อาจารย์ ศิษย์ ...ความสัมพันธ์ที่เปราะบาง?


การไม่โต้ตอบ หรือพยายามอธิบายเหตุผลต่างๆ ในขณะที่ครูกำลังโกรธไม่ได้เป็นสิ่งเสียหายอะไร แต่ถ้าหากศิษย์บอกครูไปสั้นๆ ว่า "หนูขอโทษค่ะ ที่ตอบคำถามอาจารย์ไม่ได้ ขอโอกาสให้หนูพยายามอีกครั้ง หนูจะทำให้ดีกว่าวันนี้นะค่ะ" อาจารย์เชื่อว่า ครูทุกคนย่อมรับฟังและมีความเป็นครูพอที่จะ "ให้โอกาส" ลูกศิษย์ทุกคนเสมอครับ

หลายครั้งที่พบกับการก้มหน้าก้มตารับคำดุ (ดุเพราะหวังดี ดุเพราะเป็นห่วง เพราะเราทำผิดจริงๆ) ของอาจารย์โดยที่ไม่เข้าใจในเหตุผลบางอย่างในเรื่องนั้นๆ แต่ไม่กล้าถามเนื่องจากความเกรงและกลัว              

....เกรงว่าจะผิด
....เกรงว่าความรู้ตัวเองจะมีน้อยและกลัวว่าเหตุผลอันน้อยนิดที่มีในใจถ้าพูดออกไปแล้วจะโดนดุกลับมาอีก

พอไม่พูดเยอะๆ คงจะทำให้อาจารย์หลายๆ คนรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย
การสนทนาระหว่างอาจารย์ผู้สอนกับนักศึกษาจึงค่อนข้างจะน้อยลงทุกทีื อาจจะเป็นเพราะว่าอาจารย์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถามถึงไม่ตอบ

กับนักศึกษาที่คิดว่าตอบไปก็โดนดุแน่เลย
ไม่รุว่าหนูมีความคิดในแง่ลบมากจนเกินไปรึป่าวที่ทำให้คิดว่า  อีกไม่นานคำว่าอาจารย์กับนักศึกษาจะมีเส้นเชื่อมกันแค่คำว่าหน้าที่ ไม่ใช่ความสัมพันธ์ของลูกศิษย์กับอาจารย์

                                                                                 ....จาก นักศึกษาคนหนึ่ง

อาจารย์มีหลานอยู่คนหนึ่ง อายุอยู่ในช่วงวัยรุ่น ที่ปกติก็เป็นคนร่าเริง  ช่างพูด ช่างโต้ตอบ

แต่พอถึงเวลาสอนการบ้าน บางครั้งก็หยุดเงียบ ทำหน้าบึ้งไปเสียเฉยๆ  เมื่อถูกถามคำถาม

ธรรมชาติของผู้สอน จะตีความไปเองเลยว่า เขาไม่ให้ความร่วมมือเลย  ยิ่งขยั้นขยอก็ยิ่งเงียบ  ยิ่งเงียบก็ยิ่งตึง  สุดท้ายผู้สอนก็อาจจะลงเอยด้วยอารมณ์เสีย  เพราะความที่เตรียมจะมาให้  แต่คนรับไม่รับ  ส่วนผู้เรียน  ก็คงรู้สึกหดหู่  ต่ำต้อย  ดูไปแล้วแย่ด้วยกันทั้งสองฝ่าย  อะไรๆ ที่ดีๆ ก็ไม่เกิดขึ้นทั้งที่เริ่มต้นทั้งอาจารย์และหลานมาด้วยความรู้สึกมั่นใจ

แต่เมื่ออาจารย์มีเวลามานั่งทบทวน  ก็กลับรู้สึกสงสารหลานที่เขาคงพยายามแล้ว  แต่ด้วยสมองระดับนี้  ง่วงนอนขนาดนี้ เขาคงหงุดหงิดตัวเองอยู่หรอกที่ตอบคำถามไม่ได้ดังใจ  ไม่มีใครที่อยากให้คนอื่นมองว่า ตนเองนั้นไม่มีความสามารถ 

ในมุมกลับกัน  ลองพยายามเข้าใจผู้ใหญ่บ้างว่าเขาโกรธ อารมณ์เสียก็เพราะเขามีความคาดหวัง เขาก็เหนื่อยเหมือนกัน ครูที่ยิ่งเป็นห่วงศิษย์มากเท่าไรก็จะมีความคาดหวังกับศิษย์มากขึ้นเท่านั้น  จริงอยู่ว่าความคาดหวังหลายครั้งที่ทำร้ายเจ้าตัวเสียเอง

การไม่โต้ตอบ หรือพยายามอธิบายเหตุผลต่างๆ ในขณะที่ครูกำลังโกรธไม่ได้เป็นสิ่งเสียหายอะไร  แต่ถ้าหากศิษย์บอกครูไปสั้นๆ อีกนิดว่า "หนูขอโทษค่ะ ที่ตอบคำถามอาจารย์ไม่ได้ ขอโอกาสให้หนูพยายามอีกครั้ง  หนูจะทำให้ดีกว่าวันนี้นะค่ะ"  อาจารย์เชื่อว่า ครูทุกคนย่อมรับฟังและมีความเป็นครูพอที่จะ "ให้โอกาส" ลูกศิษย์ทุกคนเสมอครับ

 

คำสำคัญ (Tags): #ความสัมพันธ์
หมายเลขบันทึก: 290014เขียนเมื่อ 22 สิงหาคม 2009 14:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 12:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะอาจารย์

เห็นด้วยกับอาจารย์มากๆ และเผชิญสภาวะเดียวกันกับอาจารย์ คือ เมื่อสอนแล้ว และก็ถามคำถามลูกศิษย์จากเนื้อหาที่สอน เพื่อจะได้ประเมินว่าเขาเข้าใจรึไม่ แต่เมื่อเขาไม่ตอบ เราก็ชักไม่แน่ใจว่ารู้เรื่องหรือไม่ บางครั้งเมื่อเราให้เขาถาม ก็เจอแต่คำถามประเภทว่า... ที่สอนเมื่อกี้อาจารย์จะออกข้อสอบหรือไม่ หรือ อาจารย์จะออกข้อสอบอย่างไร ... เจอคำถามประเภทนี้ ก็ทำให้ผู้สอนห่อเหี่ยวไปเหมือนกันนะคะ ... แล้วสุดท้ายก็เกรงว่าจะกลายเป็น  อาจารย์กับนักศึกษาจะมีเส้นเชื่อมกันแค่คำว่าหน้าที่ ไม่ใช่ความสัมพันธ์ของลูกศิษย์กับอาจารย์

ในเทอมนี้ ก็เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ความรู้สึกของอาจารย์ที่มีต่อลูกศิษย์นั้น เป็นความรู้สึกที่ทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งหวาน และขมขื่น ฟังดูอาจน้ำเน่า แต่มันมีปะปนกันอย่างนี้จริงๆ แต่ในทุกๆอารมณ์นั้น มี "การให้โอกาส" และ "หาโอกาสให้" ค่ะ

มาร่วมแชร์ความรู้สึกค่ะอาจารย์

สวัสดีค่ะอาจารย์

เพิ่งมีโอกาสเข้ามาร่วมแชร์ความคิดเห็นนะคะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สอนนทพ. แต่ก็มีส่วนคล้ายๆกันบ้างไม่มากก็น้อย ค่ะ

สมัยเรียน เคยมีความรู้สึกว่า ทำไมอาจารย์บางท่านต้องหงุดหงิด แล้วพูดจากับนักศึกษาไม่ดี ทำให้นักศึกษาขาดความมั่นใจในการตอบคำถามหรือแสดงความคิดเห็น พอมาเจอกับตัว ก็รู้สึกหงุดหงิดลูกศิษย์เหมือนกันกับอาจารย์ทั้งหลายนะคะ แหม..ถามง่ายๆทำไมตอบไม่ได้ แต่..... พอลองย้อนกลับมาดูที่ตัวเองแล้วค่ะ บางครั้งมองออกได้เดี๋ยวนั้น แต่บางครั้งกลับมาบ้านก่อนแล้วจึึงคิดได้ เลยเข้าใจเลยว่า ที่แสดงออกไปนั้น เป็นอารมณ์ล้วนๆเป็นส่วนมาก ไม่มีความรู้สึกเมตตา หวังดีต่อนักศึกษาเลยในแว้บแรก (ถึงทำให้หงุดหงิด แล้วพูดจากับศิษย์ไม่ดี) พอคิดได้ทีหลังตัวเองก็เริ่มรู้สึกผิดไงคะ แล้วทีนี้ก็เลยเข้าข้างตัวเองว่าเป็นเพราะหวังดีต่อศิษย์ต่างหากล่ะถึงพูดไปอย่างนั้น ^_^

อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว จากที่มองดูตัวเองนะคะ อาจารย์หลายท่านก็หวังดีต่อศิษย์จริงๆ แต่ลักษณะการแสดงออกอาจแตกต่างกันไปค่ะ

สภาพจิตใจของคนปัจจุบันค่อนข้างเปราะบางค่ะ การที่เราคิดว่าสมัยเรายังทนได้เลย ก็คงไม่น่าจะได้นะคะ ถึงจะหงุดหงิดใส่บ้างเล็กๆน้อยๆ ก็เป็นเรื่องปกติค่ะ แต่อย่าให้ถึงขนาดหลุดปากพูดจาอะไรไม่ดีออกไปให้อีกฝ่ายต้องเจ็บช้ำน้ำใจน่าจะดีกว่าค่ะ

หนูเป็นคนหนึ่งที่เข้ากับอาจารย์ไม่ค่อยได้

เกรงกลัวไปหมดซะทุกคนและทุกกรณี

ทำให้มีผลเสียกับชีวิตการเรียนของหนู

อย่างแรกที่หนูคิดมาได้เลยคือ...

ไม่กล้าตามไปเซ็นต์ chart ย้อนหลัง

หรือทำงานเสร็จเลยกำหนดส่งไปเพียง 1 วัน แต่ไม่กล้าไปตามไปส่งอีกเลยสำหรับงานชิ้นนั้น ๆ

ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เพราะร้ายแรงที่สุดน่าจะเป็นการถูกตักเตือนหรือหักคะแนนส่วนนั้นออกไป

แต่ยังทำใจให้เข้ากับอาจารย์ไม่ได้... และสำหรับหนูมันเป็นอุปสรรคสำคัญของชีวิตการเรียนเลยทีเดียว

ปัญหาอาจจะอยู่ที่จิตใจของหนูเองก็ได้ค่ะ

ปล. หนูเพิ่งเปิดมาเจอบล็อกนี้... จากการ search คำว่านักศึกษาทันตแพทย์ใน google เพราะอยากทราบว่า

ชีวิตนักศึกษาทันตแพทย์ที่อื่น ๆ เป็นอย่างไรบ้าง

จะทุกข์...เหมือนทีหนูกำลังเป็นอยู่นี้รึเปล่า (บางครั้งก็อยากพาตัวเองไปพบจิตแพทย์เหมือนกันค่ะ)

พิมพ์ไปน้ำตาคลอไป..

หนูก็กลัวอาจารย์เหมือนกันค่ะ จริงๆแล้วสาเหตุที่กลัวน่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนประถมค่ะ อาจารย์ตอนนั้นค่อนข้างดุและเข้มงวดมากๆ หนูเลยเริ่มกลัวอาจารย์ตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ

เห็นเพื่อนๆหลายคนกล้าที่จะเข้าไปคุยกล้าไปถามอาจารย์ แต่ตัวหนูเองกลับไม่กล้าเลยค่ะ

ช่วงแรกๆที่เรียนวิชาคณะแพทย์หนูยังไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้ส่งผลกับการเรียนเท่าไหร่

แต่พอเริ่มมีเรียนแลปที่ต้องส่งงานกับอาจารย์หลายๆท่าน หนูก็กลัวค่ะ ตอนไปส่งงานก็ไม่กล้าที่จะขอคำแนะนำหรือเทคนิคการแก้ไขงานจากอาจารย์

ถ้าอาจารย์สั่งให้ไปแก้งานตรงไหนเพิ่มหนูก็พูดแค่คำว่า ‘ได้ค่ะอาจารย์’ แล้วก็กลับไปแก้งานแบบงงๆว่าสรุปแล้วหนูต้องแก้อะไรตรงไหนบ้างนะ

หรือบางทีถึงจะทำงานเสร็จก่อนแล้วแต่หนูก็จะรอหาเพื่อนไปส่งงานพร้อมกันค่ะ… บางทีหนูก็เสียดายเวลาแล้วก็อึดอัดกับตัวเองนะคะว่าทำไมเราถึงไม่กล้าไปส่งทั้งๆที่ไม่เคยมีอาจารย์ที่ดุหนูเลย ถ้ากล้าไปส่งก็จะได้ทำงานstepถัดไปต่อเลย

หนูยังโชคดีที่ช่วงพรีคลินิกไม่เคยโดนอาจารย์ดุหรือว่าแรงๆเลยสักครั้งค่ะ ทั้งตอนเรียนเลคเชอร์และทำแลปเลยทำให้ยังเรียนผ่านมาได้ด้วยดีจนถึงชั้นคลินิก

ทีนี้พอขึ้นคลินิกมาหนูเจอปัญหาหลายๆอย่าง แต่สำหรับหนูปัจจัยหลักๆมาจากตัวหนูเองค่ะ หนูก็ยังกลัวอาจารย์เหมือนเดิมแต่กำลังพยายามปรับตัวให้กล้าพูดมากขึ้นนะคะ [ปกติเป็นคนขี้อายมากค่ะ แต่คลินิกต้องคุยกับคนเยอะมาก]

สิ่งที่หนูกลัวที่สุดในตอนนี้คือการที่ต้องไปคุยแพลนกับอาจารย์ค่ะ[โดยเฉพาะแพลนพรอส] หนูกลัวว่าสิ่งที่หนูเตรียมไปมันอาจจะยังดีไม่พอ ทำให้อาจารย์ต้องมาเสียเวลาฟังที่หนูพูด แล้วก็กังวลว่าจะตอบคำถามอาจารย์ไม่ได้ด้วยค่ะ [ถึงหนูจะพยายามอ่านมาแล้ว แต่บางทีก็อ่านมาไม่ตรงประเด็นเท่าไหร่]

อีกเรื่องที่กังวลคือตอนนี้ต้องทำคนไข้คนเดียวแบบไม่มีเพื่อนๆคอยช่วยเป็นassistantแล้ว พอต้องไปรายงานเคสอาจารย์คนเดียวก็เครียดอยู่เหมือนกันค่ะ ได้แต่ฮึบเอาไว้แล้วสู้รายงานอาจารย์ไปค่ะ เพราะคนไข้ก็รออยู่

หนูจะผ่านชั้นคลินิกไปได้เหมือนที่รุ่นพี่ๆเคยผ่านไปได้รึเปล่าคะ เคยมีใครที่เป็นแบบหนูบ้างรึเปล่า แล้วจะใช้ชีวิตบนคลินิกยังไงให้เครียดเรื่องนี้น้อยที่สุดคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท