ปาย ตอน ปายฝน..ที่แตกต่าง 4


อควา รีสอร์ท..ที่พักสุดฮิป

    

 

วันเอาทิตย์ ที่ 16 สิงหาคม 2552 (ต่อ)   แล้วในที่สุดฉันก็พาเพื่อนสาวมาถึง Aqua Resortจนได้    ปรากฏว่ามีห้องว่างแล้วสองห้อง คือห้อง 01 และ 10    ราคาปกติคือหนึ่งพันบาทแต่ลดให้เหลือห้าร้อยบาทต่อคืนเพราะเป็นช่วงหน้าฝน    ฉันยังมีหน้าถามพี่เด่นว่า "ลดเหลือสี่ร้อยบาทไม่ได้จริงๆ อ่ะ?"    พี่เด่นยิ้ม..ม..ม แล้วบอกว่า "ไม่ได้จริงๆ ครับ"     ฉันอยากได้ห้องที่ติดลำธารแต่พี่เด่นบอกว่าแขกจะอยู่ต่อคืนนี้    เศร้ามากเลยกะจะเอาเสียงน้ำไหลซู่ๆ ไว้บิวด์อารมณ์เขียนโปสการ์ดถึงพี่ๆ เสียหน่อยก็ไม่ได้    เลยเรื่องมากอีกขอพี่เด่นเลือกห้องที่ไกลๆ ผู้คน และเงียบสงบ     พี่เด่นยื่นกุญแจห้อง 10 ให้ฉันไปเดินดู    เดินจนขาลาก..ไกลมากๆ  แต่เพื่อนสาวติว่า.. "คุณ..ค่ำ ๆ น่ากลัวแน่ๆ และต้องเดินไกลขนาดนี้ไม่ไหวค่ะ    ไหนจะเป็นห้องกระจก   ไหนจะต้นไม้รอบบ้านดูแห้งแล้งยังไงก็ไม่รู้   เค้าไม่ชอบอ่ะ   ไม่เอาห้องนี้นะคุณ   นะนะน๊า.."     แล้วฉันจะมีสิทธิ์เลือกหรือคะ???????    เลยเดินกลับไปบอกพี่เด่นว่าเลือกห้อง 01 ค่ะ    ก็ได้กุญแจมาเปิดห้องทันที   

ห้องพักหมายเลข 01 ของฉันดูน่ารักและโรแมนติก    แต่ไม่เหมาะกับคู่รักที่หวังจะมาฮันนีมูน อิอิ     เพราะโดยรอบเป็นผนังห้องกระจกที่แสนจะสวยงามแต่คนพักต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวเล็กน้อยอยู่บ้าง    เอาล่ะ..ก็ไม่ได้โล่งโจ้งขนาดนั้นเพราะรอบๆ บ้านก็มีต้นไม้ปลูกไว้โดยรอบพอจะกันสายตาคนนอกได้มากอยู่เหมือนกัน    และบ้านพักแต่ละหลังก็มีระยะห่างกันสักยี่สิบเมตรได้ล่ะมั้ง (ไม่แน่ใจ)   บรรยากาศน่าอยู่น่าอาศัย   ห้องพักดูสะอาด  เตียงก็น่านอน   ฉันดีใจที่เลือกที่นี่ในราคาห้าร้อยบาทในช่วงโลว์ซีซั่นนี้เหลือเกิน    แถมยังมีบริเวณกว้างขวางหลายไร่ และมีสระว่ายน้ำสำหรับแขกที่มาพักให้ได้ลงเล่นน้ำกันด้วย

 

ห้องสวยชวนฝัน..ของฉัน

   

   

 

ริมระเบียง..สำหรับนั่งคิดถึงใคร

   

 

เดินออกไปทางระเบียงก็เจอห้องน้ำ

    

 บริเวณอ่างล้างหน้า

ฉันเดินสำรวจห้องน้ำ  แล้วเห็นอ่างล้างหน้าเข้าท่าดีก็เลยงับประตูแล้วล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย    แล้วจู่ๆ เจ้าบูบู้ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้เปิดประตูเข้ามาในห้องน้ำ..ฉันเลยร้องกรี๊ด..ด..ด     อยากเตะสักป๊าบแต่กลัวจะเสียภาพพจน์น้องนางเอกของพี่ปู P (poo)เลยได้แต่ฮึ่มๆ อยู่ในใจ    เจ้าหมาไม่มีมารยาท..ไม่รู้จักเคาะประตูก่อนเปิดผั๊วะเข้ามา    เจ้าหมาไม่ได้รับการสั่งสอน    เจ้าหมา!&%$#+\^&*    นั่งดุมันจนเมื่อยก็ดูเหมือนมันไม่ได้สำนึกเอาเสียเลยเพราะยังคงอยากกระโดดกอด เอ๊ย! เกาะฉันอยู่นั่น    ฉันเองก็ไม่ได้อยู่ชมรมคนรักหมาเสียด้วย     เป็นประเภทเอ็นดูแบบไม่ต้องเข้ามาใกล้     แต่เจ้านี่คงจะไม่รู้     รีบล้างมือแล้ววิ่งเข้าห้องปิดประตูดังปัง! หนีมันไปเลย     เจ้าบูบู้ที่วิ่งตามมาก็เลยนั่งแหมะเฝ้าฉันกับเพื่อนสาวอยู่นอกห้องเสียเลย     แล้วก็มีเจ้าน้องหมาจากไหนไม่รู้มานั่งเฝ้าเป็นเพื่อนด้วยกัน    

เจ้านี่ชื่อ "บูบู้"..เป็นเจ้าบ้าน

เจ้าตัวนี้ไร้ชื่อ..ชอบเดินตามฉัน

 

ฉันนอนอ่านหนังสือที่นำติดตัวไปด้วย    ในคราวนี้เลือกหยิบ "เท่าดวงอาทิตย์" ของคุณประภาส  ชลศรานนท์ ติดกระเป๋ามาถึงแม้ว่าจะเคยอ่านอยู่หลายครั้งแล้วที่บ้าน    ฉันตีสนิทกับผู้ชายคนนี้โดยที่เขาไม่เคยจะรู้สึกตัว    ฉันมีหนังสือชุดคุยกับประภาสไว้ที่บ้านซึ่งหนังสือนั้นก็ไม่ใช่ของตัวเอง    เป็นของเจ้P(ครูบิ๋ม-ลูกสาวเจ้านาย)ที่เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรต่อมิอะไรของฉัน    ฉันเคยคุยกับคุณเดย์Padayday ถึงพี่จิก (เริ่มเรียกแบบสนิทสนม อิอิ) ว่า..ถ้าถามพี่ว่า "ประภาส  ชลศรานนท์" เป็นใคร???   พี่ตอบได้เลยในทันทีว่า..เขาเป็นอัจฉริยะ  ^^   พี่ให้คำจำกัดความสั้นไปไหมคะ?    หนังสือชุดคุยกับประภาส เป็นของเจ้คนสวย (ลูกสาวเจ้านาย)ค่ะ    เธอซื้อมาให้ยืมอ่าน    เวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายปีก็ยังไม่เห็นทวงสักที อิอิ   อ้อ..เคยบอกจะคืนไปทีล๊ะ  แต่เธอบอกว่าเก็บไว้ก่อนเพราะเธอยังไม่มีเวลาอ่านแน่ๆ    พี่ก็เลยมีเวลาหยิบมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้เบื่อจนถึงบัดเดี๋ยวนี้    พี่เคยสงสัยว่าคุณประภาสอาจจะมาจากดาวดวงอื่น ที่มีชื่อว่า "ดวงดาวหมายเลข 9"  และสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนั้นต้องมีสมองอันชาญฉลาดไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม  วัฒนธรรม  วิทยาศาสตร์  ปรัชญา  ศิลปะ  ฯลฯ   ตลอดจนมีการดำรงชีวิตที่น่าสนใจมาก    พี่ไม่ใช่แฟนมติชนหน้า 14 อย่างที่ใครๆ เขาเป็น   แต่พี่เคยแวะเวียนไปเยือนเวบไทยมุงเมื่อหลายปีก่อน    และพี่เป็นเหมือนเดย์ก็คือแอบทำความรู้จักมักจี่โดยที่คุณประภาสไม่รู้ตัว    ทุกๆ ครั้งที่หยิบหนังสือคุณประภาสขึ้นมาอ่าน   สิ่งหนึ่งที่พี่ได้จากเขาก็คือ "ความคิด"    อืม ถ้าพี่ได้มีโอกาสเจอคุณประภาส   พี่ก็คงจะยิ้มอย่างเขินอาย และบอกเขาไปว่า "ขอบคุณใครหรืออะไรก็ตามที่ทำให้คุณเกิดมายืนอยู่ตรงนี้"  อิอิ  จะต่างไปจากคุณเดย์ไหมเนี่ย???????

นอนอ่านหนังสือจนงีบหลับไป..มารู้สึกตัวก็บ่ายแก่ๆ    เพื่อนสาวชวนออกไปหาอะไรทานกัน(อีกแล้ว)    โอเค..มีหรือฉันจะกล้าปฏิเสธเพราะท้องร้องจ้อกๆ เหมือนกัน     สองสาวขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาร้านผัดไทหน้าวินอันลือลั่น     หลงไปหลงมาก็เลยจอดรถถามผู้ชายคนหนึ่งแต่ไม่ได้เรื่องเพราะฉันฟังเขาพูดสำเนียง "โผเอาแคเราะมาฝ่ะ" ไม่เข้าใจ     เลยอำลาจากเขาแล้วไปหลงทางต่อก็จอดรถถามน้องผู้หญิงข้างทาง    จริงๆ แล้วมันไม่ไกลจากจุดที่ถามเลย อิอิ     แต่เพื่อนสาวบอกให้ซิ่งมอเตอร์ไซค์ผ่านไปก่อนเพราะดูเหมือนว่าร้านผัดไทหน้าวินไม่มีคนเลย     แล้วเธอก็สะกิดให้ฉันจอดหน้าร้านคุณนาก๋วยเตี๋ยวไทยที่มีลูกค้ารุมเนืองแน่น    เห็นลูกค้าเนืองแน่นนี่มันสร้างความมั่นใจให้เราระดับหนึ่งแต่ก็อย่าเพิ่งมั่นใจจนกว่าจะได้ชิมด้วยตัวเอง    ฉันสั่งผัดไทเส้นข้าวซอย(สี่สิบบาท) และเพื่อนสาวสั่งก๋วยเตี๋ยวไทยไทย(สามสิบบาท)    ส่วนเครื่องดื่มเพื่อนสาวพกน้ำเปล่ามาจากที่พัก อิอิ เห็นไหมว่าเธอแสนจะรอบคอบ    ฉันสั่งนมเย็น (ที่ได้มาน่ะหวานโครตๆ เลยแต่ก็อร่อยดี)    ผัดไทเส้นข้าวซอยของฉันก็อร่อยใช้ได้ แต่เพื่อนสาวบ่นว่าก๋วยเตี๋ยวไม่อร่อย   

ร้านคุณนาก๋วยเตี๋ยวไทยไทย

   

 

จากนั้นเราก็ไปต่อกันที่ร้าน All about coffee อันโด่งดัง     เพื่อนสาวสั่งเฟรนส์โทสต์กับสมู๊ทตี้ผลไม้นมโยเกิร์ต   ส่วนฉันเลือกสั่งบานอฟฟี่ในตำนาน     ที่สั่งเนี่ยเพราะดูจากในเวบไซต์ที่เห็นใครๆ ก็บอกว่าอร่อย    ได้ยิน-ได้ฟัง-ได้อ่านเกี่ยว กับร้านนี้มาเยอะ     ทั้งในด้านดีและไม่ดี    บ้างก็ว่าเป็นร้านที่มีอัตตาสูง..ไม่เอาใจใส่ลูกค้า    บ้างก็ว่าร้านนี้น่ารักมาก..น่ารักสุดๆ    แต่ฉันไม่ทันจะได้ซึมซับอะไรเกี่ยวกับร้านนี้นอกจากรีบจัดการมื้ออิ่มตรงหน้านี้ให้หมดเพื่อจะได้กลับไปนอนโอ้ลั๊นลาที่บ้านพัก (ดีกว่า)

All about coffee  ในปายฝน..ดูเงียบเหงา

เฟรนส์โทสต์ กับบานอฟฟี่ในตำนานของใครๆ

   

    

ผนัง..รอบๆ ห้องชั้นบน กับงานศิลป์

    

 

ระหว่างทางกลับที่พักก็แวะซื้อน้ำสีๆ    เซ็งมากๆ เพราะตอนฉันจะกว้านซื้อเสียทุกสี ทุกยี่ห้อ เพื่อนสาวก็เหน็บว่า.."หนัก..อีกเดี๋ยวเราก็จะออกมาอีกน่ะ   แล้วคุณจะขนไปทำไมนักหนา    ทำอย่างกะว่าจะไม่ออกมาแล้วงั้นล่ะ"    โอย..ย..ย ยัยคนนี้นี่    พี่คนขาย (ที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเราบ้างแล้วเพราะสองสาวซื้อทีละมากๆ)ได้แต่ยืนยิ้มกริ่มคอยดูว่าฉันจะทำยังไงต่อไป    จากสิบขวดก็เลยเหลือแค่ไม่กี่ขวด (กะจะทำวิจัยนะเนี่ยว่าแต่ละสี  แต่ละรสชาติ  แต่ละยี่ห้อ จะต่างกันยังไง)     ตามเงื่อนไขก่อนมาปาย..เธอให้ฉันตามใจเธอมากๆ ก็เลยทำให้ฉันไม่กล้าขัดใจเธอ 

    

พอกลับมาถึงAqua Resort ฉันก็เลยทำงอนเสียเลย    ออกมานั่งเขียนโปสการ์ดถึงพี่ๆ ดีกว่า แต่เขียนได้สองสามใบก็ไม่ไหวล่ะ    เพราะเจ้าบูบู้กับเจ้าไร้ชื่อมาป้วนเปี้ยนขอขนมกินใกล้ๆ    เลยนั่งคุยกับเจ้าน้องหมาสองตัวนี่ประชดถึงคนที่อยู่ในห้องเสียเลย    ฉันนั่งดื่มโดยมีน้องหมานั่งแหมะอยู่ตรงหน้าสองตัวเป็นเพื่อน    แต่ดื่มไปได้สักพัก..ฝนก็ตกมาปรอยๆ    เลยเก็บโปสการ์ดเข้าไปไว้ในห้องแล้วออกมานั่งดื่มกับน้องหมาสองตัว    สักพัก..ฝนฟ้าก็ตกหนักจนทั้งคนทั้งหมากระเจิงไปคนละทิศ  

 

ผ่อนคลาย..ผ่อนใจ..ผ่อนอารมณ์

 

ค่ำๆ ที่ความมืดโรยตัวมาครอบคลุมทั่วผืนบริเวณ   ข้างนอกห้องก็มีสายฝนโปรยปรายดูโรแมนติกเหลือเกิน    ฉันเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำแล้วทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเพื่อนสาวกรีดร้อง    ปรากฏว่า..เธอเจอตุ๊กแกตัวใหญ่ยักษ์อยู่บนด้านหัวเตียง   เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ อิอิ   พอตามพี่เด่นมาจัดการไล่เจ้าตัวประหลาดออกไปให้แล้วเพื่อนสาวก็เริ่มจ๋อย    คงเพราะกลัวว่าเจ้าตุ๊กแกจะมาเยือนยามวิกาลอีกครา    จนฉันชักจะสงสารก็เลยบอกเธอไปว่า.. "ย้ายที่พักไหม   ไปปายภูฟ้ากันไหมคุณ  ใกล้ๆ นี่เอง   บ้านพักก็เป็นหลังเล็กๆ น่ารัก  และน่าจะมีแอร์มั้งไม่แน่ใจ...."    เธอทำหน้าเศร้าแต่ก็ไม่ย้าย    ฉันจึงจัดการกางมุ้งให้เรียบร้อย และคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เธอตลอด

ฝนตกเป็นระยะเวลายาวนานถึงสี่ห้าชั่วโมงและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก     ข้างนอกห้องก็มืดสนิท    ข้างในห้องก็เริ่มอยู่กันอย่างไม่สงบเพราะหิว    แอบเซ็งเพราะคืนนี้เราสองสาวกะจะไปนั่งชิลล์ๆ ที่ร้านไหนก็ได้     และที่สำคัญกะไปกว้านซื้อโรตีชีสมาทานให้จุกตายไปเลย    ดูซิ..ปาเข้าไปจะสองทุ่มแล้วฝนฟ้ายังคงตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย    ขนมที่มีไว้ก็พอจะเอามาทานให้พอประทังความหิวกันไปได้นะ..แต่ไม่ใช่ "ข้าว" อ่ะ    ความหิวนี่สร้างความกดดันให้กันและกันพอสมควร    ฉันรับอาสาขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปซื้อข้าวให้แต่เธอไม่ยอม    ในที่สุดจะสองทุ่มแล้วก็เลยออกไปยืมร่มพี่เด่นแล้วพากันซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ออกไปหาอะไรทาน

 

ฝนตกหนักขนาดนี้ถนนคนเดินเลยโล่งร้าง    ร้านรวงต่างก็ปิดเพราะคงไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนตากฝนออกมาหาอะไรทาน (นอกจากฉันกับเพื่อนสาว)    ไอ้ที่วาดวิมานในอากาศไว้ตั้งแต่ตอนเย็นๆ ว่าจะมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศคืนสุดท้ายก็มีอันต้องฝันสลาย    ก็สลายไปหมดนั่นล่ะรวมทั้งโรตีชีสด้วย    ขี่มอเตอร์ตากฝนไปเรื่อยๆ พลางนึกในใจว่า.."ไอ้ร่มนี่ไม่เห็นจะช่วยอะไรได้เลยนิ  และคงต้องฝากท้องไว้กับ 7-11 แล้วสิ"     ก็เจอร้านข้าวต้ม-อาหารตามสั่ง-หมูกระทะบุฟเฟ่ต์ เลยเลี้ยวเข้าไปจอดรถหน้าร้าน    ร้านนี้ค่อนข้างจะมีผู้คนหนาแน่นพอสมควร    สองสาวเลือกทานบุฟเฟ่ต์หมูกระทะ คนละแปดสิบเก้าบาทกัน    จากนั่งชิลล์ๆ เปลี่ยนมาเป็นนั่งตัวเปียกและรมควันหมูปิ้งเนี่ยนะ..ฮือๆๆ    แต่เพื่อนสาวยังมีอารมณ์หรรษาชี้ชวนให้ฉันถ่ายรูปเป็นหลักฐานไว้ว่าเราได้มานั่งทานหมูกระทะด้วยกันที่ปาย     ฉันเลยอดหัวเราะไม่ได้ทั้งที่ก็เป็นแม่เสือยิ้มยากคนหนึ่งเหมือนกัน     เลยเย้าเธอว่า.. "คิดเสียว่าเรานั่งทานบาบิคิวพลาซ่า  ไดโดม่อน  หรือ MK  หรืออะไรก็ได้ที่มันหรูๆ เนอะคุณ    ไว้กลับไปเชียงใหม่จะพาไปเลี้ยงให้ดีกว่านี้เนอะ.."   ^^    ถามว่าอร่อยไหม?..ไม่อร่อยหรอกสำหรับคนที่ enjoy eating อย่างฉันกับเพื่อนสาว (ที่เจอกันครั้งแรกก็ชวนไปทานบุฟเฟ่ต์อาหารเวียดนาม  ดู๊-ดู มีฟอร์มกันซะที่ไหน  แถมยังเกี่ยวก้อยกันตะลุยกินแหลกซะเกือบทุกอาทิตย์)    แต่วินาทีนั้นเราก็รู้สึกว่ามันอร่อยดีอยู่เหมือนกัน    ไอ้หมูสามชั้นบางๆ เค็มๆ มันๆ กับของที่มีเพียงไม่กี่อย่าง    ลักษณะสภาพร้านและสภาพอาหารบนถาดที่เราสองคนคงจะไม่มีวันเดินเข้าไปทานแบบนี้แน่ๆ ถ้าอยู่เชียงใหม่    หากแต่มันก็เป็นประสบการณ์ของเราสองคนที่มีร่วมกัน     สามทุ่มกว่า..เราสองคนก็เลยพากันขี่มอเตอร์ไซค์ตากฝนกลับบ้านพักที่อยู่ไกลออกไป

   ไปกินกันไกล..ถึงปายเชียวนะ

 

ค่ำคืนนี้ที่ได้นั่งมองดูสายฝนโปรยปราย..   เคยมีคนถามฉันว่า "เคยเห็นปลาร้องไห้ไหม?"    ตอนนั้นฉันได้แต่อมยิ้มและไม่ได้พูดอะไรออกไป    แต่หลายๆ ครั้งที่ฉันอยากจะร้องไห้ก็เคยเดินออกไปท่ามกลางสายฝน    น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสายกับเม็ดฝนที่โปรยร่วงลงมาจากบนฟ้าได้ทักทายกัน     ฉันคิดเอาเองว่า..คงจะไม่มีใครมองเห็นเวลาเราร้องไห้กลางสายฝนแน่ๆ     แต่บางครั้งก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น     เพราะมีอยู่บ่อยๆ ที่จะมีมือของใครสักคนเอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้ฉันเบาๆ แล้วถามว่า.. "ร้องไห้ทำไมคะ?   โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคะ"

 

โปรดติดตามตอนต่อไป..

หมายเลขบันทึก: 291165เขียนเมื่อ 26 สิงหาคม 2009 11:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (46)
  • เล่นเขียนแบบนี้ทุกที
  • อารมณ์ค้าง
  • ห้ามไปนานนะน้องตัวกลม
  • รออ่านต่อ

สวัสดีครับพี่ต้อม

อุดรบ้านเดย์เรียกว่า สั้นจุ๊ดปุ๊ด ครับ...อารมณ์ค้างเหมือนกัน ^^

งานเข้าอีกแล้ว น้องเนปาลี

ยิ่งดู ยิ่งอยากไปค่ะ...^^

มาในเมือง งั้นแวะมาหาก้อยบ้างจิค่ะ...อิอิ

เดี๋ยวนี้ เวียงแหง ไปมาสะดวกแต่ก่อนเยอะครับ

ผมเองไม่ได้ไปนานแล้ว ดูเหมือนว่าไปคร้ังสุดท้ายเมื่อราว ๕-๖ ปีก่อน

เคยขึ้นไปเที่ยวแถววัดจันทร์บ้างไหมครับ

เห็นว่าตอนนี้ถนนลาดยางถึงวัดจันทร์แล้ว ไปมาสะดวก

เพิ่งลงมาจากเชียงใหม่เมื่อวันก่อนนี่เอง

นานๆ ไปที รู้สึกว่าร้านเหล้าและร้านกาแฟผุดขึ้นมากมาย

สงสัยคนเชียงใหม่กลางวันจิบกาแฟ กลางคืนร่ำเมรัย

  • พี่ขจิตๆๆ..

กลับมาแล้วๆๆ  แต่...ได้เวลากลับบ้านพอดี  อิอิ   เอาหน่า พรุ่งนี้กลับมาเขียนต่อเนอะ

งามจังเลยค่ะน้องนางเอก ชอบห้องนอนชวนฝันเจ้าหญิงนะ ชอบระเบียงนั่งเล่น ชอบสวน ชอบ..

ส่วนห้องน้ำทันสมัยไปหน่อย ถ้าปล่อยให้โล่งโจ้งแบบรับลมธรรมชาติ เปิดบนดูฟ้า ดูดาว คง ... :)

 

อืมมม..น้องต้อมทำเอาคนอ่านอารมณ์ค้างเหมือนหนุ่มหน้ามนฯ คนแรกว่าจริงๆ ด้วย

อิอิ

  • คุณเดย์ คะ..

เอาหน่า  ก็สำหรับพี่ต้องมีบิวด์อารมณ์กันนิ้ด..ด..ด  ไม่รู้หรือคะ?  อิอิ

 หลอกล่อให้คุณณัฐรดา แวะเวียนเข้ามาในบันทึกนี้บ่อยๆ ไงล่ะคะ  ^^   เป็นแผนค่ะ  เป็นแผน

  • น้องก้อยคะ..

เย็นวันเสาร์นี้พี่จะเข้าไปค้างในเมืองค่ะ  ^^ มีโปรแกรมหม่ำหมูจุ่มค่ะ  เพื่อนสาวจะพาไปชิม       พี่ยังไม่มีเบอร์น้องก้อยเลย..อิอิ

ต้อมไม่เคยขึ้นไปวัดจันทร์ค่ะ   แต่เจ้านายขึ้นไปบ่อย   และไปวัดจันทร์นี่ขึ้นทางอินทนนท์ได้    ต้อมทำงานแถวๆ นี้ค่ะ    แล้วก็เพิ่งรู้ว่าจะไปวัดจันทร์เนี่ย..ไปทางปายก็ได้    เพราะสองสามอาทิตย์ที่แล้วเจ้านายลงจากเครื่องก็ให้คนขับรถไปรับที่แอร์พอร์ทแล้วตรงไปวันจันทร์โดยไปเส้นทางปายเลยน่ะค่ะ

ต้อมเป็นคนเชียงใหม่ที่กลางวันไม่จิบกาแฟ  แต่ร่ำเมรัยได้ตั้งแต่เช้าจวบค่ำค่ะ  ^^  อิอิ

  • ธุ  คุณเอกค่ะ..

อควา รีสอร์ท ต้องไปทางเดียวกับวัดพระธาตุแม่เย็นค่ะ   เลยปากทางเข้าวัดไปอีกสักเล็กน้อย..

สวยเนอะ..

  • พี่ปู..ขา..

ห้องนอนอนุญาตให้โล่งโจ้งได้  แต่ห้องน้ำขอมิดชิดเถอะนะ อิอิ ^^  ต้อมว่าห้องสวยงามเหมาะกับราคาดีค่ะ    ปกติที่ราคาคืนละหนึ่งพันบาท   แต่เนื่องจากเป็นหน้าฝนก็ลดเหลือห้าร้อยบาท 

 

  • ท่านหัวหน้าๆๆ..

ค้าง..ง..ง มากไหม?  เดี๋ยวเอาค้อนทุบให้หายค้าง  แหม๊..   ว่าแต่ปีนี้จะมาแวๆ ปายไหมคะ?   จะขอติดรถไปลงแม่ฮ่องสอนเพราะอยากกอดอา(จารย์)จ๊ะ  อิอิ

มาเก็บบรรยากาศค่ะ อิอิ

รอเวลาว่าง จะไปเยี่ยมปายอีกครั้งค่ะ

คิดว่าอิ่หมีพีมันแล้วในครานี้

แต่ยังไม่จบอีกแน่ะ

สงสัยต้องพาไปชิมอร่อยๆ ที่ไหนอีกแน่

อย่าลืมๆ..ลูกชิ้นปิ้ง

ของ "บูบู้"นะจ๊ะ

ร้องไห้ตอนฝนตกนี่ เข้าท่าดีค่ะ

..ไม่มีใครเห็น...

.... ร้องแล้วต้องเช็ดน้ำตาเองนะค่ะ

 

...ไม่ง่ายเลย....

.....ที่จะมีใครยื่นมือ.....มาปาดน้ำตาให้

  • ธุ  ครูเอค่ะ..

ไว้เราอาจจะได้เจอกันที่ปาย..เนอะ  ^^

  • ธุ  ครูอุ๋ยค่ะ..

แก้คำผิดให้ไม่ได้  อิอิ ^^   'งั้นต้อมคัดคำผิดแทนก็แล้วกันค่ะ   อิ่มหมีพีมันx10  อิอิ

คราวหน้าจะไม่ลืมลูกชิ้นปิ้งไปฝากบูบู้ค่ะ (ถ้าไปพักที่นั่น)   แต่จะว่าไปแล้วเจ้านี่กับอีกตัวกินหรูนะคะ   กินเค้ก  กินขนมที่เพื่อนสาวซื้อให้ต้อมไปมากกว่าต้อมเสียอีกแน่ะ

  • ธุ  ครูเออีกครั้งค่ะ..

คิดๆ อยู่ว่า..ร้องไห้ในสายฝนครั้งต่อไปจะพกผ้าเช็ดตัวไปดีกว่า   เปียกเอง..ก็เช็ดเองค่ะ  เนอะ ^^

ใช่ครับ วัดจันทร์ไปได้หลายทาง

ทางปาย ทางสะเมิง ทางดอยอินทนนท์ กระทั่งผ่านเข้าทางแม่ฮ่องสอน

สมัยหนุ่ม ๆ เส้นทางเหล่านี้เป็นที่สัญจรของผม

เคยข้ามจากวัดจันทร์ผ่านเส้นทางวิบากสุด ๆ ไปแม่ฮ่องสอน

ถนนหลายเส้นแถบนั้นเคยจอดรถนอนข้างทาง ผูกเปลนอนหลับใต้แสงจันทร์

แถวดอยอินทนนท์ก็มีหลายหมู่บ้านที่เคยไปพำนัก

บ้านหนองเต่า บ้านห้วยอีค่าง บ้านหนองมณฑา บ้านห้วยข้าวลีบ ฯลฯ

  • คุณหนานเกียรติคะ..

ใครๆ ก็บอกว่าวัดจันทร์สวย  แต่ต้อมก็ยังไม่เคยไปเห็นด้วยตาตัวเองเลยสักครั้ง ^^   ก็อยากไปอยู่เหมือนกันค่ะ   แต่เจ้านายเวลาลงพื้นที่ก็ไม่เอาไปด้วย  

ไว้สักวันก็คงจะได้ไปเยือนล่ะคะ  ต้องมีสักวัน..ต้องมีสักวัน อิอิ    และน่าขายหน้าจังที่ต้อมไม่ค่อยรู้จักหมู่บ้านบนดอยอินทนนท์    แต่หมู่บ้านห้วยอีค่างก็พอๆ จะคุ้นอยู่เหมือนกันค่ะ

ขอบคุณค่ะที่แวะมาพูดคุยกัน..

ไม่รู้จะเรียกว่าสวยได้หรือเปล่า

แต่วัดจันทร์ สำหรับผม เป็นชุมชนที่สงบงาม

ชุมชนท่ามกลางป่าสนนับพันนับหมื่นไร่

เคยวางแผนไว้ว่าจะปั่นจักรยานขึ้นไปจากเชียงใหม่เมื่อหลายปีก่อน

แต่ก็ยังไม่เป็นจริง และไม่รู้จะเป็นได้จริงหรือเปล่า สังขารโรยราลงเรื่อย ๆ

  • คุณหนานเกียรติคะ..

บางทีต้อมก็แอบคิดนะว่า การคมนาคมที่สะดวกสบายนี่จะทำให้ชุมชนเปลี่ยนไปไหม???  บางชุมชนสงบงาม..เมื่อเป็นที่เลื่องลือก็มักจะมีนักท่องเที่ยวไปเยือน    นักท่องเที่ยวนี่ก็ต่างจิต-ต่างใจ 

เป็นกำลังใจให้นะคะสำหรับแพลนที่จะปั่นจักรยานเที่ยว   ก็ขนาด ดร.ประมวล  เพ็งจันทร์ก็ยังเคยเดินสู่..อิสรภาพมาแล้วเลย  

11. เนปาลี

เมื่อ พฤ. 27 ส.ค. 2552 @ 11:30

1509701 [ลบ] [แจ้งลบ]

•ธุค่ะ..

"นิมิต" กับ "ฝัน" นี้อันเดียวกันไหมคะ? ^^

12. ณัฐรดา

เมื่อ พฤ. 27 ส.ค. 2552 @ 12:45

1509845 [ลบ] [แจ้งลบ]

น้องเนปาลีค่ะ

นิมิตกับฝันไม่เหมือนกันค่ะ

เพราะนิมิต เกิดในขณะที่เราทำสมาธิ เรายังมีสติรู้ตัวอยู่ แต่ฝัน เราหลับไปแล้วค่ะ

.............

เพิ่งทราบค่ะ ว่าเจ้าของบ้านชื่อบูบู้

มาเฉลย    คำถาม  แหม๋ มมม  กะว่า จะเป็นสปอนเซอร์   ทริปหน้า  อดเลย 55555

 

          หมูสันในทอด  คือ  อาหารเย็น  ของน้องพอ  หลังจากที่  เห็น  น้องต้อม ทอด ในแก้ว  ไง  เจ้า

 

         อุ้ย   ขอโทษ   เจ้า หมูทอดในแก้ว

ความเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดาครับ

ชุมชนเปลี่ยนแปลงไปด้วยหลายปัจจัย มิใช่เฉพาะนักเดินทาง /นักท่องเที่ยว

โดยกายภาพวัดจันทร์ก็เปลี่ยนไปครับ ถนนสะดวกขึ้น การใช้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น

แต่ชาวบ้านยังน่ารักครับ ข้าวเบ๊อะยังอร่อย ป่าสนยังสมบูรณ์

เหตุผลแค่นี้เพียงพอที่มีน้ำหนักสำหรับตัดสินใจปั่นจักรยานไปเยือน

(ถ้าสังขารยังไหว...)

อยู่เชียงใหม่ ได้ข่าว อ.ประมวล บ้างไหมครับ

ผมเป็นลูกศิษย์ห่าง ๆ คนนึงของ อ.ประมวล

ชื่นชมมานานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่ลาออกจาก มช.

ขอบพระคุณค่ะที่ไขข้อข้องใจให้ต้อมได้ทราบ ^^   ก็เลยได้รู้ว่าคุณณัรดานี่นอกจากจะเป็นนักวาดภาพแสนสวย (สวยทั้งภาพ ทั้งคนวาด)ก็ยังเป็นนักปฏิบัติธรรมอีกด้วย

เจ้านี่ "บูบู้" เป็นขาใหญ่แถวๆ อควา รีสอร์ทค่ะ   ^^

  • พี่ใหม่เจ้า..

สันหมูในทอดของพี่พอมาจาก..แรงบันดาลใจจากบันทึกต้อม    เพราะงั้นก็ต้องเป็นสปอนเซอร์ให้ต้อมอยู่ดี  อิอิ 

"หลานฉัน" ดูสวยขึ้นเนอะ.. ว่าไหมคะ?

สวยเหมือน ....

 

 

                  แม่     ไง

 

 

                         อุอุ

  • คุณเกียรติคะ..

ต้อมไม่รู้จัก "ข้าวเบ๊อะ" ค่ะ ^^  มันเหมือนข้าวปิ้งไหมคะ???  และก็จะปั่นจักรยานผ่านมาแถวๆ นี้วันไหนก็ส่งข่าวมาบ้างนะคะ    จะยืนอยู่ข้างถนนรอยื่นน้ำเย็นๆ ให้ค่ะ 

ต้อมรู้จัก อ.ประมวล จากเรื่องเล่าในหนังสือค่ะ   และลูกสาวเจ้านายเคยเชิญ อ.ประมวลไปบรรยายที่โรงเรียนครั้งหนึ่ง    รายละเอียดมากกว่านี้ก็ไม่รู้แล้วล่ะค่ะ

งั้นก็ต้องเป็นสปอนเซอร์ให้ต้อมอยู่ดี 

 

          ทริป  พะเยา   มาเล้ย ยยย

               ไปสอนก่อนนะ 

 

               จุ๊  ๆๆๆ   ผอ.  ไม่อยู่

 

  • พี่ใหม่เจ้า..

 

^________________^

พูดไรไม่ออกเลยเนอะ..เอื้อก..ก..ก    กอดน้องเพียงดีกว่า

  • พี่ใหม่เจ้า..

ไปพะเยานี่เลี้ยงไม่อั้นใช่ไหม???  อิอิ  แถมจะส่ง "หลานฉัน" มานอนเป็นเพื่อนด้วยหรือเปล่า???   และถ้าเจอกันที่เชียงใหม่จะไม่ยอมเป็นสปอนเซอร์เหรอ???...ใจร้ายอ่ะ

ฟ้อง..ง..ง ลุง ผอ.   ครูใหม่แอบมาคุยเจ๊าะแจ๊ะ  อุ๊บ!

สวัสดี ครับ

เป็น trip ที่น่าสนุก นะครับ คุณ เนปาลี

ภาพ และบรรยากาศ สวย งดงาม ตามธรรมชาติ ดี จริง ๆ ครับ

มี 4 ตอน แล้ว หรือ ครับ

ขออนุญาต อ่านย้อนหลัง

ขอบพระคุณ ครับ

 

ข้าวเบ๊อะ เป็นอาหารชนิดหนึ่งของชาวปกาเกอะญอครับ

ดูเผิน ๆ คล้ายข้าวต้มทรงเครื่อง

แต่จริง ๆ มันคือกับข้าวครับ

ส่วนประกอบหลักคือข้าว และอื่น ๆ เท่าที่หาได้และมีในช่วงนั้น

เนื้อสัตว์ใส่ได้ทั้งไก่ หมู นก กบ และอื่น ๆ

พืชผักที่ใส่แล้วแต่จะมีและหาได้เช่นกัน เช่น ฟักทอง หน่อไม้ เผือก มัน และที่มักขาดไม่ได้คือผักกาดแห้ง

เครื่องปรุง ก็มี พริก เกลือ ตะไคร้ หอม กระเทียม ข่า ฯลฯ

วิธีทำ จะต้มข้าวจนเดือนและเริ่มสุก แล้วก็ใส่เครื่องปรุง เนื้อสัตว์ ตามด้วยผักต่าง ๆ

เวลาทำต้องน่ังคนไปเรื่อย ๆ จนกว่าทุกอย่างจะสุก หากปล่อยทิ้งไว้ไม่นั่งคน ข้าวเบ๊อะก็จะล้นหม้อออกมา และติดก้นหม้อ

ข้าวเบ๊อะ เป็นอาหารมีตำนานครับ

ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนอดอยากขาดแคลน ข้าวและอาหารมีน้อย มีอะไรก็เอามาต้มกิน ประมาณว่า "กินเพื่ออยู่"

สำหรับผมข้าวเบ๊อะ เป็นสุดยอดอาหารเลยครับ

ชาวบ้านจะทำเป็นอาหารเลี้ยงแขกเมื่อยามมาเยี่ยมถึงเรือน

ตั้งใจให้จบที่ตอน 5 ค่ะ  แต่เน็ตล่ม..บันทึกหายเกลี้ยงเลย   ไม่ได้เซฟไว้เสียด้วย เฮ้อ..

 

  • ธุ  คุณหนานเกียรติค่ะ..

ต้อมมีเผือกกับมันมาไว้ในตู้เย็นแล้วค่ะ  ^^   อารมณ์ดีๆ จะทำข้าวเบ๊อะชิมมั่ง อิอิ   แต่คงจะไม่ใส่วัตถุดิบทั้งหมดที่คุณหนานเกียรติแนะนำมา    ขอเลือกเฉพาะบางอย่างก็แล้วกัน  

ขอบคุณนะค๊า....

ฮ่าๆๆๆ...ใครหนอร้องไห้ตอนฝนตก...

กาลครั้งหนึ่ง..นานมาแล้ว...ที่ร้านอาหารริมน้ำปิง

พอฝนเริ่มตก.....  น้ำตาเริ่มไหลริน......

เพื่อนแท้เกิดขึ้นทันที......."ย้ายที่นั่งกันเร็วฝนตกแล้ว"

เกิดอาหารหูอื้อ...ไม่ได้ยินอะไรเลย...นี่หรือเปล่าที่เขาว่า

ความรักทำให้คนเป็นบ้า....555

ที่แปลกคือ  พอเราไม่ลุก  ทุกคนก็ไม่ลุกบอกว่า "จะนั่งตากฝนเป็นเพื่อนละกัน....ถ้าสบายใจเมื่อไหร่รีบๆ ลุกหน่อยนะ...เดี๋ยวหวัด(แหลก)  .....ไม่รู้ว่าจะซึ้งใจหรือจะขำดีอะเนอะ....

เล่นบังคับกันแบบนี้  ขืนไม่ลุกโดนสาปแน่ๆ  เลยเรา...อิอิ

ไว้คุยกันต่อวันหน้าจ้า

  • ธุ  คุณชาดาค่ะ..

สรุปแล้ว..บางที "ความรัก" ก็ทำให้เราหลงๆ ลืมๆ "สติ" ไปบ้าง  อิอิ  ^^    และต้อมก็ยังคงสงสัยอยู่ดีว่าแล้วปลาทองจะร้องไห้ไหม???????

ขอบคุณที่แวะเข้ามาทักทายกันค่ะ ^^

  • ธุ  ครูพี่อ้อยค่ะ..

คิดถึงเหมือนกันค่ะ ^^  สบายดีนะคะ....

ว้าว ยิ่งอ่านมาถึงตอนสี่ ต้องรีบอ่านตอนห้า แล้วแจ้งให้การท่องเที่ยวที่ปายมาจองตัวคุณต้อมที่ช่วยโปรโมทปาย ...เที่ยวได้ทุกฤดูนะคะ

พี่เพิ่งกลับจากเชียงใหม่ อิ อิ ใกล้กันนิดเดียวแต่ไม่เคยเจอกันเลย เอาภาพของชอบ(ทั้งพี่และคุณต้อม...ก็เค้กไงล่ะ)มาฝาก

  • พี่นุชเจ้า..

กอด..ด..ด ด้วยความคิดถึง  ^^   ไม่ได้กอดเพราะจะอ้อนขอแบ่งทีรามิสุนะคะ  อิอิ  

โปรแกรมหน้า..ต้อมว่าจะงดไปปาย    แต่จะไปหาอา(จารย์)จ๊ะที่แม่ฮ่องสอนค่ะ   ไม่รู้ว่าจะมีทีรามิสุเลี้ยงต้อมไหม   ถ้าไม่มีก็ขอให้เปลี่ยนเป็นสปายแทนดีกว่า  อิอิ    แน่ะๆๆ หลายวันก่อนน้าอึ่งอ๊อบชวนแบกเป้เดินทาง    บอกว่าไปเรื่อยๆ แล้วแวะหาพี่นุชดีไหม?    เสียดาย..ต้อมไม่ได้ไป   

พี่นุชเป็นไงบ้างคะ?   ฝนที่บ้านต้อมตกข้ามวันข้ามคืน..   ไม่รู้ว่าที่บ้านพี่นุชน้ำท่วมไหม??..เป็นห่วงค่ะ    ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท