ตาเหลิม
นาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์

10. เรื่องในแท็กซี่...การเดินทางชีวิต และกฤษณา


เกษตรอำเภอ เกษตรตำบล ไม่เห็นจะช่วยแนะนำอะไรให้แกและครอบครัวได้เลย

.

.

.

เมื่อวานนี้ 11 สิงหาคม ตอนบ่าย ระหว่างนั่งรถแท็กซี่ ได้นั่งไปกับพี่คนขับท่าทางทะมัดทะแมง และอัธยาศัยดี  ผมขอนั่งด้านข้างคนขับกับพี่แก ด้วยการปีนป่ายเบาะจากด้านหลังมาด้านหน้า ซึ่งนั่นประหลาดมิใช่น้อย สำหรับพี่แก 

 

พี่แก ชื่อ ชัย ... แกเป็นคนพิษณุโลก 

 

บทสนทนาระหว่างสองคนเริ่มจาก พระในรถพี่ตั้งแบบแปลกๆ บริเวณกระจกหน้าน่ะครับ 

พี่ชัยหัวเราะแล้วบอกว่า หลวงพ่อแถวบ้านตั้งให้ ด้วยการที่มีพระพุทธชินราชองค์เล็กๆ ตั้งรายรอบอยู่ในลักษณะครึ่งวงกลม ตรงกลางตั้งพระนเรศวรองค์เล็ก ๆ ซึ่งผมเห็นว่าประหลาดดี แกก็ไม่เข้าใจวัตถุประสงค์การตั้งแบบนั้นซักเท่าไหร่ แต่ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะแปลกดี

ผมก็เลยได้เรื่องชวนถามว่าแกเป็นคนที่ไหน ก็ได้ความว่าเป็นคนพิษณุโลกโดยกำเนิด มาอยู่กทม.ได้สักพักหนึ่ง ถามไถ่ต่อไป ก็เลยชวนพี่แกเล่าเรื่องราวชีวิตให้ฟังบ้าง พราะผมชอบชวนคุย...

แกเล่าให้ฟังว่า บ้านแกเกษตรกรรมและแกเองเป็นเด็กเกเร ไม่เรียนหนังสือ จบมอสาม ก็เข้ากรุง วะ๊การเข้ากรุงของแกนั้นก็ประหลาด แกบอกว่าแกมากับสามล้อเครื่องกับเพื่อนอีกสี่คน สามล้อเครื่องคันนั้นเป็นรถดัดแปลงขายก๋วยเตี๋ยวก็มาจนถึง กทม. มาเป็นเด็กปั๊ม ได้ค่าแรงวันละประมาณ 100 บาท ก็ไม่ค่อยจะพอกินหรอกแกบอกกับผม

จากนั้นแกก็เปลี่ยนอาชีพ ไปทำงานรับจ้างและขายแรงงานในไซต์งานก่อสร้าง เหนื่อยสายตัวแทบขาดได้วันละ 170 บาท เยอะขึ้นนิดหน่อยแต่เหนื่อยมาก ทำได้ซักระยะก็หลายปีอยู่ ได้รับการชักชวนจากญาติให้ไปสมัครเป็นอาสาสมัครตำรวจตระเวนชายแดน เงินเดือน 7,000บาท ทำอยู่สองสามปี เอ๊ะไม่มีการบรรจุ หรือหลักประกันให้ชีวิต แกเริ่มห่วงสวัสดิภาพชีวิต เพราะต้องออกแนวหน้าเสมอๆ ถ้าตายก็คงตายก่อนเพื่อน มีปืนหนึ่งกระบอก ระเบิดสองลูก กระเป๋าและมีดพกติดตัว ระหว่างนั้น ก็เรื่องราวการใช้ยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง อาทิ ยาบ้าที่จับได้ พวกนายๆ ยักยอกไว้ เอามาสูบกันเอง หรือเอามาแบ่งขายบ้าง(ซึ่งแกบอกว่า ไม่ดีเลย และแกต้องมาเลิกยาเสพติดภายหลัง) กัญาชานี่สูบทุกวัน ปัจจุบันแกก็เลิกได้แล้ว... 

แกจึงลาออกและตัดสินใจกลับมาอยู่ กทม.ยึดอาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็ขับอยู่พักใหญ่ และพบว่าเงินที่ได้ๆมาต้องจ่ายค่าวิน และค่าดูแลนี่นั่นนู่นเยอะจนแกตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพอีกครั้ง ไปเป็นพนักงานขับรถส่ง นสพ.ให้กับนสพ.ฉบับหนึ่ง และสุดท้ายลงเอยที่มาขับแท็กซี่ แกบอกว่าสบายใจกว่ากันเยอะ

แท็กซี่คันนั้น แม่แกขายที่ดินและภูเขาลูกน้อยๆ มาจ่ายเป็นค่าดาวน์รถให้ลูกชาย แกมีลูกสาวหนึ่งคนยังเด็กๆอยู่เลย จากนั้นก็เลยชวนคุยกันถึงการกลับบ้านไปทำการเกษตร ไอ้ความรู้เท่าหางอึ่งของผม ก็ไม่รู้จะชวนทำอะไรได้บ้าง จะรู้ก็มีบ้างเรื่องการปลูกผักหวาน และปลูกไม้ประดับ

แกสนใจที่จะทำการเกษตรมากพอสมควร ... ผมไม่รู้จะแนะนำอะไรได้ ด้วยความที่ไม่ได้อยู่ในไร่ในสวนมาก่อน ผมเลยใช้วิธีการเป็น Facilitator และ ผู้ให้คำปรึกษาแทน ผมตั้งคำถามชวนคิดหลายอย่าง แกก็เล่าให้ฟังว่ายังมีที่ดินของครอบครัวที่อยากทำอยู่อีกหลายไร่ และอยากกลับบ้านทำเกษตรมากกว่าอยู่เมือง แต่ด้วยการศึกษาที่น้อยนิด แกจึงไม่มีทางเลือกในอาชีพมากนักแต่แกเลือกอาชีพสุจริต เยี่ยมจริงๆ

แกเริ่มถามผมเรื่องความคิดเห็นในการทำเกษตร ผมเห็นว่าการทำเกษตรกรรมนั้น ถ้าพร้อมก็ลงมือได้เลย และน่าจะเป็นประโยชน์เห็นผลเป็นเนื้อเป็นหนังมากกว่าขับรถแบบนี้แน่ๆ และที่สำคัญชีวิตสงบ แกเองก็ชอบแบบนั้น

ประโยคหนึ่งแกถามเรื่องไม้ กฤษณา กับผม ผมเคยอ่าน...และพูดคุยกับเพื่อนที่ปลูกไม้กฤษณา(แต่ต้นที่เพื่อนปลูกมันยังไม่โต) เพื่อนบอกว่าเป็นทางเลือกที่ดี ในการลงทุนระยะยาว เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงมาก(ถ้าดูแลดีๆ) (อันนี้จริงรึเปล่าครับ) ก็บอกแกไปเท่าที่รู้ และผมจึงย้อนถามแกไปว่า "ทำไมเหรอพี่ พี่จะปลูกกฤษณาเหรอ" แกเลยเล่าให้ฟัง 

พี่ชัยบอกว่า ในหมู่บ้านแกน่ะมีต้นกฤษณา และมันมีฝักเมล็ดที่หล่นมา แกเลยเอามาเพาะในถุงดำ(เมื่อนานมาแล้ว) ตอนนี้มีต้นกล้าไม้กฤษณา ที่ทิ้งๆ ขว้างๆ ต้นนึงสูงเกือบๆแขน ที่ไม่ได้รับการดูแลอยู่หลายร้อยต้น และแกไม่รู้ว่าพันธุ์อะไร และถ้าปลูกดีๆ จะทำให้มีผลตอบแทนอย่างไรได้บ้าง ... ผมก็ไม่่รู้เหมือนกัน ฮ่าๆๆ

แต่เราก็ขอเบอร์กันไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งจะได้ไปช่วยกันทำสวน หรือหากมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์จะได้นำไปถ่ายทอดต่อ และเล่าให้แกฟังได้บ้าง

จึงเขียนบันทึกนี้ขึ้น ด้วยความหวังว่าจะมีผู้รู้ ได้กรุณาช่วยตอบคำถามคาใจของผม เป็นวิทยาทานแก่ผมและคนที่ผ่านมาได้อ่าน

 

โดยคำถามมีอยู่ว่า

1. กฤษณามีพันธุ์อะไรบ้างครับ แต่ละพันธุ์มีความเหมือน หรือต่างกันอย่างไร

2. การเริ่มต้นปลูก สภาพดิน ฟ้า อากาศ น้ำ ที่กฤษณาชอบ

3. การดูแลรักษา How to ในการเลี้ยงดู จัดการให้ไม้เจริญเติบโตแข็งแรง

4. การเก็บเกี่ยวผลผลิต ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว วิธีการเก็บเกี่ยว ทำอย่างไร

5. หากต้องการคำปรึกษา ควรไปที่ไหน พบใคร อย่างไร เพื่อหาข้อมูลเชิงปฏิบัติการ

6. การตลาด และราคาของไม้ ควรค่าแก่การลงทุนหรือไม่ อย่างไร

 

ผมถาม 6 ข้อนี้ ก็ไม่รู้ว่าท่านไหนจะช่วยบอกผมได้บ้างไหมครับ หรือแนะนำให้ไปอ่านบันทึกใดเป็นพิเศษ

อยากได้ข้อมูลจากผู้รู้จริงๆครับผมเองคงช่วยชัยแกไม่ได้มากไปกว่าการเขียนบันทึกนี้ขึ้นมาเพื่อหาข้อมูล

และหากมันดี ผมอาจจะหนีชีวิตเมืองกรุง ทิ้งงานเด็กเยาวชนไปปลูกกฤษณาแล้วลุกขึ้นมาทำเกษตรกรบ้าง

 

อยากช่วยหาข้อมูลให้พี่ชัยแกจริงๆ อีกอย่าง แกบอกเกษตรอำเภอ เกษตรตำบล ไม่เห็นจะช่วยแนะนำอะไรให้แกและครอบครัวได้เลย ผมก็ละเหี่ยใจครับ ใครบอกได้ช่วยบอกทีนะครับ

ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

.

.

.

หมายเลขบันทึก: 286469เขียนเมื่อ 12 สิงหาคม 2009 12:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม 2012 10:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีค่ะ

  • บันทึกนี้มีคุณค่ะมากนะคะ
  • พิษณุโลกเป็นเมืองน่าอยู่ ภูมิอากาศไม่แห้งแล้ง  มีทำเลเหมาะสำหรับทำการเกษตร  พื้นที่อุดมสมบูรณ์ค่ะ
  • และคนเมืองพิษณุโลกจิตใจดี  น้ำใจก็งามค่ะ  สัมผัสได้นะคะ
  • ต้นกฤษณาเคยเห็นเขาเพาะขายมากมาย แต่ไม่มีความรู้ที่จะให้คำแนะนำได้ค่ะ  และที่นิยมในปัจจุบันก็คือตะกูยักษ์ค่ะ
  • ขอมอบมะลิที่ปลูกด้วยน้ำมือให้น้อง..สำหรับวันแม่นะคะ

หวัดดีครับตาเหลิม  ผมเข้ามาอ่านแล้วชอบ ตรงนี้จังเลย...

เกษตรอำเภอ เกษตรตำบล ไม่เห็นจะช่วยแนะนำอะไรให้แกและครอบครัวได้เลย

ทำให้ผมนึกถึง เจ้าหน้าที่ทางการเกษตรของอำเภอแถวบ้านผม (บางคนนะครับ ... ขอย้ำว่า  บางคน )  ชาวไร่  ชาวนาเสื่อมศรัทธาครับ  เพราะพี่แกมีแต่ทฤษฎี  แต่ปฏิบัติไม่เป็น แม่ใหญ่  พ่อใหญ่ เพิ่นปลูกผักเก่งกว่าเยอะครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท