51. ขอเขียนถึงแม่บ้างนะครับ


คำสนทนาระหว่างประธานาธิบดีผู้เป็นที่รักยิ่งของชาวอเมริกันกับหญิงชราชาวอีสาน ยังคงนำมาเล่าสืบต่ออีกเป็นเวลานาน

          ผมคิดมาหลายวันว่าจะเขียนเรื่องแม่ในวันแม่ปีนี้ไหม..... จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม ก็ตัดสินใจว่าไม่เขียนดีกว่า แต่แล้ว เมื่อเช้านี้เอง (13 สิงหาคม) ผมดูรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ก็เลยเปลี่ยนใจ เพราะอย่างน้อยขณะที่ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ ผมคงรำลึกถึงความรักของท่านได้ลึกซึ้ง มากกว่าการนึกถึงท่านเพียงอย่างเดียว

          ปลายพฤษภาคม - ต้นมิถุนายน 2544 หญิงชราลูกชาวนา ที่เรียนหนังสือจบเพียงชั้น ป.2 ได้มีโอกาสนั่งเครื่องบินของสายการบิน อีวา แอร์ จากดอนเมืองไปไต้หวัน แล้วต่อเครื่องมุ่งสู่ลอสแองเจลิส ตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องแม่นั่งเงียบ บางครั้งลอบถอนหายใจ พอผมถามว่า แม่ไม่สบายรึเปล่า ท่านก็บอกว่า สบายดี จนเรามาถึงไต้หวัน ขณะที่รอเวลาขึ้นเครื่องไปลอสแองเจลิส แม่ถามผมว่า

          “ค่าเครื่องบินเท่าไหร่” ผมตอบว่า ไป-กลับ คนละสามหมื่นห้าพันบาท แกถอนหายใจแล้วบ่นว่า

“แพงจัง  ไม่รู้จะให้แม่ไปทำไม แค่รู้ว่าลูกมีความสุขที่เมืองฝรั่ง แม่ก็ดีใจแล้ว”

“น้องเขาอยากให้แม่ไป เขาคงดีใจมากที่เห็นแม่กับพ่อไปเยี่ยมเขาถึงอเมริกา” ผมพยายามบอกถึงความตั้งใจของน้องสาวผม

“ไม่เป็นไรหรอก... ลูกเขาอยากให้ไป ก็ตามใจเขาเถอะ” พ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้นบ้าง 

 แม่ พ่อและผมอยู่อเมริกายี่สิบเอ็ดวัน ลูกสาวและลูกเขยพาเที่ยวแทบทุกวัน ซึ่งทั้งสองท่านก็มีความสุขในทุกแห่งที่ได้ไป

 

 ชื่นชมร้านเพชรของลูกสาว

 อาหารไทยที่ Thai Town

กับเจ้าฉลามขาวที่ Universal Studio

ภายในรถ ลีมูซีน เดินทางไปลาสเวกัส

ดูโชว์ที่ลาสเวกัส

ต้นเดือนมิถุนายน พวกเราไปเที่ยวดิสนี่แลนด์ หลังจากที่เข้าชมการแสดงหลายแห่ง จนมาถึงอาคารจำลองทำเนียบขาว มีภาพยนตร์ประวัติของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอร์น เจ้าหน้าที่จะแจกหูฟังไร้สายให้คนละอัน เพียงเราสวมเข้าที่หู จะได้ยินเสียงของภาพยนตร์อย่างชัดเจน

ผมนั่งข้างๆ แม่และใส่หูฟังให้ท่าน แม้ว่าท่านจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังดีได้ยินเสียงดนตรีประกอบที่ไพเราะ  ขณะที่ภาพยนตร์ถึงตอนท่านอับราฮัม ลินคอร์นนำทหารเข้ารบในสงครามกลางเมือง แม่ได้สะกิดผมและถามเบาๆ ว่า ใครน่ะ ผมดีใจที่แม่ให้ความสนใจกับภาพยนตร์จึงตอบเพียงสั้นๆ ว่า ประธานาธิบดี แม่กระซิบผมต่อ ซึ่งทำให้ผมแปลกใจ ท่านพูดว่า

“เพิ่นถามแม่ว่า มาจากอุบลเรอะ” เอ.... ถามตอนไหนนี่ ผมสงสัย แต่ก็ถามแม่ว่า

“แล้วแม่ว่าไงล่ะ”

“แม่ ตอบว่า โดย..ขะน่อย” แม่บอกผม พร้อมกับพนมมือขึ้นบนหัว

 หลังจากพวกเราออกมาจากอาคารจำลองทำเนียบขาวแล้ว ผมได้เล่าเรื่องนี้ให้น้องสาวฟัง เธอหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง แล้วถ่ายทอดให้สามีอเมริกันฟัง เขาเป็นสุภาพบุรุษดีมาก เพียงแค่ยิ้มและมองแม่ด้วยความชื่นชม เขาบอกว่า

“คนอีสานเปี่ยมไปด้วยน้ำใจ และความอ่อนน้อมถ่อมตน เขาโชคดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวชาวอีสาน”

             คำสนทนาระหว่างประธานาธิบดีผู้เป็นที่รักยิ่งของชาวอเมริกันกับหญิงชราชาวอีสาน ยังคงนำมาเล่าสืบต่ออีกเป็นเวลานาน และทุกคนที่ได้ฟังล้วนแต่ชื่นชอบ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

“เป็นบุญของแม่แล้ว ที่ได้ยินอย่างนั้น”

ผมคงไม่บาปนะครับ ที่นินทาแม่ ด้วยรัก เทิดทูนและรำลึกถึงพระคุณที่ไม่รู้จบ

คำสำคัญ (Tags): #มาจากอุบลเหรอ
หมายเลขบันทึก: 286959เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2009 21:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

พึ่งเขียนเสร็จหรือคะ  เย้  มาอ่านก่อนเพื่อน

น่ารักและประทับใจจริงๆคะ น่ารัก น่ารัก

ใครนินทาแม่  บาปคะ คริ คริ  แต่ก็น่ารักนะ  มีการได้ยินทักทายเป็นเรื่องของตนเองด้วย

เป็นบุญนะ ที่แม่ได้ยินแบบนั้นจริงๆ

คิดถึงคะ  มีตำนานดีๆ เพื่อรำลึกถึงแม่ ไม่เขียนได้ไง

คิดถึงคะ

ขอบคุณที่เข้ามาเป็นท่านแรกครับ

ทำให้ผมดีใจ และมีกำลังใจดีมากครับ

ผิดแล้วย่า  แต่..ถึงยังไง ปู่ก็ยังดีใจที่ย่ามาเร็ว กว่าที่คิด

ผมก็ไม่คาดฝันว่า ท่านจะได้ยินอย่างนั้นเลยนะครับ

ก็ท่านเป็นฝรั่ง ตายมาแล้วหลายปี จะรู้จักภาษาไทย และรู้จักเมืองอุบล เป็นไปไม่ได้ แต่แม่ก็ได้ยิน

เป็นบุญอย่างว่า

ขอบคุณนะครับ  จะไปเยี่ยมในบล็อกนะครับ

รู้สึกดีๆจังเลยค่ะที่อาจารย์เขียนให้อ่าน

ถ้าอาจารย์ไม่เขียน 

ดิฉันคงไม่ทราบว่า  แม่กับพ่ออาจารย์เหมือนพ่อกับแม่ดิฉันเลยค่ะ

เหมือนจริงๆค่ะ  คือน่ารักเหมือนกัน  อิอิอิ

ความรักความผูกพันธ์ของท่านทั้งสอง  ดูน่ารักมากๆเลยนะคะ

อาจารย์กับน้องสาวก็น่ารักดีจัง  ไม่ลืมพ่อไม่ลืมแม่ 

 แก่เฒ่าก็อยากให้ท่านไปเที่ยวด้วย

อ่านบล็อกนี้แล้ว  รู้สึกว่า 

พ่อกับแม่อาจารย์โชคดีนะคะที่มีลูกเป็นคนดี

ลืมไม่ได้ตองขอขอบคุณนะคะที่เขียนให้อ่าน

* ๖ ปีที่ไม่มีพ่อ และ ๔ ปีที่ไม่มีแม่ให้กราบไหว้
* แม้แต่นาทีสุดท้ายของชีวิตของท่านทั้งสองก็ไม่มีโอกาสได้กล่าวคำอำลา  
* ได้แต่รำลึกถึงด้วยความรู้สึกทราบซึ้งในพระคุณ.... เสียดายและเศร้าใจ
       * คุณยังโชคดีที่มีคุณพ่อ*

               

สวัสดีค่ะท่าน...มาอ่านเรื่องราวดีๆค่ะไม่ใช่แค่น้องสาวที่หัวเราะ...

ดิฉันก็ด้วย...ท่านเขียน"คำ"ได้มีชีวิต...อ่านแล้วมีความสุข

ชอบผ้าซิ่นมัดหมี่คุณแม่จังเลย...เป็นบุญตาพวกฝรั่งนะคะที่ได้ยล...

             "ผ้าไหมมัดหมี่อีสานเฮา"...

                                    ขอบคุณค่ะ

เป็นภาพที่ประทับใจมากเลยค่ะ ดีใจจริงๆที่เห็นลูกดูแลพ่อ-แม่ ได้น่ารักขนาดนี้

เห็นด้วยครับว่า แม่และพ่อของคุณดุจดาว เหมือนแม่และพ่อของผม.....ทั้งความน่ารักและเหนืออื่นใด คือ ความรักความห่วงใยลูกไม่มีที่สิ้นสุด

แม้ว่าวันเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม ในสายตาของแม่และพ่อ ลูกยังเด็กเสมอ....

ไม่ใช่เฉพาะผมกับน้องสาวเท่านั้นหรอกครับ คุณดุจดาวและลูกๆ ทุกคน ก็อยากหาสิ่งดีๆ ที่มั่นใจว่าจะทำให้ท่านทั้งสองมีความสุขเช่นกันครับ

และคุณดุจดาวก็เป็นลูกสาวที่แสนดีของแม่กับพ่อ ไม่น้อยไปกว่าผมเช่นกันครับ

ออกเวรบ่ายเหรอครับ พักผ่อนให้เพียงพอนะครับ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านและแลกเปลี่ยนครับ

 

ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ

ตอนที่แม่จากพวกผมไป ผมได้ทราบตอนกำลังขับรถกลับจากกรุงเทพฯ ถึงเขาหน่อ เวลาประมาณทุ่มเศษ

เช้ามืดจึงได้เดินทางไปอุบลราชธานี แม้แต่น้ำอาบศพผมก็ยังไม่ได้รดแม่เลย ไปถึงบ้านร่างท่านก็ในโลงแล้ว

แต่... ผมไม่ตำหนิตัวเอง เพราะถึงอย่างไร แม่ก็เข้าใจผม

ขอบคุณในไมตรีนะครับ

 

ผ้าไหมมัดหมี่ อืมม...ผมบอกตรงๆ ว่า "ไม่ได้สังเกตเลย"

ขอบคุณครูจอมใจครับ

และขอบคุณที่ชม (หน้าบานเท่ากระด้งละมั๊ง...ครูภาษาไทยชมจะไม่ให้หน้าบานได้อย่างไร...ฮิฮิ)

ดีใจที่ทำให้ครูจอมใจมีความสุขครับ (ยิ้ม... ยิ้ม......)

จะขอบคุณอีกที ก็คงไม่เหมาะ เพราะขอบคุณมาแล้ว สองขอบคุณ (อ้าว..รวมแล้วเป็นห้าขอบคุณสิ.....เอ๊ย...ไม่ใช่หก.....ฮ่าฮ่า)

สวัสดีครับ ครู ป.1

ขอบคุณที่ให้กำลังใจนะครับ และขออภัยผมไม่ได้ไปเยี่ยมบ้านคุณครูนานแล้ว จะหาโอกาสไปเร็วๆ นี้นะครับ

ไปท่องเที่ยวตามประสา หนุ่มเหลือน้อยจ้า...ฮิฮิ

กลับบ้านตอนเกือบสองทุ่มเอง

เดี๋ยวไปเยี่ยมบ้านย่านะ ท่าแน่จั๊กหน่อย...ฮิฮิ

สวัสดีค่ะ  อาจารย์ เปลวเทียน

มาดูอาจารย์ หน้าบานเท่ากระด้ง ค่ะ  และมาเข้าขบวนรักแม่ด้วยค่ะ  อิ อิ  ฮิ ฮิ..   อย่างไรก็ตาม แม่ จะอยู่กับเรา อยู่ในใจเรา อยู่ในชีวิตของเรา ตลอดไปนะคะ  

มีความสุขมากๆ ทุกๆ วันค่ะ    

 

 

โอ..... ยินดีต้อนรับครับ นาน น้าน นาน นาน นาน.....เฮ้อ..เหนื่อย นานแล้วนะครับที่ไม่ได้อ่านสำนวนนี้

".... อย่างไรก็ตาม แม่ จะอยู่กับเรา อยู่ในใจเรา อยู่ในชีวิตของเรา ตลอดไป...."

คำนี้ กินใจมากครับ โดยเฉพาะ "อยู่ในชีวิตของเราตลอดไป"

ขอบคุณมากครับ หวังว่าผมคงจะได้อ่านสำนวนของคุณพระจันทร์ยิ้มอีกนะครับ

ก็อก ก็อก  เจ้ของบ้านไปไหนน้า....

ไปเยียมอ่านบทความดิสนีแลนด์ ดินแดนแห่งเวทย์มนต์และความฝันมาแล้วคะ เลยแวะเข้ามาที่นี่อีกคะ

บทความนั้นท่านบอกว่า ไม่รู้จะขึ้นต้น จบลงอย่างไร ก็จบอย่างนั้นแหละคะ  แม้แต่สุก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร มีแต่ตื่นตา ตื่นเต้น แล้วคงจะลงความเห็นว่า  เหนื่อยมากซิ  ใช่ไหมคะ

เดี๋ยวกลับไปเม้นท์บทนั้นต่ออีกคะ บ๊าย บาย

อ้อ...ไปเที่ยวตามประสาคนหนุ่มเหลือน้อยครับ

โอ๊ะ....ไม่ใช่ คำตอบนี้ ตอบไปเมื่อวานนี้แล้ว ฮิฮิ

ไปเยี่ยมแล้วเหรอครับ อ้าว..งั้นน่าจะเป็นคนแรกนะซี

เย้.... ย่ามาเป็นคนแรกเลย ดีใจ ดีใจ

อ้อ... เหนื่อยจริงๆ ครับ เดินตั้งแต่เช้าจนมืด น้องสาวเลยพาซิ่ง BMW 750 Li ไปกินข้าวที่ไทยทาวน์ ผมซัดซะ..(ขออภัยไม่สุถาพ) แทบลุกไม่ขึ้น (แก้เหนื่อย..แต่เวลาจ่ายตังค์ คิดเป็นเงินไทย แล้วหนาว)   

ไปแล้วเหรอครับ

บาย

คุณลุงน่ารักเสมอกับทุกๆคน ที่ได้อยู่ใกล้ค่ะ อยากอ่านอีก หลายๆเรื่องเกี่ยวกับชีวิตลูกอีสานบ้านเฮาค่ะ

สวัสดีครับ น้องวิ

น่ารัก.....  จริงเหรอ ดีใจจัง

แต่...เอ คนอายุมาก (ยังไม่อยากแก่  อิอิ) "น่ารัก" เป็นยังไงหนา เหมือนเด็ก หรือหนุ่มสาว รึเปล่า (ก็เห็นคำนี้เขาชอบใช้กับคนวัยเอ๊าะ ฮิฮิ)

คงมีโอกาสเขียนชีวิตลูกอีสานบ้านเฮา ตอนปลายปีนี้ครับ

ขอบคุณนะครับ

เพียงแค่ภาพก็มีความสุขใจมากล้น แต่พอได้อ่านถ้อยคำบรรยาย มันซึ้งมาก...ทำให้รู้สึกว่ารักพ่อกับแม่มากที่สุดในโลกเลย......

สวัสดีครับ คุณพจนีย์

ขอบคุณที่แวะมาครับ

ผมคงได้อ่านสำนวนคุณพจนีย์ในอีกไม่ช้านี้นะครับ

ดีใจที่ทำให้คุณมีความสุขครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท