จดหมายฉบับนี้ยาวมาก หากรัก "พระองค์ท่าน" กรุณาอ่านให้จบนะคะ


ขออนุญาต ผู้ประพันธ์ รวบรวม บทความ ภาพถ่าย

จดหมายฉบับนี้ยาวมาก หากรัก  "พระองค์ท่าน" กรุณาอ่านให้จบนะคะ

เรื่องของ ในหลวง ที่เรา(อาจ) ไม่เคยรู้

1.พระราชสมภพเวลา 08.45 น.

2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ  ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6

ปอนด์

3.พระนาม "ภูมิพล"  ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่

หัว รัชกาลที่ 7

4.พระยศเมื่อแรกประสูติคือ  พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า  ภูมิพลอดุลยเดช

5.พระองค์ทรงมีชื่อเล่นว่า "เล็ก" หรือ "พระองค์เล็ก"

6.ทรงเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอีเพราช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้า

โรงเรียนแห่งนี้1 ปี ทรงมีพระนามในใบลงทะเบียนว่า H.H Bhummibol Mahidol 

 หมายเลขประจำพระองค์ 449

7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนี หรือสมเด็จย่า  อย่างธรรมดาว่า  แม่

8.สมัยพระเยาว์  ทรงได้ค่าขนมอาทิตย์ละครั้ง

9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์  แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผัก  ผลไม้ ไปขาย  เมื่อ

ได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม

10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์เลี้ยงหลายชนิดทั้ง สุนัข  กระต่าย  ไก่ นกขุนทอง

ลิง แม้แต่งูก็เคยทรงเลี้ยง  ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต

11.สุนัขทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย  ทรงตั้งชื่อให้ว่า "บ๊อบบี้"

12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประ

จำชั้นสังเกตุเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำ พระองค์ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ

13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้

ควรตีกี่ทีในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ที มากเกินไป 2 ที พอแล้ว

14.ระหว่างประทับอยู่สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่าพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศษ แต่

จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ

15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก "การให้" โดยสมเด็จย่าจะตั้งกระป๋องออมสิน 

เรียกว่า"กระป๋องคนจน" เอาไว้หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไรจะต้อง

ถูก"เก็บภาษี" หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อ

ถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่นมอบให้โรงเรียนคนตาบอด  มอบให้

เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน

16.ครั้งหนึ่ง  ในหลวงทรงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อน

คนอื่นๆเขามีจักรยาน  สมเด็จย่าก็ตอบว่า "ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่า

ขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน"

17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวงคือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงิน

สะสมส่วนพระองค์เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา

18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง

19.พระอัจฉริยภาพของในหลวง  มีพื้นฐานมาจาก"การเล่น" สมัยทรงพระเยาว์

เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรจะต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือประดิษฐ์เอง 

ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐาซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเอง

เป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง

20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของประเทศ

ไทย โดยโปรดเกล้าให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทย เป็นรูปตัวต่อเลื่อย

เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ เพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์

21.ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้

หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคืด หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)

22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา  ทรงซื้อแซกโซ

โฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์ มาหัดเล่น  โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง

อีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้

23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวงคนแรก ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส

24.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงแรก เมื่อพระชนม์พรรษา 18 พรรษา เพลงพระราช

นิพนธ์เพลงแรกคือ "แสงเทียน" จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48

เพลง

25.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง  บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรี

ช่วย  อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย  ทรงฉวยซองจดหมาย ตีเส้น 5

เส้นแล้วเขียนโน๊ต ทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น  กลายเป็นเพลง "เราสู้"

26.รู้ไหม.. พระองค์ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือน

สมเด็จย่า,รัชการที่ 5

27.นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนต์ด้วย ทรง

เคยนำภาพยนต์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภา

กาชาดไทย  ที่ รพ.จุฬาฯ รพ.ภูมิพลรวมทั้งโครงการโรคโปลิโอ โรคเรื้อนด้วย

28.ทรงพระนิพนธ์เรื่อง "นายอินทร์" และ "ติโต" ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้ว

ให้เสมียนพิมพ์แต่เรื่อง "พระมหาชนก" ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์

29.ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่  แบดมินตัน

สกี และ เรือใบ เคยทรงได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเคในกีฬา

แหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นซีเกมส์) ครั้งที่ 4 พ.ศ.2510

30.ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง และตรัสกับผู้

มาคอยเฝ้าฯว่าเสด็จกลับเข้าฝั่งเพราะเรือไปโดนทุ่นเข้า  ซึ่งในกติกาการแข่งขัน

เรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น  แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน

31.ทรงเป็นพระมหากษัตย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรงานประดิษฐ์คิด

ค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย หรือ "กังหันชัยพัฒนา" เมื่อปี

2536

32.ทรงเป็นผู้ริเรื่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็น

พลังงานทดแทน เช่นแก๊สโซฮอลล์,ดีโซฮอลล์  และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อ

เนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปี

33.องค์การสหประชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์

แด่ในหลวงเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2549  เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณีย

กิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย  โดยมีนายโคฟี อัน

นัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง

34.พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลย

เดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี  จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

35.รักแรกพบของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์  แต่

เหตุการณ์ครั้งนั้นสมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า  "น่าจะเป็น

เกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ" เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึง บ่าย 4 โมง

แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึง หนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายถึงสามชั่วโมง

36.ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิตติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และ

จัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระประทุม   เมื่อวันที่ 28 เมษายน

 2493  โดยทรงจดทะเบียนสมรส เหมือนบุคคลทั่วไป  ข้อความในสมุด

ทะเบียนก้อเหมือนบุคคลทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์10 สตางส์ ค่า

ธรรมเนียม 10 บาท

37.หลังอภิเษกสมรส ทรง "ฮันนี่มูน" ที่หัวหิน

38.ทรงผนวช ณ อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวัน

ที่ 22 ตุลาคมพ.ศ.2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร  เป็นเวลา

 15 วัน

39.ระหว่างทรงผนวช  พระอุปัชฌาย์ และพระพี่เลี้ยงคือ สมเด็จพระญาณสังวร-

 สมเด็จพระสังฆราช

40.ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์แนม  ดังนี้นการ

ถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจ

ะทรงใช้ทั้งนั้น

41.เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ

ของมีค่าต่างๆ ยกแว้น นาฬิกา

42.พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร 

อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล  เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่

ประเทศชาติ

43.หลอดยาสีพระทนต์  ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะ

บริเวณคอหลอดยังปรากฎรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด  ซึ่งเป็นผล


จากการใช้ด้านแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และกดเป็นรอยบุ๋ม

44.วันที่ในหลวงเสียพระทัยที่สุดคือ วันที่สมเด็จย่าสวรรคต  มีหนังสือเล่าไว้ว่า

วันนั้นในหลวงไปเฝ้าแม่ถึงตีสี่ตีห้า  พอแม่หลับจึงเสด็จกลับ  เมื่อถึงวังทาง

โรงพยาบาล โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับ

ไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยู่บนเตียงในหลวงคุกเข้าเข้าไปกราบที่

อกแม่  ซบนิ่งอยู่นานค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมา  น้ำพระเนตรไหลนอง

45.โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ

46.ทุกครั้งที่เสด็จไปยังสถานที่ต่างๆจะทรงมีของใช้ประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่ง 

คือแผนที่ที่ทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอ

ที่มียางลบ

47.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งโรเนียวกระดาษที่จะนำ

มาให้ข้าราชการที่มาเฝ้าฯถวายงาน

48. เก็บร่ม  : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่  เมื่อ

เฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึงปรากฎว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก  ข้าราชการและ

ราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคนเมื่อทรงเห็นดังนั้น  จึงมีคำสั่งให้

องครักษ์เก็บร่ม  แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรกลางสายฝน

49.ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน  โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูล

เกล้าฯร่วมกับข้อมูลที่ต่างประเทศที่ทรงหามาเอง  เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่

อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน

50.โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 

32,866.73 บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือที่พระเจนดุริยางค์  จากการขายนม

วัว ก็ค่อยๆเติมโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็น ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการ

พัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้

51.เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา  ในหลวง

จะเสด็จลงมาอธิบายฯด้วยพระองค์เอง  เนื่งจากทรงรู้ทุกรายละเอียด

52. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ปราโมช  กราบบังคมทูลว่า  เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้าง

หรือไม่  ในหลวงตอบว่าความจริงน่าท้อถอยอยู่หรอก  บางเรื่องมันน่าท้อถอย

  แต่ว่าฉันท้อไม่ได้เพราะเดิมพันของเรามันสูงเหลือเกิน  เดิมพันของเรานั้น

คือบ้านเมือง  คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ

53.ทรงนึกถึงแต่ประชาชน  แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าผ่าตัด

กระดูกสันหลังในอีก 5ชั่วโมง(20 กรกฎาคม 2549)ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพาร

ไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้  เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ 

พระองค์จะได้มอนิเตอร์  เผื่อน้ำท่วมจะช่วยได้ทัน

54.อาหารทรงโปรด  :  โปรดผัดผักทุกชนิดเช่น  ผัดผักคะน้า ผัดถั่วงอก  ผัดถั่ว

ลันเตา

55. ผักที่ไม่โปรด  :  ผักชี  ต้นหอม  และตั้งฉ่าย

56. ทรงเสวยข้างกล้องเป็น พระกระยาหารหลัก

57.ไม่เสวยปลานิล  เพราะทรงเป็นคนเลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย  โดย

ใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยงแล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้

กรมประมง

58.เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ  เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง

59.ทีวีช่องโปรด  ทรงโปรดช่องข่าวฝรั่งเศษ  ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสาร

จากทั่วโลก

60.ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม. ไปที่

จส.100 ด้วย โดยใช้พระนามแฝง

61.หนังสือที่ในหลวงทรงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์

รายวันทั้งไทยและเทศทุกฉบับ และก่อนเข้าบรรทมจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส

นิวสวีก  เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวสารทั่วโลก

62.ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย  เจ้าของชื่อ ยูไลย  ลาภประเสริฐ

ถวายงานตัดเสื้อในหลวงตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลย เสียชีวิต ก็มีลูกชาย

นายสมภพ  ลาภประเสริฐ  มาถวายงานต่อจนถึงปัจจุบันนี้ 50 กว่าปีแล้ว

63. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทมชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯ

เป็นห้องเล็กๆขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์  โทรศัพท์ โทรสาร

คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์  แผนที่ ฯลฯ

64.สุนัขทรงเลี้ยง  นอจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบัน

อยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้วยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว

65.ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกชื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า

"นายหลวง"ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง

66.ทรงเชี่ยวชาญ ถึง 6 ภาษา ได้แก่ ไทย ละติน ฝรั่งเศษ อังกฤษ เยอรมัน และ

สเปน

67.อาชีพของในหลวง  เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรด

ให้กรอกในช่องอาชีพของพระองค์ว่า "ทำราชการ"

68.ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา  เป็นผลมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่

เมืองโลซานน์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์  รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรงทำ

ให้เศษแก้วเข้าพระเนตรข้างขวา  ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระ

เนตรข้างซ้ายข้างเดียวในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า

60 ปี

69.ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรง

อยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มี พระราช

ดำรัสว่า  อันนี้ไม่จริงเลย  สมมุติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก

70.ปีหนึ่งๆ ในหลวงจะทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่งใช้เดือนละแท่ง  จนกระทั่งกุด

71. หัวใจทรงเต้นไม่ปกติ  ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ  เนื่อง

จากติดเชื้อไมโครพลาสม่า  ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิง  ติดต่อกันหลาย

ปี

72.รู้หรือไม่ว่าในหลวงทรงประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้

กันอยู่ทุกว้นนี้อย่าง  ฟอนต์จิตรลดา  ฟอนต์ภูพงค์

73.ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เนื่องในวโรกาส

ฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค  มีประชาชนเข้าชมงาน 6 ล้าน

คน

74.ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมา

จึงมีผู้คำนวนว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม.

ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง  น้ำหนักปริญญาบัตร ฉบับละ 3 ขีด

รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน

75.ดอกไม้ประจำพระองค์  คือ ดอกดาวเรือง

76.สีประจำพระองค์  คือ  สีเหลือง

77.นั่งรถหารสอง  : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า  การนั่งรถคนละคันเป็น

การสิ้นเปลือง  จึงให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนยาวเหยียด

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

หมายเลขบันทึก: 290021เขียนเมื่อ 22 สิงหาคม 2009 15:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

รักพระองค์ท่านที่สุด

รักที่สุดคือในหลวง ห่วงที่สุดคือแผ่นดิน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท