตอนนี้แทบไม่มีที่จะทำกิน ขยับตัวหน่อยก็ติดอุทยาน อุทยานอาจเป็นที่ซึ่งหลายต่อหลายคนได้ไปยลโฉมธรรมชาติอันสวยงามสร้างรายได้เข้าประเทศมากมาย ให้กับธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งมีนายทุนใหญ่ๆแค่ไม่กี่คนเป็นเจ้าของกิจการ แต่อย่าลืมว่าชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ก็เดือดร้อนเพราะอุทยานที่สวยงามนั้นอย่างหนักหนาเหมือนกันครับ
สวัสดีค่ะ
ศิริวรรณ มีชีวิตวัยเยาว์ที่บ้านเตรียม สมัยนั้นอยู่ในกิ่งอำเภอเกาะคอเขา ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นอำเภอคุระบุรี สภาพความอุดมสมบูรณ์นั้นสุดพรรณนา ที่นั่นไม่มีตลาด ของกินมีทั้งในป่าหลังบ้าน ในป่าชายเลนที่ไม่ไกลจากบ้าน ความเจริญมีเพียงถนนหมายเลข ๔ ที่ผ่านหน้าบ้าน ไฟฟ้าไม่มี ประปาไม่มี มีแต่น้ำบ่อ น้ำคลอง ธุรกิจที่มีให้เห็นคือเตาเผาถ่าน ซึ่งตั้งอยู่ริมป่าชายเลน เพราะเขาใช้ไม้โกงกางมาเผาถ่าน สวนยางก็มีบ้าง (อาจเพราะยังเด็กมาก มองไม่เห็นภาพรวม)สมัยนั้น ไม่มีอุทยานใดๆ ทั้งสิ้น วันดี คืนดี พ่อกับแม่ก็พาไปปิคนิคที่ชายทะเลอ่าวเคย ทุกวันนี้ ภาพเหล่านั้น ยังตราตรึง อาหารสุดฮิตแสนอร่อยคือ ไก่ป่าฝีมือการปรุงของแม่ (พ่อจะตื่นแต่เช้าไปหามาจากป่าหลังบ้าน) ต้มเห็ดโคน/เห็หูหนู ผัดเห็ดขอน/เห็ดหมาก อาหารทะเลนานาชนิด(ปลาอมไข่ทอดกรอบ กุ้งอบหวานๆ หอยทะเลเผา ฯลฯ )อาหารป่าก็เยอะ ลิ้มรสมาแล้ว คือ หมูป่า ค่าง หมี เสือ ฯลฯ เรียกว่า เจออะไร ก็กินไอ้นั่น เดี๋ยวนี้ไม่อยากกินแล้ว สงสารมัน แต่ตอนนั้น เราไม่รู้ รู้แต่ว่า มีอะไรให้กินก็กิน
ขอบอกว่า รักบ้านเตรียมที่สุด เรียนจบป.๔ ที่โรงเรียนบ้านเตรียม เรียนป.๕-๖ ที่โรงเรียนคุระบุรี ก่อนจะย้ายไปอยู่กับคุณปู่จนจบป.๗ที่ชลบุรี กลับมาอยู่พังงาอีกครั้งตอน มศ.๑-๕ ที่อำเภอเมืองพังงา บรรยากาศไม่เหมือนบ้านเตรียมเลย
ศิริวรรณ
พี่หน่อย ตามมาเยี่ยมจ้า
เป็นความรู้จริงๆนะครับสำหรับเรื่องนี้