ได้อ่านบทความเรื่อง ฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระและการหาปริมาณหมู่ฟีนอลในผลสดและเมล็ดมะขามป้อมอบแห้ง ใบหว้าสด และใบแก่ต้นหูกวาง เขียนโดยคุณพรชัย เปรมไกรสร ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ ปีที่ 63 ฉบับที่ 3 พค-มิย 2552 เล่มล่าสุดนี้เอง พอเปิดอ่านเรื่องนี้ในวารสารเห็นว่าเป็นเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เคยสรุปไว้ก่อนหน้านี้ จึงขอต้องอนุญาตเจ้าของบทความขอสรุปเรื่องนี้รวมอีกครั้งหนึ่ง
ในการศึกษาดังกล่าวผู้วิจัยได้นำมะขามป้อมสด มะขามป้อมอบแห้ง ใบหว้าสด และใบแก่ต้นหูกวางมาสกัดก่อนด้วยแอลกอฮอล์หลังจากนั้นจึงนำไปหา
1. หาปริมาณหมู่ฟีนอล ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ อันนี้หมายความว่าถ้าพืชไหนมีค่ามากจะต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้มากกว่าพืชที่มีค่าน้อย
ผลการศึกษาพบว่า
มะขามป้ิอมสด (5.6) > ใบแก่ต้นหูกวาง (0.32) > ใบหว้าสด(2.39) > มะขามป้อมแห้ง (0.32)
2. หาฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระ - ข้อนี้หาฤทธิ์การทำงานดังนั้นหมายความถ้าใช้น้อยๆ แสดงว่าฤทธิ์แรงกว่าตัวเลขเยอะ (50% effective concentration : EC50)
ผลการศึกษาพบว่า
มะขามป้ิอมสด (24) > ใบหว้าสด(58)>ใบแก่ต้นหูกวาง (82) > มะขามป้อมแห้ง (359)
จากผลการศึกษาดังกล่าวแสดงว่ามะขามป้อมสดมีสารต้านอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์มากกว่าตัวอื่นๆ แต่ถ้าเป็นมะขามป้อมแห้งแล้วฤทธิ์ลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ
ดังนั้นถ้ามีโอกาสได้กินมะขามป้อมสด กินมะขามป้อมสดจะดีกว่าแบบแห้ง
โดยทั่วไปสาร ไฟโตนูเทรี๊ยน มีในพืชผักผลไม้ทุกชนิด จะมากหรือน้อบเท่านั้นเองที่สำคัญ สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะสามารถดูดซึมเข้าสู่เซลส์ได้ไม่เกิน 20 % แต่ถึงกระนั้นก็ยังดีกว่าไม่ได้รับเลย WHO (องค์การอนามัยโลก) ให้รับประทานผักผลไม้วันละไม่น้อยกว่า 408 กรัม เพื่อหวังผลที่จะทำให้เราได้รับไฟเบอร์ช่วยระบบขับถ่าย ป้องกันมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร และได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ มากพอที่จะไม่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมและเพิ่มระบบการทำงานของร่างกายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าทานผักผลไม้หลากหลายชนิดไม่ได้ วันละครึ่งกิโลกรัม ผมมีข้อเสนอ ให้รับประทานสารสกัดจากผลไม้ 7+4 ชนิด ที่ให้สารอาหารครบถ้วน + สารต้านอนุมูลอิสระได้ 30 ซีซ๊ ละ 2000 ORAC ที่ซึมสู่เซลศ์ได้ 100 % ไม่ใส่สารกันบูด ลองดูที่ บล๊อก สารอาหารจำเป็น หรือ ค้นกลูเกิล สุขภาพดีมีขาย โดย สว.
หลังที่ทำงานมีต้นมะขามป้อม 1ต้น เวลาเดินตรวจงานชอบเก็บทานบ่อยๆ ขอบคุณที่นำมาบอกเล่าค่ะ