หากไม่รักพี่...ชีวิตนี้จะรักใคร


หากชีวิตนี้ไม่ยอมรักพี่...น้องสาวคนนี้จะยอมรักใครได้อีกเล่า

          เหตุการณ์ในวัยเด็กเป็นชีวิตที่ประทับใจไม่เคยมีวันลืม มีเรื่องราวมากมายของคำว่าครอบครัวที่อบอุ่นให้เราต้องจดจำไม่มีวันจางหาย และความอบอุ่นของครอบครัวก็ยังคงอยู่ในทุก ๆ ครั้งที่เราต้องการ แทบจะไม่ต้องเรียกร้องหาความอบอุ่นจากอกใครเลย หากเพียงแค่นึกถึงคำว่า "ครอบครัว" ความอบอุ่นก็บังเกิดขึ้นในใจเสมอ

          โดยปกติแล้วเป็นคนที่ชอบซุกซนมาก ๆ ชีวิตเกิดมาไม่เคยคิดที่จะยอมใครแม้แต่คนเดียว จนกลายเป็นนิสัยเสียที่แก้ไม่หาย ชีวิตในวัยเด็กมักจะชอบเล่นซุกซนและชอบปีนต้นไม้ เป็นชีวิตจิตใจ มีต้นยาล่วงข้างบ้าน หรือบางจังหวัดเรียกว่าต้นกาหยู แต่ที่คุ้นหูมากที่สุดก็คงจะเป็น "ต้นหัวครก" (มะม่วงหิมพานต์) พวกเราพี่น้องมักจะชอบปีนป่ายขึ้นไปเล่นเก็บผลมากินเป็นประจำ หลังจากที่หายอยาก(อิ่ม) แทนที่จะปีนลงมาตามลำต้นปกติเหมือนกับตอนที่ขึ้นไป แต่ด้วยความซนจึงหาวิธีที่ตื่นเต้นหวาดเสียวให้กับชีวิตบ้าง จึงตัดสินใจใช้วิธีกระโดนลงมาจากกิ่งสู่พื้นดิน แต่ไม่ต้องตกใจเพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำแต่ทำจนเกิดความชำนาญ และครั้งนี้ก็เหมือนเดิม ขาไม่เคล็ด เอวไม่หัก หัวไม่แตก เหมือนปกติทุกครั้ง แต่สิ่งที่ผิดปกติ คือ รู้สึกเจ็บแปล๊บ ๆ ที่ฝ่าเท้าด้านซ้าย แต่มองไม่เห็นเลือดเห็นแต่รอยสีดำติดอยู่ที่เนื้อเมื่อมองไปมองมาจึงรู้ว่าโดนหนามตำเท้าและลึกเข้าไปฝังอยู่ในเนื้อ ตอนแรกยังไม่เจ็บหรอกแต่พอรู้ว่าเป็นหนาม คุณเอ้ย!! เจ็บอย่าบอกใครเชียว จึงต้องนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ปากก็ตะโกนร้องเรียกพี่ชาย

          คงเป็นเพราะความรักน้อง ฉันเห็นพี่วิ่งหน้าตาตื่นมาด้วยความเร็ว พี่ชายคนนี้เร็วเหมือนลิงจริง ๆ ด้วยความตกใจพี่จึงรีบถามหาสาเหตุ จากนั้นก็กอดแคระ(ขี่หลัง) พี่ชายเดินพาไปหาแม่ แต่ด้วยความที่กลัวเข็มจึงบอกแม่ว่าไม่เป็นอะไรและไม่ยอมให้แม่เขี่ยให้อย่างเด็ดขาดจนแม่ต้องอ่อนใจและยอมในที่สุด ทิ้งไปเป็นเวลาหลายวันหนองก็เริ่มบ่มก่อตัวและอักเสบทำให้เจ็บปวดมากยิ่งกว่าเดิม จึงยอมให้แม่พาไปหาหมอแต่กว่าที่หมอจะผ่าหนามออกมาได้ก็ต้องเดือดร้อนถึงพี่ ๆ ที่อนามัยต้องมาช่วยกันจับมัดขาเอาไว้ เพราะทั้งดิ้นทั้งร้องแต่พอหมอฉีดยาชาเข็มเดียวก็ไม่รู้ว่าหมอเอาหนามออกมาตอนไหน มารู้อีกทีก็ตอนที่หมอให้ดูหนาม จนปัจจุบันก็ยังมีรอยเย็บที่ฝ่าเท้าด้านซ้ายเป็นรอยตาปลาอยู่เลย

          หลังจากนั้น ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนพี่ชายก็จะกอดแคระกระเตงไปทุกที่ ตอนนั้นบอกตรง ๆ ไม่อยากหายเจ็บเท้าเลย เพราะรู้สึกว่าตัวเองสบายไม่ต้องเดินไม่ต้องเหนื่อย  ไปโรงเรียน ไปเล่น ไปบ้านย่า ทุก ๆ ที่ที่ต้องการไปพี่ก็จะกระเตงไปด้วยทุกครั้ง ไม่มีบ่น ไม่เคยรำคาญ ไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยหนัก มีหน้าที่อย่างเดียวคือกอดแคระน้อง  ไม่เฉพาะแต่ฉันคนเดียวที่ได้รับความรักจากพี่ชายคนนี้ ความรักยังถูกแบ่งบันไปให้กับน้องสาวคนเล็กอีกด้วย จะคอยบริการกอดแคระน้อง ๆ ไปทุก ๆ ที่ เดินเหนื่อยก็มีแต่พี่คนนี้ที่คอยดูแลน้องสาวอยู่ตลอดเวลา จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยหนีหายไปไหน ยังคงตามมาอยู่เป็นเพื่อนน้อง คอยเก็บขยะไปทิ้งให้   คอยซื้อข้าวหาปลาให้กิน คอยบริการทุกอย่างที่น้องสาวคนนี้ต้องการ "หากชีวิตนี้ไม่ยอมรักพี่...น้องสาวคนนี้จะยอมรักใครได้อีกเล่า"

                                                    
                                                           ผลของมะม่วงหิมพานต์

         ผลของมะม่วงหิมพานต์ สามารถนำมารับประทานสด ๆ ได้ ผลสุกจะเป็นสีแดงหรือสีเหลืองแล้วแต่พันธุ์จะมีรสหวาน ส่วนผลที่ยังไม่สุกจะเป็นสีเขียวอมแดงหรือเขียวอมเหลืองสามารถใช้เป็นผักประกอบอาหาร ใส่ในแกงคั่วกระทิ, แกงส้ม เมล็ดสีดำนำไปผ่าซึกเอาเฉพาะเมล็ดสีขาวด้านในออกและนำไปอบซึ่งเราเรียกว่า "เมล็ดมะม่วงหิมพานต์"

 

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 28770เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2006 21:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน


ความเห็น
  • บางจังหวัดเรียกว่ามะม่วงหินมพานต์ว่า กาหยี เล็ดลอดฯ
  • เป็นพี่ที่น่ารักจังเลยครับ ดูอบอุ่นดี...ชักอิจฉา

อื้อ!! ใช่ค่ะเคยได้ยิน...แถว ๆ นาประดู่ ปัตตานีนี่แหละค่ะเรียก "เล็ดลอด" หรือ "เล็ดล่อ" ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ

ไม่ยักจะรู้ คุณ "ขจิต" นี่เหลงภาษาใต้เก่งเหมือนกันน่ะค่ะเนี๊ย!!!

  • พี่ชายขอบสอนครับผม
  • อยู่ใต้ตั้ง 4 ปีครับ

เฝ้าติดตามอ่านเสมอมาตั้งแต่แรกพบเจอยังจะเป็นกำลังใจไปตลอด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท