สพท.พิษณุโลกเขต 1 กับภารกิจเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรทางการศึกษา ตอนที่ 2


ภารกิจเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร

ใกล้จะถึงเวลาตามกำหนดการอบรมฯ (08.30-09.00 : ลงทะเบียน) ผมและคณะจึงพากันไปที่อาคาร 31 เดินขึ้นไปชั้น 2  ห้องอบรม 2-3  พบเพื่อนร่วมโครงการจำนวนมากกำลังรายงานตัวจึงเข้าไปต่อแถว พอลงลายมือชื่อเสร็จแล้ว จนท.แจกเอกสาร 1 ชุด พร้อมบอกว่าให้เขียนรายงานการเดินทางส่ง เมื่อเดินเข้าไปในห้องอบรมพบว่ามีเพื่อนที่มาก่อนนั่งประจำที่กันแล้ว ที่นั่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ให้คนละชุดต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตเรียบร้อย ผมเดินเข้าไปนั่งแถวริม(ตรงกับแอร์พอดี)หันกลับไปด้านหลังเห็น  อ.คิ้ม (รร.จ่านกร้อง) อ.พิทักษ์(รร.พุทธชินราช) กำลังสาละวนกับที่นั่งและเครื่องคอมฯอยู่ ส่วนผมก็เช่นเดียวกันตามนิสัยของนัก IT  นั่งคู่กับน้องจาก รร.ชุมชนที่ 18 วัดสุวรรณประดิษฐ์

พูดถึงการเขียนรายงานการเดินทางในการมาร่วมประชุมสัมมนา จากประสบการณ์ของผมที่เข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่หน่วยงานส่วนกลางจัด มีเรื่องเล่าที่เกิดจากการตั้งข้อสังเกตุในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่การเงินของโครงการนั้นๆ ที่มารับใบรายงานการเดินทาง ตรวจสอบรายงาน และจ่ายเงินให้กับผู้เข้าอบรม ระเบียบการเบิกจ่ายเงินในการเดินทางไปราชการมีเขียนไว้ชัดเจนพอสมควร เกียวกับรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าพาหนะ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก เรื่องที่มักจะสอบถามกันบ่อยๆ คือ ค่าเบี้ยเลี้ยง และค่าพาหนะ การพิจารณาให้เบี้ยเลี้ยงเดินทางมีหลายโครงการที่เจ้าหน้าที่ใจดี ไม่ค่อยซีเรียสเท่าไรจะคิดให้ 1-2วัน บางท่านไม่ให้สักวันก็มี ก็ไม่เป็นไร ส่วนค่าพาหนะนี่ก็อีกเรื่อง นั่งเขียนไปแอบยิ้มไปก็มี บางโครงการไปเจอเจ้าหน้าที่ใจดีก็เขียนกันเต็มที่ ตั้งแต่ออกจากบ้านพักขึ้นสามล้อ(มาจากจังหวัดเดียวกันสามล้อเกือบหมดตลาด จริงๆแล้วแม่บ้านมาส่ง)ถึงสถานีรถไฟ(ดูเวลาช่วงที่เป็นรถไฟชั้นหนึ่งเพราะราคาค่าโดยสารสูง)ถึงสถานีรถไฟกรุงเทพ(หรือหัวลำโพง)นั่งรถแท๊กซี่ถึงสถานทีอบรม ทั้งหมดคูณด้วย 2 (: 2 เที่ยว ไป-กลับ) เป็นเสร็จพิธีกรรมการเขียนรายงานเดินทาง ที่บอกว่าเขียนไปแอบยิ้มไป เพราะจะได้ค่าเดินทางที่พอมีกำไรบ้าง เหลือพอซื้อของไปฝากพรรคพวกที่เขตฯ แล้วที่ว่ามีกำไรก็หมายถึง ไอ้เรื่องที่เขียนกับข้อเท็จจริงมันคนละเรื่องเดียวกันเลย จริงๆแล้วมาบางครั้งมาโดยรถโดยสารประจำทาง พิษณุโลก-กรุงเทพ บางครั้งมากับรถตู้ของหลวงแต่ช่วยกันเฉลี่ยค่าน้ำมัน ค่าเบี้ยเลี้ยง พขร. เรื่องที่จะมาโดยรถไฟมีน้อยครั้งมาก แต่เขียนรายงานที่ไรมาโดยรถไฟด่วนพิเศษปรับอากาศทุกที มาระยะหลังเจ้าหน้าที่เริ่มเขี้ยวให้แนบกากตั๋ว ตัดเบี้ยเลี้ยงเดินทางออก ให้เดินทางโดยประหยัด(จริงๆเดินทางโดยรถยนต์ไม่ใช่โดยประหยัด) กำไรจึงไม่ค่อยมีเหลือซื้อของฝากพรรคพวก ก็ฝากไว้พิจารณา ถ้าเอื้อกันได้ก็ว่ากันไป ไม่ได้ก็ไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง

นั่งเขียนรายงานเดินทางไปพลางๆ สักครู่การอบรมจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยพิธีกรได้เรียนเชิญท่านอาจารย์ ดร.สุวัฒน์ เงินฉ่ำ ตำแหน่งท่านเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาการศึกษา และเป็นผู้อำนวยการโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรทางการศึกษาด้วยการจัดการความรู้ มากล่าวเปิดการอบรมฯ  อ.สุวัฒน์ได้กล่าวถึงโครงการ ความเป็นมา วัตถุประสงค์ เป้าหมาย แนะนำอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง และเป็นคณะทำงานของโครงการฯให้ที่ประชุมรับทราบ

สำหรับ”โครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรทางการศึกษาด้วยการจัดการความรู้” มีหน่วยงานรับผิดชอบ 3 หน่วย คือ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) และสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม(สคส.)โดยมีแนวคิดที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาขั้นพื้นฐานได้นำหลักการและแนวทางการจัดการความรู้(Knowledge Management) มาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดการนำสติปัญญาขององค์กรมาเพิ่มพลังในการเรียนรู้ การเข้าถึงความรู้ การรู้จักเลือกใช้ ดัดแปลง ปรับปรุง ต่อยอดความรู้ที่มีอยู่เดิม และหรือสร้างความรู้ใหม่อันจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผลขององค์กรที่จัดและที่สนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้กับเด็กและเยาวชนตามแนวปฏิรูปของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542  และฉบับปรับปรุง พ.ศ.2545 รวมทั้งมาตรฐานการศึกษาของชาติ โดยเฉพาะมาตรฐานที่ 3 เรื่องแนวการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ สังคมแห่งความรู้ ข้อ 3.3 การสร้างและการจัดการความรู้ในทุกระดับและทุกมิติของสังคมเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการปฏิรูปการเรียนรู้ในสังคม

ในการดำเนินงานโครงการวิจัยฯได้มีการศึกษาความพร้อมและความเป็นไปได้ขององค์กรเป้าหมาย และได้ข้อสรุปว่ามีองค์กรเป้าหมายการวิจัยครั้งนี้ คือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาครอบคลุม 4 ภูมิภาค ตามเขตตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 17 เขต และสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่สำนักงานเขตฯพิจารณาคัดเลือก จำนวน 78 แห่ง รวมองค์กรเป้าหมายการวิจัย จำนวน 95 แห่ง ระยะเวลา 2 ปี

กำลังมีคำถามอยู่ในใจว่า "ที่มากันเกือบร้อยคนมีบทบาทเกี่ยวข้องอย่างไรกับโครงการวิจัยฯ เพราะดู spec ที่แจ้งไปเขตฯกำหนดไว้ชัดเจนมากว่าต้องมีคุณสมบัติอย่างไร แถมบอกว่าถ้าเขตฯหรือสถานศึกษาไม่มีคนตาม spec ให้ส่งเฉพาะที่มี spec มาเท่านั้น และให้พวกที่มากลับไปถ่ายทอดขยายผลต่อ" ก็พอดีท่านประธานพูดถึงว่าทีมที่มาวันนี้เป็น ทีมนักจัดการความรู้ด้าน IT และการสร้าง Blog เพื่อเป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (พูดง่ายๆก็คืองานนี้ใช้ IT เป็นเครื่องมือหลัก จึงต้องใช้คน spec นี้มารับการพัฒนานำไปสอนต่อ=แม่ไก่) 

หลังจากนั้นมีการแนะนำวิทยากรที่จะให้ความรู้ในวันนี้ คือ อ.โอฬาร  คำจีน  รูปร่างใหญ่  เสียงดัง  ฟังชัด  อาจารย์ได้แนะนำให้พวกเรารับทราบถึงบทบาท ภารกิจ จากนี้และต่อไป  ผมชอบใจคำพูดอาจารย์หลายประโยค และที่เป็น keyword ที่น่าจดจำมาก คือ
ความรู้=สารสนเทศ+การปฏิบัติ  หรือ  Knowledge=Information+Action 

อาจารย์โอฬารให้ความรู้และให้ปฏิบัติจริงๆในการสร้าง Blog  สร้างบันทึก  สร้างชุมชน และอีกหลายเรื่องที่เกี่ยวข้อง  สิ่งที่ผมต้องจดจำไปเป็นวิธีการทำงาน คือ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีการปฏิบัติจริง ซึ่งธรรมดาของการอบรมส่วนใหญ่มักจะถามวิทยากรกันทุกเรื่อง อ.โอฬาร บอกว่าความรู้ด้านนี้มีการบันทึกไว้ใน help ของ gotoknow.org ควรเข้าไปศึกษาวิธีการ  นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ผู้ทำหน้าที่วิทยากรต้องศึกษามาก่อนเพื่อการแนะนำให้ผู้เข้ารับการอบรม นอกจากจะทำให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้จากแหล่งความรู้ที่หลากหลายแล้ว วิทยากรยังประหยัดพลังงานของตัวเองได้อีกทางหนึ่ง

การอบรมสิ้นสุดประมาณ 3 โมงเย็น เจ้าหน้าที่การเงินเรียกแต่ละจังหวัดไปรับค่าเดินทาง ที่ประชุมมีการสรุปผลการอบรม ภารกิจที่ต้องดำเนินงานต่อจากนี้ไป  สักครู่จึงปิดการอบรมฯ  ผมและคณะเดินทางกลับถึงพิษณุโลกประมาณสามทุ่มโดยสวัสดิภาพ....สิ้นสุดบทบาทภารกิจแรกของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลกเขต 1 และสถานศึกษาในสังกัด กับ"โครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรทางการศึกษาด้วยการจัดการความรู้" และจะต้องเริ่มบทบาทภารกิจในการถ่ายทอดนวัตกรรม เทคนิควิธีการด้าน IT ให้กับเพื่อนร่วมงานในสำนักงานฯ และสถานศึกษาต่อไปโดยเร่งด่วนต่อไป
 

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 28216เขียนเมื่อ 13 พฤษภาคม 2006 03:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณค่ะที่เขียนถึงการอบรมอย่างละเอียด

นี่คือ ความเห็นของคณะวิจัยที่มีต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลกเขต 1  

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1
           สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1 มีการรับรู้และเข้าใจเป้าหมายในการทำงาน  มียุทธศาสตร์และกิจกรรมที่กระจายมาจากยุทธศาสตร์ รวมทั้งระบุผู้รับผิดชอบ       บุคลากรทุกคนในองค์กรรู้และเข้าใจทิศทางของการทำงานร่วมกัน  โครงการและกิจกรรมการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นสูงมาก  ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความพร้อมด้านทรัพยากรเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับในเรื่องของการจัดการความรู้ ขณะนี้มีพื้นฐานอยู่บ้างแล้ว  มีเครือข่ายและมีแบบปฏิบัติที่ดีเลิศหลายตัวอย่าง พร้อมทั้งมีการเผยแพร่เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับหนึ่ง 

หวังว่าเราจะได้ร่วมมือกันทำงานอย่างสนุกและมีความสุขนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท