บริหารคนรุ่นใหม่อย่างไรให้ได้ใจ
โดย : จารุนันท์ อิทธิอาวัชกุล
ในช่วงเวลาที่พนักงานเติบโตก้าวหน้าไปเป็นผู้จัดการหรือผู้บริหาร เราคงเคยได้ยินกับคำพูดที่ว่า “ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว” ซึ่งอาจเกิดจากเหตุผลหลายประการ เช่น ต้องรับผิดชอบต่อเป้าหมายสูงขึ้น ต้องบริหารทั้งเรื่องงานและเรื่องคน โดยเรื่องงานที่ทำนั้นก็มีความสลับซับซ้อนแถมยังต้องทำให้เสร็จเร็วขึ้น
ส่วนเรื่องการบริหารคนก็มีหลายเรื่องที่น่าปวดหัว เพราะแต่ละคนมีปัญหาที่ไม่เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าท่านเป็นผู้บริหารรุ่นเก่า (Baby Boomer Generation) ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้าใจคนรุ่นใหม่ (Generation X, Generation Y) ดูเหมือนบริหารยากขึ้น รวม ๆ แล้ว จึงรู้สึกร้อน ๆ
หนาว ๆ กับการเป็นผู้บริหารในยุคปัจจุบัน
การที่ผู้บริหารรุ่นเก่าจะเข้าใจและสามารถบริหารพนักงานรุ่นใหม่ได้อย่างราบรื่นนั้น จริง ๆ แล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องยากอย่างที่คิด หากเราศึกษาและทำความเข้าใจความคาดหวัง ค่านิยม วิถีชีวิต
และแรงจูงใจของพนักงานรุ่นใหม่ ตามที่มีผู้รู้ได้ศึกษาและให้คำแนะนำไว้ ซึ่งพอจะสรุปประเด็นหลัก ๆ ได้ดังนี้
1. ต้องให้งานที่ท้าทายมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพราะ Gen X ส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง และชอบแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์
2. ให้มีโอกาสได้ทำงานที่หลากหลาย เพราะคนกลุ่มนี้เป็นคนในยุคที่สามารถทำงานหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน มีความกระตือรือร้น และมีความสนใจที่หลากหลาย เช่น อาจโทรศัพท์ในขณะที่ค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ดังนั้น ไม่ควรมองว่าเป็นคนจับจด
3. ในการมอบหมายงาน ไม่ใช่เพียงแค่บอกว่า ทำอะไร เมื่อไร แต่ต้องบอกภาพรวมเหตุผล และความสำคัญของงานนั้น ๆ เพื่อเขาจะได้มีส่วนร่วมในการแสดงบทบาทสำคัญต่องานดังกล่าว
4. การใช้อารมณ์ความรู้สึกกับคนรุ่นใหม่ในการสร้างความผูกพันต่องานมีบทบาทสำคัญ
เพราะเขาจะรู้สึกถึงการได้รับการยอมรับ การรับฟัง เพื่อเกิดความมุ่งมั่นที่จะทุ่มเทพลังให้กับงานที่ได้รับมอบหมาย
5. การสร้างบรรยากาศในการทำงานให้สนุก มีสีสัน มีชีวิตชีวา ซึ่งในบางครั้งต้องมีการ
เปิดโอกาสให้พนักงานทำกิจกรรมที่สนุกสนานร่วมกับผู้บริหารบ้าง
นอกจากนี้ ยังมีผลการสำรวจเพิ่มเติมว่าผู้บริหารที่ Gen Y ชื่นชอบนั้น ควรมีคุณลักษณะ
ดังนี้ คือ เป็นคนที่เปิดใจกว้าง รับฟังความคิดเห็น เป็นคนรู้จริงในงาน และคิดเป็นระบบ ไม่ถือตนว่าเป็นหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาที่มีหน้าที่สั่งการ แต่ควรมีบทบาทในฐานะเป็นครู เป็นพี่เลี้ยงในการสอนงาน และที่สำคัญต้องเข้าใจและเคารพในวิถีชีวิต ค่านิยม วิธีคิดที่แตกต่างของคนรุ่นใหม่ด้วย
ท่านอยากรู้มั๊ยว่า ท่านเป็นผู้บริหารรุ่น Baby Boomer หรือ Gen X หรือ Gen Y ซึ่งการจัดกลุ่มดังกล่าวไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุของท่าน หากขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของท่านมากกว่า
ถ้าอย่างนั้นลองตอบแบบสำรวจง่าย ๆ ข้างล่างนี้อย่างจริงใจ
1. คุณมี Web Page เป็นของตัวเอง (1 คะแนน)
2. คุณสร้าง Web Page ให้คนอื่น (2 คะแนน)
3. คุณติดต่อกับเพื่อน ๆ ผ่าน MSN (1 คะแนน)
4. คุณส่ง SMS ให้เพื่อน (2 คะแนน)
5. คุณดูวิดีโอผ่าน YouTube (1 คะแนน)
6. คุณแปลงวิดีโอจากอินเทอร์เน็ต (2 คะแนน)
7. คุณจ่ายค่าดาวน์โหลดเพลงจากอินเทอร์เน็ต (1 คะแนน)
8. คุณรู้วีการดาวน์โหลดฟรี (2 คะแนน)
9. คุณมี Blog แทนไดอารี่ของคุณ (2 คะแนน)
10. คุณสร้าง Blog เป็นเครื่องมือเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในอาชีพ (1 คะแนน)
11. คุณเข้าไปใช้ใน MySpace อย่างน้อย 5 ครั้ง (1 คะแนน)
12. คุณติดต่อสื่อสารกับเพื่อนของคุณผ่าน Facebook (2 คะแนน)
13. คุณใช้อีเมลในการติดต่อกับพ่อแม่ ( 2 คะแนน)
14. คุณยังเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ของคุณ (1 คะแนน)
15. คุณใช้โทรศัพท์ในการถ่ายรูป (1 คะแนน)
16. คุณแลกเปลี่ยนรูปกับเพื่อนของคุณผ่านโทรศัพท์ ( 2 คะแนน)
หากท่านได้ 0-6 คะแนน = Baby Boomer
7-12 คะแนน = Generation X
มากกว่า 12 คะแนน = Generation Y
คงทราบแล้วว่า ท่านเป็นผู้บริหารรุ่นไหน และหากยังเป็นรุ่น Baby Boomer ก็สามารถ
นำแนวคิดข้างต้นมาประยุกต์ใช้ในการบริหารคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หวังว่าจะช่วยเปลี่ยนความคิดจากเดิมที่ว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” เป็น “ยิ่งสูงก็ยิ่งเห็นชัดและเข้าใจได้ลึกซึ้ง”
สำหรับผมแล้ว...
ให้ใจ..
ให้งาน (ให้โอกาส)
ให้อภัย
คือหัวใจแห่งการให้ 3 ประการของการบริหารคน...
ขอบคุณครับ
อยากได้ใจคุณจังเลย
คนรุ่นใหม่ชอบงานที่มีความท้าทายต่อความสามารถของตัวเค้าเอง
ดีมากเลยคะ จะได้เป็นตัววัดว่าตวเองจะเป็นผู้บริหารได้ดีเท่าไหน
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของทุก ๆ ท่าน ค่ะ
เราลองตอบแบบสำรวจดูแล้วว่าตัวเองรุ่นไหน... ไม่บอก
ได้ความรู้ที่แตกต่าง ถึงไม่เป็นผู้บริหารก็วัดได้ว่าเป็นคนรุ่นไหน
ปรับตัวเร็วไว
เป็นคนรุ่นไหน
ก็ทำงานได้ใจพอกันจ้า
ระวังนะคะ ได้ใจแล้วจะติดใจ
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมผลงานจ้ะ
ดิฉันคิดว่าในอนาคตพี่ลักณ์จะเป็นผู้บริหารที่มีแต่ลูกน้องให้ความรัก และให้ความเคารพนับถือแน่นอนค่ะ