รู้เรื่อง "รู้เลว..."


ชีวิตคนอย่างฉันที่มันเต็มไปด้วย “ความไม่ดี” ขอแบ่งปันประสบการณ์ความเลวร้ายทุกย่างก้าวนี้ต่อเพื่อนมนุษย์
ประสบการณ์ทั้งด้านบวกและด้านลบล้วนมีค่า น่า “ภูมิใจ”

ชีวิตที่ย่างก้าวด้วยความ “หมิ่นเหม่” และหลายครั้งเอียกระเท่เล่ห์ด้วยความทุกข์นั้น ย่อมนำกลับมาหลอม มารวมเป็น “พลัง” สร้างสรรค์ชีวิตให้ก้าวหน้า ท้าผองภัย

แน่นอน... ขาทั้งสองของฉันย่อมย่างเหยียบลงไปในโคลนตมที่ผสานผสมไปด้วย “สิ่งสกปรก” มากกว่ามวลกลีบดอกไม้ที่ใครต่อใครเขาโรยไว้ตามหนทาง

หนทางของฉันนั้นช่าง “ว้าเหว่” เพราะใครต่อใครเขาก็ร่อนเร่ไปในทางที่ “สวยงาม”
ถึงแม้นว่าทาง “เลว ๆ” ของฉันจะ “อ้างว้าง” แต่ฉันขอพลิกกลับเป็นประสบการที่ “อุดม...”

อุดม “ทุกข์” นั้นคือ “สุข” ในการ “เรียนรู้”
ความทุกข์ การพลาด และผิดพลั้งเป็นดั่ง “ครู” สอนเรารู้ซึ่ง “ชีวิต” อนิจจัง...

ชีวิตที่แห้งแล้งนั้นย่อมแฝงด้วย “พลัง”
พลังชีวิต พลังกาย ที่จริงจัง ย่อมกลบฝังความเปียก “ชื้น” ในจิตใจ

ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วน “มีค่า” โปรดนำมา “วิเคราะห์” พิจารณ์มั่น
“ความรู้” จากทุกสิ่งคือ “กำลัง” เปรียบดั่ง “ทั่ง” ใช้ฝน “เข็ม” ทิ่มแทงภัย

ทุกข์และภัยใน “สังสารวัฏ” ล้วน “สวยงาม” น่าไตร่ตรอง
ชีวิตหนึ่ง ชีวิตนี้ ไม่มีสอง โปรดเพ่งมอง “ชีวิต” ใน “จิตเดิม”

บุคคลมองเห็นความเลวร้ายที่เคลือบจิตนี้ ย่อมเป็นบุคคลที่เห็น “จิตเดิม...”
จิตเดิมแท้อัน “ประภัสสร” ดั่ง “กุญชร” เสน่ห์คง
วันชีวิตที่ปลด “ปลง” จิตเดิมคงใส “สว่าง” ชั่วนิรันดร์....

คำสำคัญ (Tags): #จิตเดิมแท้
หมายเลขบันทึก: 283624เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2009 23:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ประเสริฐแท้

ทุกชีวิต ล้วน สัมผัส สิ่งที่จะทำให้จิตนี้หมองมัว นั่นอาจทำให้ต้องร่อนแร่ เคว้งคว้าง ว้าเหว่ ไปบ้าง

ความประเสริฐของทุกคนอยู่ตรงที่จะใช้ สิ่งที่จะปนเปื้อนชีวิตนี้เอง มาเป็นปุ๋ย ทำให้ตนงอกงามได้อย่างไร จะทำให้ตนเห็นคุณค่าในคุณงามความดีจากการผ่านประสบการณ์แย่ๆได้อย่างไร

นั่นคือว้าเหว่จากสิ่งที่จะทำให้เรา มั่นคง มั่นคงศรัทธา อันเกิดจากพระธรรม ที่จะส่องสว่างเข้ามาที่กลางใจ เมื่อหัวใจใครก็ตามต้อนรับพระรัตนไตรเข้ามาเป็นหนึ่งเดียว

เธอ/เขา ผู้นั่นจะไม่อ้างว้าง หรือว้าเหว่ อีกต่อไป จะมั่นคง อบอุ่น เต็มด้วยความรัก เมตตาต่อสรพพสิ่งในโลก หัวใจจะพร้อมรับความงดงามแห่งไม่เที่ยง เพราะมันก็เป็นอยางนั้น มันก็เป้นเช่นนั้นมาแต่ไหนแต่ไร นมนาม ก่อนมีตัวเรากำเนิดมาบนโลกนี้ด้วยซ้ำ

เราเห็นว่าเช่นนี้แหระ

กราบสวัสดีตอนเช้า

-ผู้ใดมีทุกข์มาก จงอดทนเถิด เขาจะพบกับความเย้นมาก

-ผู้ใดเศร้าโศกเขากำลังจะเข้มแข็ง ในวันหนึ่ง เหมือนดังที่กวีเกอร์เต กล่าวว่า

-"ผู้ใดไม่เคยตื่นอยู่เดียวดายคร่ำครวญ เพราะความเหงาหงอยแล้ว ผู้นั้นจะไม่มีวันจะรู้พลังของพระผู้เป็นเจ้าได้เลย"

ในสิ่งสกปรก ย่อมมีสิ่งสะอาด แต่ว่าเรามองข้าม มองไม่เห็น ท่านที่เคยอ่านหนังสือของเชคสเปียร์ ก็คงจะพบว่า มีบทกลอนบทหนึ่งว่า "ในหัวคางคกมีเพชรพลอย" แต่คนไม่คิดกันยอ่างนั้น และไม่เชื่อ และไม่เคยค้นหาเลย เพราะฉะนั้น คือเขาหมายถึงในท่ามกลางโลกียธรรม เราจะพบโลกุตรธรรม ในท่ามกลางกองทุกข์อย่างมหันต์ เราจะพบสันติสุขอย่างมหันต์ ในท่ามกลางกองไฟที่ร้อนจัด เราจะพบจุดที่เยือกเย็นที่สุด..

......อ้างจาก คู่มือพ้นทุกข์ ฉบัยสมบูรณ์

พระธรรมโกศาจารย์ พุทธทาสภิกขุ แห่ง สวนโมกขพลาราม

เราอ่านเจอคำนี้ครั้งแรก ก็ซึ้ง น้ำตาไหล

มีทุกข์ก็สนุกไปอีกแบบนะ

ชีวิต "ตื่นเต้น" ดี

ถ้ามีทุกข์พร้อม "ธรรมะ" นั้นเป็นสิ่งที่ "ประเสริฐ"

ถ้ามีทุกข์พร้อม "อธรรม" นั้นล่ะก็....

คนที่ทุกข์แล้วนำธรรมะมาเป็น "ครู" เป็น "อาจารย์" เป็น "แนวทาง" ในการแก้ไขนั้นจำได้ "ปุ๋ย" ชั้นดีที่จะเป็น "พลัง" ในการดำเนินชีวิตอันน้อยนี้นั้น

คนที่ทุกข์แล้วนำ "อธรรม" มาเป็น "ครู" เป็น "อาจารย์" เป็น "แนวทาง" ในการแก้ไข จะได้ "ปุ๋ย" ชั้นเลวที่มีแต่กลิ่นเหม็น มีแต่สารพิษ นำไปใส่ต้นไม้ ต้นไม้ก็ "ตาย" นำมาใช้กับชีวิตก็ต้องทุกข์ และ "ทุกข์ไปจนตาย..."

คนมีทุกข์มาก ๆ แสดงว่าเป็นคนที่มี "ครู" มาก

ครูใดเล่าจะประเสริฐเท่า "ครูทุกข์ (Suffering teacher)"

ครูทั่วไปสอนหนังสือ สอนวิชาการ สอนกิเลส สอนตัณหา

แต่ "ครูแห่งทุกข์" นั้นหนาสอน "สัจธรรม"

สัจธรรมคือ "ความจริง (Facts)" ที่ใครต่อใครก็ปฏิเสธและหนีไม่ได้

ทุกข์นั้นก็คือ "กรรม" เป็นการกระทำอย่างหนึ่งที่ "สั่งสม (To accumlate)"

คนสะสมทุกข์ คือ คนที่มี "ขุมทรัพย์" ที่ประเสริฐ

ขุมทรัพย์ที่สามารถเก็บมากิน เก็บมาคิด เก็บมาพิจารณา

คนเราที่เกิดมาหลายต่อหลายคน สามารถพลิกจิต คิดได้ และกลายเป็น "พระอริยเจ้า" ได้ก็เพราะ "ความทุกข์..."

ขอจงนำความทุกข์ทั้งหลาย นำมาคิด นำมาพิจารณา

การสอนตนเองด้วยทุกข์จะไม่ทำให้ตนเองเป็นคนกิเลสหนา ปัญญาหยาบ...

คนรู้ทุกข์ย่อมเป็นคนที่ไม่ประมาทใน "ความสุข"

เพราะความสุขก็คือ "ความทุกข์อย่างละเอียด"

คนติดสุขนี่แก้ยากกว่าคนติดทุกข์เสียอีก

คนจนก็มีทุกข์แบบคนจน คนจนพอมีรายได้ขึ้นมามากขึ้นก็แค่เปลี่ยนจากความทุกข์แบบคนจนเป็นความทุกข์แบบ "คนรวย"

เด็กนักเรียน ก็มีทุกข์แบบเด็กนักเรียนที่ต้องทนทุกข์ ทุก ทุก เวลาที่เรียนเพื่อที่จะไปทุกข์แบบคนทำงาน...

เอ้า "ทุกข์เข้าไป" ทุกข์เข้าไป ทุกข์ไว้ ทุกข์ไว้เพื่อรู้ทุกข์ และวันหนึ่งเราจะ "ปล่อยวาง" ความทุกข์นั้นเสียได้...

ธรรมะขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์นั้นประเสริฐแท้

สาธุ สาธุ สาธุ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท