ณ เวลานี้เดือนสิงหาคม2552 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ออกไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐเป็นเวลากว่า 17 เดือนแล้ว มีข้าราชการและลูกจ้างประจำขอเปลี่ยนสถานะภาพเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยเป็นจำนวนกว่า 1,954 คน โดยอยู่ในเงื่อนไขไม่ต้องมีการประเมิน รับเข้าเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยทันที (ไม่รวมกลุ่มที่รับเข้ามาเป็นพนักงานเลยจำนวนสองพันกว่าคน) และมีการทะยอยขอเปลี่ยนสถานะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยโดยอยู่ในเงื่อนไขการประเมินอยู่เรื่อยๆตามระยะเวลาที่มหาวิทยาลัยกำหนด
ในช่วงระยะเวลา17เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเราถือว่าเป็นช่วงแรกๆของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับ และข้าราชการและลูกจ้างประจำกล่มแรกที่ประสงค์จะขอเปลี่ยนสถานะภาพเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยโดยเงื่อนไขไม่ต้องมีการประเมิน สิ่งที่ควรจะต้องเกิดขึ้นเพื่อทำให้พนักงานมหาวิทยาลัยได้เข้าใจ รับรู้รับทราบและเดินไปพร้อมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ น่าจะมีดังนี้
1.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ควรจะมีการสื่อสาร พูดคุยกับประชากรมหาวิทยาลัยทั้งกลุ่มที่ออกไปเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยแล้ว ว่ามีปัญหาอะไรบ้างในทางปฎิบัติ เพราะฝ่ายบริหารจะดูในเรื่องนโยบายหลักๆ ถ้ามีปัญหาให้แจ้งมายังฝ่ายบริหารโดยผ่านทางช่องทางใด ส่วนกลุ่มที่ยังคงเป็นข้าราชการอยู่ มหาวิทยาลัยก็ต้องมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เปลี่ยนสถานะภาพมาเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยให้มากที่สุด เพราะจะเป็นการง่ายต่อการบริหารงานคนกลุ่มเดียว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีสื่อที่จะประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้ง2กลุ่มอยู่แล้ว เช่น สถานีวิทยุเสียงสื่อสารมวลชน FM.100 และหนังสือพิมพ์อ่างแก้ว ตลอดจนสิ่งพิมพ์ประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัย(ข่าวรอบสัปดาห์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) ซึ่งพิมพ์แจกจ่ายทั่วไปทุกคณะ สถาบัน สำนักและศูนย์ได้รับอย่างทั่วถึงอยู่แล้ว รวมถึงเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยอีกด้วย
2.สภาพนักงานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะต้องมีเป้าหมาย และเจตนารมณ์อย่างเข้มข้น ในการเป็นกระบอกเสียงรวบรวมข้อมูลสิ่งที่ยังเป็นปัญหาข้อขัดข้อง ข้อสงสัย ไม่ชัดเจน หรือสิ่งที่พนักงานมหาวิทยาลัยอยากจะให้ฝ่ายบริหารได้รับรู้ รับทราบและทำการแก้ไข ดังนั้นสภาพนักงานต้องทำตัวเป็นผู้ส่งสาร ผู้นำข้อมูลจากประชากรส่งต่อให้คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย ไม่ควรทำหน้าที่ในด้านการประชาสัมพันธ์ในเรื่องการออกนอกระบบ ควรให้ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้ จะมีประสิทธิภาพสูงสุด
สิ่งที่กล่าวไปแล้วทั้งสองประการประเด็นสาระคือการสื่อสารในองค์กรที่ยังไม่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง พนักงานมหาวิทยาลัยไม่รู้ เกิดความสงสัย ไม่มีคำอธิบายจากฝ่ายบริหาร ก็พูดกันไปปากต่อปาก จนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปเรื่อยๆ และอีกประการหนึ่งสภาพนักงานควรทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากประชากร มช. และส่งต่อให้ฝ่ายบริหารพร้อมแนบคำอธิบายและข้อเสนอแนะ ส่วนเรื่องการประชาสัมพันธ์ กระจายข้อมูลข่าวสารนั้นให้ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ดำเนินการจะดีกว่าเพราะมีการวางเครือข่ายด้านประชาสัมพันธ์ไว้ครอบคลุมอยู่แล้ว
ไม่มีความเห็น