การกินอาหาร...กำหนดชะตาชีวิตตนเอง


กินน้อยจะตายยาก กินมากจะตายง่าย

การกินอาหาร...

...กำหนดชะตาชีวิตตนเอง

          อาหารนี่แหละค่ะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต หลักการง่าย ๆ ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ รับประทาน

ผักผลไม้ให้มาก ๆ  หลายคนต่างรู้ดี   แต่กลับบริโภคตามใจปาก  ถ้าไม่ป่วยก็ไม่รู้ซึ้ง  ดังนั้น  มารู้จัก

การบริโภคอาหาร   เพื่อป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วยกันดีกว่าค่ะ ถ้ากินน้อยจะตายยาก กินมากจะตายง่าย  

คุณจะเลือกแบบไหนดีคะ

         ชีวิตของคุณ  ถูกกำหนดโดยอาหารที่คุณกิน  ถังขยะหน้าบ้านบอกได้ว่า   คุณทิ้งอะไรลงไป  

กินอะไรเข้าไป  ชีวิตคุณจะเป็นอย่างไรต่อไป  เ ราเองคนที่ประสบปัญหาการรับประทานอาหารดี

เกินไป แพงเกินไป มากเกินไป สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้   ก็คือ น้ำหนักตัวที่เกินมา  โรคภัยไข้เจ็บที่

ไม่ต้องการ  ทุกอย่างน่าจะแก้ไขได้ทัน หากวันนี้ เราหันมาใส่ใจสุขภาพ  เพราะอาหารนั้น สามารถ

กำหนดชะตาชีวิตของเราได้  อย่างน้อยถ้าอยากมีสุขภาพกาย -ใจ ดี   ผิวพรรณผ่องใสจากข้างใน  

เลือดลมเดินดี  ไม่มีโรค โดยไม่ต้องอาศัยครีมหน้าเด้ง  หรือยาลดความอ้วน  หรือทำมาหาเลี้ยงหมอ

ทุกเดือน  ขั้นแรกต้องเป็นหมอดูแลเรื่อง อาหารการกินของตัวเราเองก่อนค่ะ

     

1. ลองเช็คตัวเองซิว่า ตอนนี้สุขภาพเป็นอย่างไร

          ถ้าเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า  เราลุกจากเตียงเหมือนติดสปริงหรือเปล่า ? ลุกขึ้นมา

พร้อมกับความสดชื่นมีชีวิตชีวาหรือไม่  ถ้าเสียงนาฬิกาปลุกดัง  เรายังไม่ลืมตา เอามือไปกดแล้ว

นอนต่อ  เพราะลุกไม่ไหว  จนนาฬิกาปลุกตัวที่สองดังขึ้น    นั่นเป็นสัญญาณแล้วค่ะว่า   ต้องกลับ

มาดูแลตัวเอง   เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดำรงชีวิตเสียใหม่ เริ่มต้นจากการกิน

          จำไว้นะคะว่า ถ้าเรากินน้อย จะตายยาก กินมากตายง่าย และอาหารที่เรากินทุกวันนี้ อาหารที่

เสียหรือบูดเน่าง่าย กินแล้วตายยาก อาหารที่บูดเน่ายากๆ ใส่สารกันบูด กินแล้วตายง่าย

         คนจีนโบราณเขาบอกว่า ตอนเช้าให้กินอย่างราชา  กลางวันกินอย่างคนธรรมดา ตอนเย็นให้กิน

อย่างยาจก เพราะใกล้จะนอนแล้ว เป็นหลักดำรงชีวิตเพื่อสุขภาพ  แต่คนเราในปัจจุบันปฏิบัติกลับกันค่ะ 

 ตอนเช้าไม่กินเลย  กาแฟถ้วยเดียวแล้วรีบออกจากบ้าน พักกลางวัน 1 ชั่วโมง ต้องรีบกิน  มื้อเย็น

ไว้นัดเพื่อนฝูง  กินมื้อใหญ่  เพราะเก็บกดมาทั้งวัน แล้วกลับบ้านไปนอนอืด ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ

นะคะว่า ทำไมจึงมีสถาบันเสริมความงามลดน้ำหนัก ฟิตเนส ฯลฯ   เกิดขึ้นมากมายราวกับดอกเห็ด

2. เริ่มต้นจากการทำใจ

          ไม่จำเป็นต้องไปถือศีลกินเจ เคร่งจนวันหนึ่งตบะแตก   เพียงแค่เริ่มต้นจากการค่อย ๆ ลด

สัตว์ใหญ่ที่เราโปรดปราณ   เช่น  เนื้อวัว - ควาย   ถ้าทำได้แล้ว ก็ลดเนื้อไก่-เป็ด ลดเนื้อปลาลงไป

ตามลำดับ หากทำใจไม่ได้ ก็อนุญาตให้หม่ำปลาต่อไป ตามด้วยผักผลไม้มาก ๆ  เริ่มจากกินสัตว์

ที่ตัวเล็กลงไปเรื่อย ๆ  ขอให้คิดว่า กินหมูดีกว่ากินวัว  กินไก่ดีกว่ากินหมู  กินปลาดีกว่ากินไก่  

ทำได้ดังนี้  สุขภาพเราก็จะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ

3. คลอโรฟิลล์ในร่างกายมนุษย์

          ผักผลไม้สังเคราะห์แสงจากดวงอาทิตย์   สีเขียวคือคลอโรฟิลล์   มนุษย์เองก็มีคลอโรฟิลล์   

หากร่างกายสมบูรณ์สะอาดจากข้างใน  หากมีสิ่งแปลกปลอม สารพิษ   ต่าง ๆ ในร่างกายจะเกิด

ปฏิกิริยาต่อต้าน  และขับออกมาโดยอัตโนมัติ ไม่มีการเก็บสะสม

        แล้วทำอย่างไรให้ร่างกายของเรามีคลอโรฟิลล์

          ถ้าเราไม่กินสีเขียว ๆ ของพืชผักผลไม้เลย   ชีวิตคุณสั้นแน่   เพราะในนั้นมีคลอโรฟิลล์  

มีคุณสมบัติในการฟอกเลือด   สังเกตเลือดของคนที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์  สีของเลือดจะสวย ใส

ไม่ข้นเหมือนคนที่กินเนื้อสัตว์  เพราะเลือดมีสภาวะเป็นด่าง พืชผักผลไม้มีสารอาหาร ที่มีสภาวะ

เป็นด่าง แต่เนื้อสัตว์กับเลือดของสัตว์เป็นกรด   ถ้ากินมาก เลือดเราจะไม่สมบูรณ์  หากเลือดข้น

ก็จะวิ่งตามเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ไม่สะดวก เป็นบ่อเกิดของโรคต่าง ๆ ได้

        การวัดค่าของเลือด เรียกว่า คาโลทีนอย ว่าสูงสุด 20,000 - 49,000 มาตรฐานคนทั่วไปอยู่ที่

20,000 - 40,000    คาโลทีนอยมาก   มะเร็งจะไม่มีวันถามหา   เพราะมีสารอาหารที่สามารถต่อต้าน

อนุมูลอิสระ การที่เรากินผักและผลไม้มากเท่าไหร่ เราก็จะมีคาโลทีนอยมากขึ้นเท่านั้น ผักผลไม้

จะมีสีสันต่าง ๆ มากมาย อย่างสีส้มในแครอท  สีส้มในมะละกอ  สีเหลืองในมะม่วงสุก  พวกนี้จะมี

เบต้าแคโรทีน  สารสีเหล่านี้จะมีแอนตี้ออกซิแดนซ์   ถั่ว 5 สี จะทำให้อวัยวะหลักในร่างกาย เขา

เรียกว่าเบญจธาตุมีความสมบูรณ์มากขึ้น ชีวิตจริง เราอาจจะกินถั่วไม่ครบ 5 สี แต่เรากินพืช ผัก

ผลไม้ ครบ 5 สี แทนก็ได้เหมือนกัน

          ถ้าจะเปรียบร่างกายเป็นประเทศชาติ  ควรรับประทานข้าวกล้อง   เพราะข้าวกล้องเป็น

ราชาแห่งข้าว  มีจมูกข้าวอุดมไปด้วยวิตามิน  กล้วยน้ำว้า เป็นราชินี มีความหวานเป็นแป้งบริสุทธิ์   

งาดำ-งาขาว เป็นขุนพล   และดื่มน้ำเต้าหู้  อย่างน้อยวันละแก้ว เพื่อล้างพิษต่าง ๆ ในร่างกาย ดื่มน้ำ

บริสุทธิ์มาก ๆ ตั้งแต่ตื่นนอน

4. ผัก 5 ชนิด ถั่ว 5 สี

          ถั่ว 5 สี ช่วยบำรุงร่างกาย  เช่น  ถั่วแดง บำรุงหัวใจ รวมทั้งแตงโม, บีทรูต ฯลฯ   จะช่วย

บำรุงเลือด การไหลเวียนของโลหิต  ถั่วดำ รวมไปถึง งาดำ ฯลฯ จะบำรุงเส้นผม ผิวหนัง ชุ่มชื้น

 มันวาว ผมดกดำมัน ป้องกันผมร่วง เชื้อราบนหนังศีรษะ รากผมแข็งแรง ผิวพรรณไม่แห้งกร้าน  

 ถั่วซีด หรือ ถั่วขาว เช่น ถั่วลิสง, ลูกเดือย, แมกคาเดเมีย บำรุงกระดูก ให้แคลเซียม บำรุงกระดูก

ข้อมือ บำรุงฟัน ถั่วเหลือง ให้โปรตีน ถั่วเขียว บำรุงอวัยวะภายในร่างกาย

          ถั่ว 5 สี รวมทั้งผัก 5 สีนี้นะคะ  ควรจะรับประทานให้ครบถ้วน มนุษย์รับประทานครบ ก็จะ

มีคลอโรฟิลล์อยู่ในร่างกาย และนมถั่วเหลือง มีประโยชน์ต่อร่างกาย นักวิทยาศาสตร์จีนเปิดเผยว่า

ดื่มน้ำเต้าหู้สด ๆ ที่ทำใหม่ ๆ วันละ 1 แก้ว สามารถช่วยฟอกพิษในร่างกายได้ แต่ต้องไม่ใช่น้ำเต้าหู้

พาสเจอร์ไรซ์ที่ใส่สารกันบูด ที่มีขายเป็นกล่อง ๆ โดยทั่วไป

           อยากอายุยืน ผิวพรรณสดใส อ่อนวัยไปนาน ๆ คงต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานค่ะ และสิ่งสำคัญนะคะ  คือ การออกกำลังกาย ตามแบบที่เราถนัด ไม่ว่าจะเป็นวิ่งเหยาะ ๆ  เล่นโยคะ

ว่ายน้ำ หรือแม้แต่การทำงานบ้านเพื่อให้เหงื่อออก โลหิตไหลเวียนสะดวก  เพื่อขับของเสียออกจาก

ร่างกาย  แค่นี้ก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ที่ไม่จำเป็นในชีวิตได้มากเลยค่ะ

 

ด้วยความปรารถนาดี    ขอทุกท่านมีความสุขค่ะ

 

...ครูสุภาภรณ์

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.yourhealthyguide.com/article/an-food-life.html

 

 

หมายเลขบันทึก: 288545เขียนเมื่อ 18 สิงหาคม 2009 01:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ที่เขาว่า You are what you eat นะครับ

ขอบคุณสำหรับสาระดีๆครับ

สาระน่ารู้นี้ดี จริงๆค่ะครูหม่อมฯ ป้าตุ๋ยขณะนี้ก็ลดอาหารเนื้อสัตว์ทุกชนิดได้แล้วค่ะ เห็นอนุตตราจารย์ชิงไห่ กำลังรณรงค์งดรับประทานเนื้อสัตว์อยู่นี่ เพราะมันเป็นการเพิ่มสภาวะโลกร้อนตัวฉกาจเลยละ หากใครทำได้ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ และแถมดูจิตฝึกให้มีสติในปัจจุบันด้วยจะสุดยอดเลยค่ะ  สาธุ สาธุ สาธุ

สวัสดีครับ  มาขอบคุณที่เข้าไปทักทายกันครับ  และเข้ามาอ่านสาระดี ๆ มีประโยชน์ครับผม

 

สวัสดีค่ะ

บริโภคตามใจปาก  ถ้าไม่ป่วยก็ไม่รู้ซึ้ง   "

โอ...เห็นท่าจะจริงล่ะค่ะพี่ 

แล้วอย่างนี้....น้องคงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน  เช่นที่พี่นำเสนอล่ะค่ะ  (แหะๆๆ ..แต่ไม่ค่อยทานผัก นี่สิ...ลำบากนะคะ...

จะพยายามให้ปริมาณผักเข้าไปในร่างกายมากขึ้นค่ะพี่ 

ออกกำลังกายอย่างจริงจังนี่ก็ไม่ค่อยได้ออกซักเท่าไหร่ด้วยเวลาที่รัดตัว  แต่น้องก็ดีใจนะคะ...ว่า...ห้องทำงานน้องอยู่ชั้น 3 ของตึกน่ะค่ะ 

 งั้นถือโอกาสนี้จากวิกฤติเป็นโอกาสดีของการออกกำลังกาย (กับการเดินขึ้น-ลงตึกวันละหลายๆ รอบ) เลยแล้วกันนะคะพี่ 

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ใกล้ตัว...และในตัวนะคะพี่

พี่สุกลับมาอ่านการบริโภคอาหาร เพราะพี่สุก็เป็นไข้ เจ็บคอ ไอด้วย ในตอนนี้  เลยอยากรู้ว่า เราบริโภคอาหารอันไหนมากเกินไป  แล้วทำให้ร่างกาย เสียสมดุลคะ

ขอบคุณมากนะคะ  ข้อมมูลที่มีในนี้ดีๆ ทั้งนั้นเลยคะ พี่สุจะไปกลับย้อนอ่าน ที่ละบทใหม่นะคะ มีอะไรได้เรียนรู้อีกบ้างคะ คิดว่าการอ่านคงไม่ทรมาน คนไข้ตอนนี้นะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท